Better Pharmacy Chiang Mai
Shared publicly - 10:52
โรคจอประสาทตาเสื่อม (Aged-related macular degeneration : AMD) คืออะไร
ขนาดของสารทดแทนที่แนะนำให้รับประทานต่อวัน คือ
- วิตามิน C 500 mg
- วิตามิน E 400 IU
- Beta carotene 15 mg (ประมาณ 25,000 IU)
- Zinc 80 mg ของ Zinc oxide
- Copper 2 mg ของ Copper oxide (เพราะว่าคนที่รับประทาน Zinc ในขนาดสูง จะมีการขาด Copper ได้)
- คนที่สูบบุหรี่ ไม่ควรใช้สารทดแทนที่มี beta carotene รวมอยู่ด้วย (เพราะพบความสัมพันธ์ของการเกิดมะเร็งปอดในคนสูบบุหรี่ที่รับประทานอาหารที่มี beta carotene ประจำ)
ดังนั้น ในคนทั่วไปที่อายุมากกว่า 55 ปี ควรได้รับการตรวจจอประสาทตาจากจักษุแพทย์ เพื่อประเมินความเสี่ยงต่อการเกิดโรคจอประสาทตาเสื่อม และควรปรึกษาจักษุแพทย์เสียก่อนว่า มีความจำเป็นที่จะต้องได้รับประทาน vitamin and mineral supplement หรือไม่
http://www.phyathai.com/medicalcenterdetail_article/25/238/PYT3/th
ขนาดของสารทดแทนที่แนะนำให้รับประทานต่อวัน คือ
- วิตามิน C 500 mg
- วิตามิน E 400 IU
- Beta carotene 15 mg (ประมาณ 25,000 IU)
- Zinc 80 mg ของ Zinc oxide
- Copper 2 mg ของ Copper oxide (เพราะว่าคนที่รับประทาน Zinc ในขนาดสูง จะมีการขาด Copper ได้)
- คนที่สูบบุหรี่ ไม่ควรใช้สารทดแทนที่มี beta carotene รวมอยู่ด้วย (เพราะพบความสัมพันธ์ของการเกิดมะเร็งปอดในคนสูบบุหรี่ที่รับประทานอาหารที่มี beta carotene ประจำ)
ดังนั้น ในคนทั่วไปที่อายุมากกว่า 55 ปี ควรได้รับการตรวจจอประสาทตาจากจักษุแพทย์ เพื่อประเมินความเสี่ยงต่อการเกิดโรคจอประสาทตาเสื่อม และควรปรึกษาจักษุแพทย์เสียก่อนว่า มีความจำเป็นที่จะต้องได้รับประทาน vitamin and mineral supplement หรือไม่
http://www.phyathai.com/medicalcenterdetail_article/25/238/PYT3/th
1
ฉีดยาอวาสตินเข้าน้ำวุ้นตา รักษาโรคจอประสาทตาเสื่อม
(อยู่ในสิทธิบัตรทอง) | สำนักข่าวไทย อสมท
https://www.youtube.com/watch?v=8Uz_yT7M_oI
โรคจุดภาพชัดของจอตาเสื่อม (Macula disease)
http://mettapharmacy.blogspot.com/2014/04/blog-post.html
(อยู่ในสิทธิบัตรทอง) | สำนักข่าวไทย อสมท
https://www.youtube.com/watch?v=8Uz_yT7M_oI
โรคจุดภาพชัดของจอตาเสื่อม (Macula disease)
http://mettapharmacy.blogspot.com/2014/04/blog-post.html
1
Add a comment...
Better Pharmacy Chiang Mai
Shared publicly - 09:12
ศิริราช The Life [by Mahidol]
ตอน จอตาเสื่อม เอ็นข้อศอกอักเสบ Hallux Valgus
https://www.youtube.com/watch?v=pxemDJlTz94
ตอน จอตาเสื่อม เอ็นข้อศอกอักเสบ Hallux Valgus
https://www.youtube.com/watch?v=pxemDJlTz94
1
Add a comment...
Better Pharmacy Chiang Mai
Shared publicly - 09:13
แสงและสายตา โดยอาจารย์ธรรศ สงวนศักดิ์ จักษุแพทย์โรงพยาบาลศรีนครินทร์
https://www.youtube.com/watch?v=MdnjYEjcBUU
https://www.youtube.com/watch?v=MdnjYEjcBUU
1
Add a comment...
Better Pharmacy Chiang Mai
Shared publicly - 09:10
โรคจอประสาทตาเสื่อม โดย นพ.ธรรศ สงวนศักดิ์
ออกอากาศทางช่อง NBT ขอนแก่น
https://www.youtube.com/watch?v=PebuwzivpDY
ออกอากาศทางช่อง NBT ขอนแก่น
https://www.youtube.com/watch?v=PebuwzivpDY
1
Add a comment...
Better Pharmacy Chiang Mai
Shared publicly - 08:37
รู้จักจอประสาทตาเสื่อม อาการและการรักษา | โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์
https://www.youtube.com/watch?v=Jd3XYeEKTOY
https://www.youtube.com/watch?v=Jd3XYeEKTOY
1
Add a comment...
Better Pharmacy Chiang Mai
Shared publicly - 08:39
ความก้าวหน้าในการรักษา โรคจอประสาทตาเสื่อม 1-3
สาเหตุจากอนุมูลอิสระ ที่ทำให้ร่างกายเสื่อมเร็ว จะพบในคนที่อายุ 50 ปีขึ้นไป
กินอาหารบำรุงสายตา ประเภท วิตะมินเอ ซี อี Zn Se XANTHINE ZEAXANTHIN
ใช้ LASER ร้อน หรือ เย็น (30 บาท รักษาได้)
เคาะพ่นสี เศษเหล็กกระเด็นเข้าตา ช่างเชื่อม
แว่นกันแดดกัน UV 100%
https://www.youtube.com/watch?v=wJ8yB-W_YSM
https://www.youtube.com/watch?v=0b0xTHtXfmI
https://www.youtube.com/watch?v=z6sO2eeK2nI
สาเหตุจากอนุมูลอิสระ ที่ทำให้ร่างกายเสื่อมเร็ว จะพบในคนที่อายุ 50 ปีขึ้นไป
กินอาหารบำรุงสายตา ประเภท วิตะมินเอ ซี อี Zn Se XANTHINE ZEAXANTHIN
ใช้ LASER ร้อน หรือ เย็น (30 บาท รักษาได้)
เคาะพ่นสี เศษเหล็กกระเด็นเข้าตา ช่างเชื่อม
แว่นกันแดดกัน UV 100%
https://www.youtube.com/watch?v=wJ8yB-W_YSM
https://www.youtube.com/watch?v=0b0xTHtXfmI
https://www.youtube.com/watch?v=z6sO2eeK2nI
1
Add a comment...
Better Pharmacy Chiang Mai
Shared publicly - 08:31
แสงสีฟ้าจากหน้าจออันตราย ! แต่ป้องกันได้
http://health.kapook.com/view130695.html
http://health.kapook.com/view130695.html
แสงสีฟ้า จากจอคอม อันตราย ต่อสายตาและสมอง แต่มี วิธีป้องกันแสงสีฟ้า จากหน้าจอมือถือ แสงสีฟ้า อันตราย ต้องทำ วิธีป้องกันแสงสีฟ้า ตามนี้
1
Add a comment...
Better Pharmacy Chiang Mai
Shared publicly - 08:18
"แสงสีน้ำเงินเป็นหนึ่งในแสงที่สามารถทะลุทะลวงได้ถึงจอประสาทตา เรียกว่ามีพลังทำลายกระจกตาหรือจอประสาทตาได้มากกว่าแสงสีอื่น"
ความสว่างมากๆ จะทำให้ดวงตาล้าได้ง่าย แต่หากหรี่แสงให้ความสว่างลดลงมากๆ ดวงตาก็จะต้องเพ่งมองหนักขึ้น และอาจทำให้เกิดอันตรายได้เช่นกัน
แสงน้ำเงินอยู่รอบตัวคุณ! ในอุปกรณ์ต่างๆ ทั้งคอมพิวเตอร์ สมาร์ทโฟน แท็บเล็ต โทรทัศน์ รวมถึงอาชีพที่ต้องใช้แสง เช่น การเชื่อมเหล็ก เป่าแก้ว หรือผู้ที่ใช้คอมพิวเตอร์เป็นเวลานาน นอกจากนี้ ผู้ที่ใช้อุปกรณ์ให้แสงสีน้ำเงินในสภาพแวดล้อมที่ไม่เหมาะสม เช่น เล่นสมาร์ทโฟนในที่มืด ปิดไฟดูโทรทัศน์ ก็ล้วนเป็นปัจจัยเสี่ยงภัยจากแสงสีน้ำเงินทั้งสิ้น
อันตรายแสงน้ำเงิน ทำลายได้ถึงจอประสาทตา หากมีพฤติกรรมการใช้งานอุปกรณ์ที่ให้แสงสีน้ำเงินสูง ทำงานในอุตสาหกรรมที่มีการใช้แสง ก็อาจเสี่ยงต่ออาการต่างๆ ซึ่งอาจเกิดขึ้นได้กับจอรับภาพ กระจกตา เลนส์ตา หรือจอประสาทตา ด้วยอาการจอประสาทตาเสียหายหรือเกิดการไหม้ กระจกตาถลอก ปวดตาเรื้อรัง น้ำตาไหลตลอดเวลา ปวดกระบอกตา หรือร้ายแรงมากๆ ก็คือ มีรูทะลุที่จอประสาทตา หรือจนกระทั่งลืมตาไม่ขึ้น
อาการเบื้องต้นได้แก่ ล้าบริเวณดวงตา ปวดตาหรือเบ้าตา หรือแพ้แสง ซึ่งอาจมีสาเหตุจากหลายปัจจัย อาทิ น้ำตาแห้ง สายตาสั้นมากหรือเอียงมาก ใช้สายตามากเกินไป มีความดันตาสูงผิดปกติ กำลังจะเกิดโรคต้อหิน หรือกล้ามเนื้อตาอ่อนแรง และหากเกิดอาการเห็นจุดดำตรงกลางสายตา ตาพร่ามัว หรือมองภาพตรงกลางไม่ชัด ก็ควรรีบพบแพทย์เพื่อรับคำปรึกษาหรือรักษาโดยทันที เพราะนั่นอาจหมายถึงสัญญาณว่าคุณมีอาการวุ้นในตาเสื่อมหรือจอประสาทตาเขยื้อน
หากจำเป็นต้องใช้คอมพิวเตอร์ สมาร์ทโฟน หรือทำงานกับแสงจ้าเป็นเวลานาน ก็ควรพักสายตาทุก 30-45 นาที
หากคุณต้องพบกับแสงหรือใช้งานอุปกรณ์ที่มีแสงเป็นเวลานาน คุณสามารถลดการใช้สายตาได้ ดังนี้
1.พักสายตาด้วยการหลับตา หรือกะพริบตาซักครู่
2.มองออกนอกหน้าต่าง ละจากอุปกรณ์ที่ให้แสง และมองไปที่พื้นที่สีเขียวซักพัก 3.หากคุณต้องอยู่ในห้องที่ใช้เครื่องปรับอากาศตลอดเวลา อาจทำให้ตาแห้งได้ง่ายกว่าปกติ ลองนำน้ำใส่แก้ว แล้ววางตั้งไว้ภายในห้อง ก็จะช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้ดวงตาคู่สวยได้ไม่ยาก
อ่านข่าวต่อได้ที่: http://www.thairath.co.th/content/422589
ความสว่างมากๆ จะทำให้ดวงตาล้าได้ง่าย แต่หากหรี่แสงให้ความสว่างลดลงมากๆ ดวงตาก็จะต้องเพ่งมองหนักขึ้น และอาจทำให้เกิดอันตรายได้เช่นกัน
แสงน้ำเงินอยู่รอบตัวคุณ! ในอุปกรณ์ต่างๆ ทั้งคอมพิวเตอร์ สมาร์ทโฟน แท็บเล็ต โทรทัศน์ รวมถึงอาชีพที่ต้องใช้แสง เช่น การเชื่อมเหล็ก เป่าแก้ว หรือผู้ที่ใช้คอมพิวเตอร์เป็นเวลานาน นอกจากนี้ ผู้ที่ใช้อุปกรณ์ให้แสงสีน้ำเงินในสภาพแวดล้อมที่ไม่เหมาะสม เช่น เล่นสมาร์ทโฟนในที่มืด ปิดไฟดูโทรทัศน์ ก็ล้วนเป็นปัจจัยเสี่ยงภัยจากแสงสีน้ำเงินทั้งสิ้น
อันตรายแสงน้ำเงิน ทำลายได้ถึงจอประสาทตา หากมีพฤติกรรมการใช้งานอุปกรณ์ที่ให้แสงสีน้ำเงินสูง ทำงานในอุตสาหกรรมที่มีการใช้แสง ก็อาจเสี่ยงต่ออาการต่างๆ ซึ่งอาจเกิดขึ้นได้กับจอรับภาพ กระจกตา เลนส์ตา หรือจอประสาทตา ด้วยอาการจอประสาทตาเสียหายหรือเกิดการไหม้ กระจกตาถลอก ปวดตาเรื้อรัง น้ำตาไหลตลอดเวลา ปวดกระบอกตา หรือร้ายแรงมากๆ ก็คือ มีรูทะลุที่จอประสาทตา หรือจนกระทั่งลืมตาไม่ขึ้น
อาการเบื้องต้นได้แก่ ล้าบริเวณดวงตา ปวดตาหรือเบ้าตา หรือแพ้แสง ซึ่งอาจมีสาเหตุจากหลายปัจจัย อาทิ น้ำตาแห้ง สายตาสั้นมากหรือเอียงมาก ใช้สายตามากเกินไป มีความดันตาสูงผิดปกติ กำลังจะเกิดโรคต้อหิน หรือกล้ามเนื้อตาอ่อนแรง และหากเกิดอาการเห็นจุดดำตรงกลางสายตา ตาพร่ามัว หรือมองภาพตรงกลางไม่ชัด ก็ควรรีบพบแพทย์เพื่อรับคำปรึกษาหรือรักษาโดยทันที เพราะนั่นอาจหมายถึงสัญญาณว่าคุณมีอาการวุ้นในตาเสื่อมหรือจอประสาทตาเขยื้อน
หากจำเป็นต้องใช้คอมพิวเตอร์ สมาร์ทโฟน หรือทำงานกับแสงจ้าเป็นเวลานาน ก็ควรพักสายตาทุก 30-45 นาที
หากคุณต้องพบกับแสงหรือใช้งานอุปกรณ์ที่มีแสงเป็นเวลานาน คุณสามารถลดการใช้สายตาได้ ดังนี้
1.พักสายตาด้วยการหลับตา หรือกะพริบตาซักครู่
2.มองออกนอกหน้าต่าง ละจากอุปกรณ์ที่ให้แสง และมองไปที่พื้นที่สีเขียวซักพัก 3.หากคุณต้องอยู่ในห้องที่ใช้เครื่องปรับอากาศตลอดเวลา อาจทำให้ตาแห้งได้ง่ายกว่าปกติ ลองนำน้ำใส่แก้ว แล้ววางตั้งไว้ภายในห้อง ก็จะช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้ดวงตาคู่สวยได้ไม่ยาก
อ่านข่าวต่อได้ที่: http://www.thairath.co.th/content/422589
1
Add a comment...
Better Pharmacy Chiang Mai
Shared publicly - 10:54
เพื่อป้องกันการเสื่อมสภาพของจอประสาทตา
ผู้ที่มีประวัติบุคคลในครอบครัวมีภาวะจอประสาทตาเสื่อม บุคคลทั่วไปอายุระหว่าง 40-64 ปี ควรได้รับการตรวจสุขภาพตาทุก 2-4 ปี
สำหรับคนที่มีอายุตั้งแต่ 65 ปีขึ้นไป ให้ตรวจทุก 1-2 ปี แม้ไม่มีอาการผิดปกติอะไรก็ตาม งดสูบบุหรี่
เลือกรับประทานอาหารที่มีสารต้านอนุมูลอิสระได้แก่ ผักใบเขียวและผลไม้ รับประทานวิตามินเสริมเช่น วิตามินซี 500 มิลลิกรัม วิตามินอี 400 IU เบต้าแคโรทีน 15 มิลลิกรัม สังกะสี 80 มิลลิกรัมและคอปเปอร์ 2 มิลลิกรัม รับประทานปลา กรดไขมันชนิดโอเมก้า 3 จะสามารถป้องกันความเสี่ยงของการเกิดภาวะจอประสาทตาเสื่อมได้.
อ่านข่าวต่อได้ที่: http://www.thairath.co.th/content/369595
ผู้ที่มีประวัติบุคคลในครอบครัวมีภาวะจอประสาทตาเสื่อม บุคคลทั่วไปอายุระหว่าง 40-64 ปี ควรได้รับการตรวจสุขภาพตาทุก 2-4 ปี
สำหรับคนที่มีอายุตั้งแต่ 65 ปีขึ้นไป ให้ตรวจทุก 1-2 ปี แม้ไม่มีอาการผิดปกติอะไรก็ตาม งดสูบบุหรี่
เลือกรับประทานอาหารที่มีสารต้านอนุมูลอิสระได้แก่ ผักใบเขียวและผลไม้ รับประทานวิตามินเสริมเช่น วิตามินซี 500 มิลลิกรัม วิตามินอี 400 IU เบต้าแคโรทีน 15 มิลลิกรัม สังกะสี 80 มิลลิกรัมและคอปเปอร์ 2 มิลลิกรัม รับประทานปลา กรดไขมันชนิดโอเมก้า 3 จะสามารถป้องกันความเสี่ยงของการเกิดภาวะจอประสาทตาเสื่อมได้.
อ่านข่าวต่อได้ที่: http://www.thairath.co.th/content/369595
1
Add a comment...
Better Pharmacy Chiang Mai
Shared publicly - 10:21
บทความเผยแพร่ความรู้สู่ประชาชน
กินอะไร...ชะลอจอประสาทตาเสื่อม
ลูทีน และ ซีแซนทีน เป็นสารประกอบที่จัดอยู่ในกลุ่มของแคโรทีนอยด์ที่ไม่สามารถเปลี่ยนเป็นวิตะมิน เอ ได้ ร่างกายมนุษย์ไม่สามารถสร้างสารประกอบทั้งสองนี้ได้ จำเป็นต้องได้รับจากอาหาร
การได้รับลูทีนและซีแซนทีน ไม่ว่าจะอยู่ในรูปของอาหารหรือผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร มีผลทำให้ระดับของลูทีนในเลือดและในแมคูลาสูงขึ้น และทำให้การวัดการมองเห็นต่างๆดีขึ้น มีแนวโน้มในการป้องกันการเกิดโรคจอประสาทตาเสื่อม
ผักส่วนใหญ่เป็นชนิดที่คุ้นเคยกันในบ้านเรา ผัก 2 ชนิดที่น่าจะมีประโยชน์มากคือ ผักคะน้า และ ผักปวยเล้ง เนื่องจากมีปริมาณลูทีนสูงที่สุด
http://www.pharmacy.mahidol.ac.th/th/knowledge/article/189/ชะลอจอประสาทตาเสื่อมต้องกินอะไร/
กินอะไร...ชะลอจอประสาทตาเสื่อม
ลูทีน และ ซีแซนทีน เป็นสารประกอบที่จัดอยู่ในกลุ่มของแคโรทีนอยด์ที่ไม่สามารถเปลี่ยนเป็นวิตะมิน เอ ได้ ร่างกายมนุษย์ไม่สามารถสร้างสารประกอบทั้งสองนี้ได้ จำเป็นต้องได้รับจากอาหาร
การได้รับลูทีนและซีแซนทีน ไม่ว่าจะอยู่ในรูปของอาหารหรือผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร มีผลทำให้ระดับของลูทีนในเลือดและในแมคูลาสูงขึ้น และทำให้การวัดการมองเห็นต่างๆดีขึ้น มีแนวโน้มในการป้องกันการเกิดโรคจอประสาทตาเสื่อม
ผักส่วนใหญ่เป็นชนิดที่คุ้นเคยกันในบ้านเรา ผัก 2 ชนิดที่น่าจะมีประโยชน์มากคือ ผักคะน้า และ ผักปวยเล้ง เนื่องจากมีปริมาณลูทีนสูงที่สุด
http://www.pharmacy.mahidol.ac.th/th/knowledge/article/189/ชะลอจอประสาทตาเสื่อมต้องกินอะไร/
โรคจอประสาทตาเสื่อม คืออะไร จอประสาทตา (retina) เป็นส่วนที่อยู่บริเวณหลังสุดของตา เมื่อใช้�¸
1
Add a comment..
Better Pharmacy Chiang Mai
Shared publicly - 11:06
ข้อมูลเพื่อการดูแลสุขภาพดวงตา ด้วยสารอาหารจากธรรมชาติ
สารอาหารที่ช่วยดูแลสุขภาพของดวงตา และลดอนุมูลอิสระที่จะทำลายเลนส์ตาที่สำคัญมี 3 ชนิดได้แก่
ลูทีน (Lutein) เป็นสารอาหารธรรมชาติกลุ่มแคโรทีนอยด์ พบมากในตาบริเวณจุดรับภาพ และจอประสาทตา ทำหน้าที่ป้องกันรังสีจากแสงแดด ช่วยกรองแสงสีน้ำเงินที่จะทำลายดวงตาและช่วยปกป้องเซลล์ของจอประสาทตาโดยการลดอนุมูลอิสระที่ทำลายดวงตา
ร่างกายจำเป็นต้องได้รับลูทีนจากอาหารโดยเฉพาะจากพืชผักสีเขียวเข้ม เช่น คะน้า ผักโขม ผักกาด ปวยเล้ง เป็นต้น และพบว่าการรับประทานลูทีนวันละ 6 มิลลิกรัม ช่วยลดความเสี่ยงของโรคจอประสาทตาเสื่อมได้ถึงร้อยละ 50
บิลเบอร์รี่สกัด (Bilberry extract) เป็นสารอาหารกลุ่มไบโอฟลาโวนอยด์ (Bioflavonoid) ที่มีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระสูง ช่วยป้องกันเลนส์ตา และสร้างความแข็งแรงให้กับคอลลาเจนซึ่งเป็นโครงสร้างของคอร์เนีย (Cornea) และเส้นเลือดฝอยในตาทำให้เส้นเลือดฝอยไม่เปราะแตกง่าย และป้องกันไม่ให้เซลล์ดวงตาขุ่นมัว อันเป็นสาเหตุของโรคต้อกระจก นอกจากนั้นยังช่วยการมองเห็นในที่มืด หรือที่ที่มีแสงสลัว ๆ ให้ชัดเจนขึ้นอีกด้วย
เบต้าแคโรทีน (Beta-carotene) เป็นสารอาหารธรรมชาติที่พบมากในแครอท ฟักทอง ร่างกายจะเปลี่ยนเบต้าแคโรทีนเป็นวิตามินเอซึ่งจะช่วยการมองเห็นในที่มืดป้องกันโรคตาบอดตอนกลางคืน และยังเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยบำรุงดวงตา และป้องกันโรคตาหลายชนิด เช่น ต้อกระจก รวมถึงช่วยให้ผิวเยื่อเมือกในตาชุ่มชื่นขึ้นอีกด้วย
http://megawecare.co.th/รายละเอียด/ข้อมูลการดูแลสุขภาพ/ข้อมูลเพื่อการดูแลสุขภาพดวงตา-ด้วยสารอาหารจากธรรมชาติ/35
สารอาหารที่ช่วยดูแลสุขภาพของดวงตา และลดอนุมูลอิสระที่จะทำลายเลนส์ตาที่สำคัญมี 3 ชนิดได้แก่
ลูทีน (Lutein) เป็นสารอาหารธรรมชาติกลุ่มแคโรทีนอยด์ พบมากในตาบริเวณจุดรับภาพ และจอประสาทตา ทำหน้าที่ป้องกันรังสีจากแสงแดด ช่วยกรองแสงสีน้ำเงินที่จะทำลายดวงตาและช่วยปกป้องเซลล์ของจอประสาทตาโดยการลดอนุมูลอิสระที่ทำลายดวงตา
ร่างกายจำเป็นต้องได้รับลูทีนจากอาหารโดยเฉพาะจากพืชผักสีเขียวเข้ม เช่น คะน้า ผักโขม ผักกาด ปวยเล้ง เป็นต้น และพบว่าการรับประทานลูทีนวันละ 6 มิลลิกรัม ช่วยลดความเสี่ยงของโรคจอประสาทตาเสื่อมได้ถึงร้อยละ 50
บิลเบอร์รี่สกัด (Bilberry extract) เป็นสารอาหารกลุ่มไบโอฟลาโวนอยด์ (Bioflavonoid) ที่มีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระสูง ช่วยป้องกันเลนส์ตา และสร้างความแข็งแรงให้กับคอลลาเจนซึ่งเป็นโครงสร้างของคอร์เนีย (Cornea) และเส้นเลือดฝอยในตาทำให้เส้นเลือดฝอยไม่เปราะแตกง่าย และป้องกันไม่ให้เซลล์ดวงตาขุ่นมัว อันเป็นสาเหตุของโรคต้อกระจก นอกจากนั้นยังช่วยการมองเห็นในที่มืด หรือที่ที่มีแสงสลัว ๆ ให้ชัดเจนขึ้นอีกด้วย
เบต้าแคโรทีน (Beta-carotene) เป็นสารอาหารธรรมชาติที่พบมากในแครอท ฟักทอง ร่างกายจะเปลี่ยนเบต้าแคโรทีนเป็นวิตามินเอซึ่งจะช่วยการมองเห็นในที่มืดป้องกันโรคตาบอดตอนกลางคืน และยังเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยบำรุงดวงตา และป้องกันโรคตาหลายชนิด เช่น ต้อกระจก รวมถึงช่วยให้ผิวเยื่อเมือกในตาชุ่มชื่นขึ้นอีกด้วย
http://megawecare.co.th/รายละเอียด/ข้อมูลการดูแลสุขภาพ/ข้อมูลเพื่อการดูแลสุขภาพดวงตา-ด้วยสารอาหารจากธรรมชาติ/35
1
Add a comment.
Better Pharmacy Chiang Mai
Shared publicly - 11:01
สารสกัดเมล็ดองุ่นผสมมัลเบอร์รี สูตรอาหารเสริมโดดเด่น สำหรับผู้ป่วยเบาหวาน
ผู้ที่มีน้ำตาลในเลือดสูงเป็นระยะเวลานาน จะมีหลอดเลือดทั่วร่างกายที่แข็ง เปราะ หงิก งอ ทำให้ ผู้ป่วยเบาหวาน เป็นผู้ป่วยที่มีอัตราเสี่ยงสูงสุดต่อภาวะเส้นเลือดในสมองตีบ หรือแตก รวมทั้งมีอัตราเสี่ยงสูงสุดต่อการเกิดภาวะไตวาย และนำมาซึ่งโรคแทรกซ้อนอื่นๆ เช่น โรคความดันโลหิตสูง โรคหัวใจ กระจกตาเสื่อม จอประสาทตาเสื่อม และต้อกระจก
สารสกัดจากเมล็ดองุ่น มีสารสำคัญ ชื่อ OPC (Oligomeric Proanthocyanidine) ซึ่งมีคุณสมบัติสำคัญ ช่วยลดภาวะเลือดหนืดในผู้ป่วยเบาหวาน ทำให้หลอดเลือดทั่วร่างกายแข็งแรงขึ้น และยืดหยุ่นมากขึ้น ช่วยป้องกันภาวะแทรกซ้อนต่างๆของโรคเบาหวานได้เป็นอย่างดี ไม่ว่าจะเป็นการป้องกันเส้นเลือดในสมองแตก โรคของหัวใจ และหลอดเลือด โรคไต และภาวะความดันโลหิตสูงในเบาหวาน
นอกจากนี้ สาร OPC ยังช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือด สำหรับผู้ป่วยเบาหวาน ทั้งประเภทที่พึ่งอินซูลิน และประเภทที่ไม่ต้องพึ่งอินซูลิน และยังช่วยป้องกันการเกิดตาบอดในเบาหวาน เนื่องจากสาร OPC ช่วยฟื้นฟูผนังหลอดเลือด ยับยั้งการรั่วซึม และฟื้นฟูสภาพกระจกตาที่เสื่อม ยับยั้งภาวะจอตาเสื่อม และต้อกระจก ในผู้ป่วยเบาหวาน
ผลมัลเบอร์รี่ หรือ ผลลูกหม่อน มีสารออกฤทธิ์กลุ่มแอนโทไซยานิน (Anthocyanins) ชื่อ Cyanidin 3-rutinoside และ Cyanidin 3-glucoside (C3G) ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระประสิทธิภาพสูง มีงานวิจัย ทั้งในสัตว์ทดลอง และในมนุษย์ โดดเด่นในเรื่องการป้องกัน และการร่วมบำบัดจอประสาทตาเสื่อม ทำให้สายตามองเห็นในเวลากลางคืนดีขึ้น รวมทั้งโรคทางสายตา และการมองเห็นอื่นๆ เช่น ภาวะเบาหวานขึ้นจอประสาทตา ภาวะที่ไม่สามารถมองในที่มีแสงสลัว หรือเวลากลางคืน ต้อหิน และต้อกระจก และยังทำให้หลอดเลือดแข็งแรง ป้องกันการรั่วซึมของหลอดเลือด ทำให้อาการจอประสาทตาเสื่อมดีขึ้น
C3G จากผลลูกหม่อน มีกลไกทำให้เซลล์ร่างกายไวต่ออินซูลินมากขึ้น โดยที่ตับอ่อนไม่ได้ทำงานหนักขึ้น และยังมีฤทธิ์ทำให้ผนังหลอดเลือดแข็งแรง และยืดหยุ่นมากขึ้น และยังมีฤทธิ์ต้านมะเร็ง โดยการกระตุ้นการฆ่าตัวตาย (Apoptosis) ของเซลล์มะเร็งหลายชนิด และยังป้องกันการเกิดเบต้า อะมิลอยด์ พลัค (Beta Amyloid Plague) ในสมอง สาเหตุสำคัญของโรคอัลไซเมอร์ ซึ่งพบมากในผู้ป่วยเบาหวานอีกด้วย
ผู้ที่มีน้ำตาลในเลือดสูงเป็นระยะเวลานาน จะมีหลอดเลือดทั่วร่างกายที่แข็ง เปราะ หงิก งอ ทำให้ ผู้ป่วยเบาหวาน เป็นผู้ป่วยที่มีอัตราเสี่ยงสูงสุดต่อภาวะเส้นเลือดในสมองตีบ หรือแตก รวมทั้งมีอัตราเสี่ยงสูงสุดต่อการเกิดภาวะไตวาย และนำมาซึ่งโรคแทรกซ้อนอื่นๆ เช่น โรคความดันโลหิตสูง โรคหัวใจ กระจกตาเสื่อม จอประสาทตาเสื่อม และต้อกระจก
สารสกัดจากเมล็ดองุ่น มีสารสำคัญ ชื่อ OPC (Oligomeric Proanthocyanidine) ซึ่งมีคุณสมบัติสำคัญ ช่วยลดภาวะเลือดหนืดในผู้ป่วยเบาหวาน ทำให้หลอดเลือดทั่วร่างกายแข็งแรงขึ้น และยืดหยุ่นมากขึ้น ช่วยป้องกันภาวะแทรกซ้อนต่างๆของโรคเบาหวานได้เป็นอย่างดี ไม่ว่าจะเป็นการป้องกันเส้นเลือดในสมองแตก โรคของหัวใจ และหลอดเลือด โรคไต และภาวะความดันโลหิตสูงในเบาหวาน
นอกจากนี้ สาร OPC ยังช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือด สำหรับผู้ป่วยเบาหวาน ทั้งประเภทที่พึ่งอินซูลิน และประเภทที่ไม่ต้องพึ่งอินซูลิน และยังช่วยป้องกันการเกิดตาบอดในเบาหวาน เนื่องจากสาร OPC ช่วยฟื้นฟูผนังหลอดเลือด ยับยั้งการรั่วซึม และฟื้นฟูสภาพกระจกตาที่เสื่อม ยับยั้งภาวะจอตาเสื่อม และต้อกระจก ในผู้ป่วยเบาหวาน
ผลมัลเบอร์รี่ หรือ ผลลูกหม่อน มีสารออกฤทธิ์กลุ่มแอนโทไซยานิน (Anthocyanins) ชื่อ Cyanidin 3-rutinoside และ Cyanidin 3-glucoside (C3G) ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระประสิทธิภาพสูง มีงานวิจัย ทั้งในสัตว์ทดลอง และในมนุษย์ โดดเด่นในเรื่องการป้องกัน และการร่วมบำบัดจอประสาทตาเสื่อม ทำให้สายตามองเห็นในเวลากลางคืนดีขึ้น รวมทั้งโรคทางสายตา และการมองเห็นอื่นๆ เช่น ภาวะเบาหวานขึ้นจอประสาทตา ภาวะที่ไม่สามารถมองในที่มีแสงสลัว หรือเวลากลางคืน ต้อหิน และต้อกระจก และยังทำให้หลอดเลือดแข็งแรง ป้องกันการรั่วซึมของหลอดเลือด ทำให้อาการจอประสาทตาเสื่อมดีขึ้น
C3G จากผลลูกหม่อน มีกลไกทำให้เซลล์ร่างกายไวต่ออินซูลินมากขึ้น โดยที่ตับอ่อนไม่ได้ทำงานหนักขึ้น และยังมีฤทธิ์ทำให้ผนังหลอดเลือดแข็งแรง และยืดหยุ่นมากขึ้น และยังมีฤทธิ์ต้านมะเร็ง โดยการกระตุ้นการฆ่าตัวตาย (Apoptosis) ของเซลล์มะเร็งหลายชนิด และยังป้องกันการเกิดเบต้า อะมิลอยด์ พลัค (Beta Amyloid Plague) ในสมอง สาเหตุสำคัญของโรคอัลไซเมอร์ ซึ่งพบมากในผู้ป่วยเบาหวานอีกด้วย
Thaidham Allianze,Thaidham,thaidham,healthy,beauty,center,product,ศูนย์ใหญ่ไทยธรรม กทม,อาหารเสริม,วิตามิน,โปรตีน,ไทยธรรม อัลไลแอนซ์,ไทยธรรม,
1
Add a comment...
Better Pharmacy Chiang Mai
Shared publicly - 09:59
การนวดตาอาจก่อให้เกิดอันตรายต่อดวงตา
https://www.youtube.com/watch?v=tYRr0CV_z_Y
https://www.youtube.com/watch?v=tYRr0CV_z_Y
1
Add a comment...
Better Pharmacy Chiang Mai
Shared publicly - 15 Nov 2015
ในการศึกษาเรื่องจอประสาทตาเสื่อมนั้น ถ้าดูจากปริมาณของ ลูทีน ซีแซนทีน แล้วสามารถช่วยชะลอโรคจอประสาทตาเสื่อมได้ราว 25-30%
แต่ในประเด็นช่วยชะลอการเป็นต้อกระจกนั้น ยังไม่มีผลการวิจัยยืนยัน
ถามว่าเราจำเป็นต้องรับประทานสารสกัดจากดอกดาวเรืองแค่ไหน อยู่ที่ความคิดเห็นของแต่ละคน่ เพราะถ้าลองเปรียบเทียบปริมาณลูทีน ซีแซนทีน จากการวิจัย ลูทีน 10 มก., ซีแซนทีน 2 มก. ถ้าเราเลือกรับประทานผักใบเขียว เช่น คะน้า ปวยเล้ง ต่อ 100 กรัม ก็มีปริมาณ ลูทีน ซีแซนทีน เพียงพอต่อวัน
"ดาวเรือง" ตัวช่วยใหม่คนติดจอ?
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1447558559
แต่ในประเด็นช่วยชะลอการเป็นต้อกระจกนั้น ยังไม่มีผลการวิจัยยืนยัน
ถามว่าเราจำเป็นต้องรับประทานสารสกัดจากดอกดาวเรืองแค่ไหน อยู่ที่ความคิดเห็นของแต่ละคน่ เพราะถ้าลองเปรียบเทียบปริมาณลูทีน ซีแซนทีน จากการวิจัย ลูทีน 10 มก., ซีแซนทีน 2 มก. ถ้าเราเลือกรับประทานผักใบเขียว เช่น คะน้า ปวยเล้ง ต่อ 100 กรัม ก็มีปริมาณ ลูทีน ซีแซนทีน เพียงพอต่อวัน
"ดาวเรือง" ตัวช่วยใหม่คนติดจอ?
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1447558559
1
Add a comment...
Better Pharmacy Chiang Mai
Shared publicly - 13 Nov 2015
ตรวจจอประสาทตา ฟรี!!!
ทำไมต้องตรวจจอประสาทตา ?
ตรวจจอประสาทตา สำคัญกับคนเป็นเบาหวานอย่างไร?
ดวงตา เป็นอวัยวะสำคัญอย่างหนึ่งที่ควรใส่ใจและดูแลเป็นอย่างดี ยิ่งในสภาพแวดล้อมปัจจุบันที่เต็มไปด้วยมลพิษต่าง ๆ และมีเชื้อโรคแพร่กระจายอยู่ในอากาศมากมาย โรคที่จักษุแพทย์พบว่าเป็นโรคที่มีการรายงานทางการแพทย์ว่ามีแนวโน้มสูงขึ้นก็คือ “โรคจอประสาทตาเสื่อม” ซึ่งเป็นโรคที่จะนำไปสู่การตาบอดแบบถาวรได้
ปัจจัยเสี่ยงที่มีอิทธิพลทำให้เกิดโรคจอประสาทตาเสื่อม ได้แก่
- คนที่มีอายุมากกว่า 50 ปีขึ้นไป
-คนที่ใช้ smart phone , tablet, iPad ,คอมพิวเตอร์
- การสูบบุหรี่
- คนไข้ที่ต้องทานยาลดความดันเลือด และมีระดับของไขมัน Cholesterol ในเลือดสูงและระดับ Carotenoid ในเลือดต่ำ
- ผู้หญิงวัยหมดประจำเดือนที่ไม่ได้รับประทานยาฮอร์โมน estrogen
- การขาดวิตามินและเกลือแร่ที่สำคัญบางชนิดที่เกี่ยวข้องกับการต้านอนุมูลอิสระ เช่น วิตามินซี และอี หรือเกลือแร่ที่มีส่วนสำคัญในการมองเห็น เช่น แคโรทีนอยด์ (carotenoid) ลูทีน (lutein) และซีแซนเทียม (zeaxanthium)
เบาหวานขึ้นจอประสาทตา!!
ภาวะเบาหวานขึ้นจอประสาทตา หรือเรียกง่ายๆว่า “เบาหวานขึ้นตา” เป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้ผู้ป่วยเบาหวานสูญเสียสมรรถภาพการมองเห็นได้ ภาวะเบาหวานขึ้นจอประสาทตาทำให้มีการเปลี่ยนแปลงของเส้นเลือดขนาดเล็กที่จอประสาทตา เส้นเลือดจะเปราะบาง แตกง่าย ทำให้เกิดเลือดออกในจอประสาทตาและวุ้นลูกตา และอาจทำให้จอประสาทตาหลุดลอกออกมา ซึ่งจะทำให้ผู้ป่วยสูญเสียสมรรถภาพการมองเห็น ดังนั้นการตรวจพบภาวะเบาหวานขึ้นจอประสาทตาตั้งแต่ระยะเริ่มแรกก็จะสามารถลดอัตราการสูญเสียสมรรถภาพการมองเห็นลงได้
การตรวจจอประสาทตา ทำให้สามารถตรวจพบ “โรคจอประสาทตาเสื่อม” และ “เบาหวานขึ้นจอประสาทตา” ได้ตั้งแต่ระยะเริ่มแรก ซึ่งทำให้เราสามารถรักษาได้อย่างทันท่วงที
https://www.facebook.com/theopto/posts/1036722879692822
ทำไมต้องตรวจจอประสาทตา ?
ตรวจจอประสาทตา สำคัญกับคนเป็นเบาหวานอย่างไร?
ดวงตา เป็นอวัยวะสำคัญอย่างหนึ่งที่ควรใส่ใจและดูแลเป็นอย่างดี ยิ่งในสภาพแวดล้อมปัจจุบันที่เต็มไปด้วยมลพิษต่าง ๆ และมีเชื้อโรคแพร่กระจายอยู่ในอากาศมากมาย โรคที่จักษุแพทย์พบว่าเป็นโรคที่มีการรายงานทางการแพทย์ว่ามีแนวโน้มสูงขึ้นก็คือ “โรคจอประสาทตาเสื่อม” ซึ่งเป็นโรคที่จะนำไปสู่การตาบอดแบบถาวรได้
ปัจจัยเสี่ยงที่มีอิทธิพลทำให้เกิดโรคจอประสาทตาเสื่อม ได้แก่
- คนที่มีอายุมากกว่า 50 ปีขึ้นไป
-คนที่ใช้ smart phone , tablet, iPad ,คอมพิวเตอร์
- การสูบบุหรี่
- คนไข้ที่ต้องทานยาลดความดันเลือด และมีระดับของไขมัน Cholesterol ในเลือดสูงและระดับ Carotenoid ในเลือดต่ำ
- ผู้หญิงวัยหมดประจำเดือนที่ไม่ได้รับประทานยาฮอร์โมน estrogen
- การขาดวิตามินและเกลือแร่ที่สำคัญบางชนิดที่เกี่ยวข้องกับการต้านอนุมูลอิสระ เช่น วิตามินซี และอี หรือเกลือแร่ที่มีส่วนสำคัญในการมองเห็น เช่น แคโรทีนอยด์ (carotenoid) ลูทีน (lutein) และซีแซนเทียม (zeaxanthium)
เบาหวานขึ้นจอประสาทตา!!
ภาวะเบาหวานขึ้นจอประสาทตา หรือเรียกง่ายๆว่า “เบาหวานขึ้นตา” เป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้ผู้ป่วยเบาหวานสูญเสียสมรรถภาพการมองเห็นได้ ภาวะเบาหวานขึ้นจอประสาทตาทำให้มีการเปลี่ยนแปลงของเส้นเลือดขนาดเล็กที่จอประสาทตา เส้นเลือดจะเปราะบาง แตกง่าย ทำให้เกิดเลือดออกในจอประสาทตาและวุ้นลูกตา และอาจทำให้จอประสาทตาหลุดลอกออกมา ซึ่งจะทำให้ผู้ป่วยสูญเสียสมรรถภาพการมองเห็น ดังนั้นการตรวจพบภาวะเบาหวานขึ้นจอประสาทตาตั้งแต่ระยะเริ่มแรกก็จะสามารถลดอัตราการสูญเสียสมรรถภาพการมองเห็นลงได้
การตรวจจอประสาทตา ทำให้สามารถตรวจพบ “โรคจอประสาทตาเสื่อม” และ “เบาหวานขึ้นจอประสาทตา” ได้ตั้งแต่ระยะเริ่มแรก ซึ่งทำให้เราสามารถรักษาได้อย่างทันท่วงที
https://www.facebook.com/theopto/posts/1036722879692822
ตรวจจอประสาทตา ฟรี!!! ทำไมต้องตรวจจอประสาทตา ? ตรวจจอประสาทตา สำคัญกับคนเป็นเบาหวานอย่างไร? ดวงตา...
1
Add a comment...
Better Pharmacy Chiang Mai
Shared publicly - 30 Jul 2015
แบล็คมอร์ส ลูทีน-วิส สารสกัดจากดอกดาวเรือง ประกอบด้วย ลูทีนและซีลีเนียมมีส่วนช่วยในกระบวนการต่อต้านอนุมูลอิสระ เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องใช้สายตาในการทำงานหนักตลอดทั้งวัน หรือผู้ที่ต้องการบำรุงสายตาให้มีอายุการใช้งานที่ยืนยาว
ลูทีนเป็นสารอาหารธรรมชาติกลุ่มแคโรทีนอยด์ พบมากในตาบริเวณจุดรับภาพและจอประสาทตาทำหน้าที่ป้องกันรังสีจากแสงแดด ช่วยกรองแสงสีน้ำเงินที่จะทำลายดวงตาและช่วยปกป้องเซลล์ของจอประสาทตา โดยการลดอนุมูลอิสระที่ทำลายดวงตาร่างกายจำเป็นต้องได้รับลูทีนจากอาหาร โดยเฉพาะพืชผักสีเขียวเข้ม เช่นคะน้า ผักโขม ผักกาด ปวยเล้ง เป็นต้น พบว่าการรับประทานลูทีนทุกวัน ช่วยลดความเสี่ยงของโรคจอประสาทตาเสื่อมได้ถึงร้อยละ 50
รายละเอียดเพิ่มเติม Blackmores Lutein Vis
ส่วนประกอบที่สำคัญ 1 แคปซูล ประกอบด้วย
ลูทีน 6 มก.
สารสกัดดอกดาวเรือง 80 มก.
ซีลีเนียม 26 มคก.
น้ำมันปลาทูน่า 101 มก.
กรดไอโคซาเพนทาอิโนอิก(อีพีเอ) 7.1 มก.
กรดโดโคซาเฮกซาอิโนอิก(ดีเอชเอ) 27.3 มก.
ลูทีนเป็นสารอาหารธรรมชาติกลุ่มแคโรทีนอยด์ พบมากในตาบริเวณจุดรับภาพและจอประสาทตาทำหน้าที่ป้องกันรังสีจากแสงแดด ช่วยกรองแสงสีน้ำเงินที่จะทำลายดวงตาและช่วยปกป้องเซลล์ของจอประสาทตา โดยการลดอนุมูลอิสระที่ทำลายดวงตาร่างกายจำเป็นต้องได้รับลูทีนจากอาหาร โดยเฉพาะพืชผักสีเขียวเข้ม เช่นคะน้า ผักโขม ผักกาด ปวยเล้ง เป็นต้น พบว่าการรับประทานลูทีนทุกวัน ช่วยลดความเสี่ยงของโรคจอประสาทตาเสื่อมได้ถึงร้อยละ 50
รายละเอียดเพิ่มเติม Blackmores Lutein Vis
ส่วนประกอบที่สำคัญ 1 แคปซูล ประกอบด้วย
ลูทีน 6 มก.
สารสกัดดอกดาวเรือง 80 มก.
ซีลีเนียม 26 มคก.
น้ำมันปลาทูน่า 101 มก.
กรดไอโคซาเพนทาอิโนอิก(อีพีเอ) 7.1 มก.
กรดโดโคซาเฮกซาอิโนอิก(ดีเอชเอ) 27.3 มก.
1
Add a comment...
Better Pharmacy Chiang Mai
Shared publicly - 3 Oct 2014
ปัจจุบันมีผู้ป่วยที่มีปัญหาเกี่ยวกับดวงตามากกว่าร้อยละ 80 สาเหตุมาจากการได้รับรังสียูวี (UV) 400, ยูวีเอ (UVA) 1 และแสงสีฟ้า จากการจ้องมองคอมพิวเตอร์ สมาร์ทโฟน เป็นเวลานานเฉลี่ยไม่ต่ำกว่า 8 ชั่วโมงต่อวัน
พฤติกรรมที่พบส่วนใหญ่คือ ช่วงเวลาก่อนนอนจะหยิบสมาร์ทโฟนมาเล่นในขณะที่ปิดไฟแล้ว ซึ่งเป็นส่วนที่เร่งให้มีอาการทางสายตาเพิ่มขึ้น ทั้งนี้ อันตรายจากแสงยูวี แสงสีฟ้าที่อยู่ในจอคอมพิวตอร์ สมาร์ทโฟน และแท็บเล็ต จะทำลายดวงตาเมื่อจ้องเป็นเวลานาน เนื่องการกะพริบตาจะน้อยลง
การเพ่งมองเป็นเวลานานจะทำให้ตาแห้ง แสบตา ส่งผลให้การมองเห็นเริ่มผิดปกติ เห็นภาพซ้อน ภาพไม่ชัด พร่ามัว ปวดเบ้าตา กล้ามเนื้อตาอ่อนล้า คลื่นไส้ อาเจียน ซึ่งเป็นอาการเริ่มต้นของโรคคอมพิวเตอร์วิชชั่นซินโดรม และเป็นส่วนที่ทำให้เกิดต้อเนื้อ ต้อลม และจอประสาทตาเสื่อม
ปรับค่าความสว่างให้เหมาะสมเมื่อต้องใช้คอมพิวเตอร์ ควรพักสายตาทุก 1-2 ชั่วโมง ประมาณ 5 นาที ใช้วิธีการมองไกล หรือเปลี่ยนอิริยาบถทำกิจกรรมอย่างอื่น
http://www.prachachat.net/news_detail.php?newsid=1412316402
พฤติกรรมที่พบส่วนใหญ่คือ ช่วงเวลาก่อนนอนจะหยิบสมาร์ทโฟนมาเล่นในขณะที่ปิดไฟแล้ว ซึ่งเป็นส่วนที่เร่งให้มีอาการทางสายตาเพิ่มขึ้น ทั้งนี้ อันตรายจากแสงยูวี แสงสีฟ้าที่อยู่ในจอคอมพิวตอร์ สมาร์ทโฟน และแท็บเล็ต จะทำลายดวงตาเมื่อจ้องเป็นเวลานาน เนื่องการกะพริบตาจะน้อยลง
การเพ่งมองเป็นเวลานานจะทำให้ตาแห้ง แสบตา ส่งผลให้การมองเห็นเริ่มผิดปกติ เห็นภาพซ้อน ภาพไม่ชัด พร่ามัว ปวดเบ้าตา กล้ามเนื้อตาอ่อนล้า คลื่นไส้ อาเจียน ซึ่งเป็นอาการเริ่มต้นของโรคคอมพิวเตอร์วิชชั่นซินโดรม และเป็นส่วนที่ทำให้เกิดต้อเนื้อ ต้อลม และจอประสาทตาเสื่อม
ปรับค่าความสว่างให้เหมาะสมเมื่อต้องใช้คอมพิวเตอร์ ควรพักสายตาทุก 1-2 ชั่วโมง ประมาณ 5 นาที ใช้วิธีการมองไกล หรือเปลี่ยนอิริยาบถทำกิจกรรมอย่างอื่น
http://www.prachachat.net/news_detail.php?newsid=1412316402
1
Add a comment...
Better Pharmacy Chiang Mai
Shared publicly - 15 Jul 2016
ปวยเล้งอัดแน่นด้วยสารอาหาร โดยเฉพาะแคลเซียม ฟอสฟอรัส โพแทสเซียม เหล็ก วิตามินเอ บี 1 บี 2 บี 3 บี 6 และซี มีสารในกลุ่มแคโรทีนอยด์คือ ลูทีน ที่ช่วยป้องกันจอประสาทตาเสื่อมจากแสงอาทิตย์และแสงสีฟ้าของมือถือ ปวยเล้งมีธาตุเหล็กสูงคอยเสริมสร้างความสมบูรณ์ของเม็ดเลือดในร่างกายที่กระจายตัวไปหล่อเลี้ยงอวัยวะสำคัญคือตับ หัวใจ ม้าม ปอด และไต ยิ่งกินปวยเล้งเป็นประจำความเสี่ยงเป็นโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่ยิ่งลดลงซ้ำยังบำรุงรักษาลำไส้และกระตุ้นการทำงานของระบบย่อยอาหารด้วย
ในปวยเล้งยังมีโฟเลตที่ป้องกันภาวะโลหิตจาง ลดความพิการทางสมอง กะโหลกและกระดูกสันหลังของเด็กในครรภ์
สารสกัดในปวยเล้งสามารถลดระดับเอ็นไซม์ที่ทำลายสารสื่อประสาทแอซิติลโคลีนในสมองได้จึงผลิตออกมาในรูปยาเม็ดผสมสารสกัดจากผักใบเขียวอื่นๆ เช่น ใบบัวบก และบร็อกเคอรี่ ซึ่งเพิ่มประสิทธิภาพในการจดจำ บำรุงสมอง สามารถใช้ได้ตั้งแต่เด็กจนถึงผู้สูงอายุ
http://www.prachachat.net/news_detail.php?newsid=1468581610
ในปวยเล้งยังมีโฟเลตที่ป้องกันภาวะโลหิตจาง ลดความพิการทางสมอง กะโหลกและกระดูกสันหลังของเด็กในครรภ์
สารสกัดในปวยเล้งสามารถลดระดับเอ็นไซม์ที่ทำลายสารสื่อประสาทแอซิติลโคลีนในสมองได้จึงผลิตออกมาในรูปยาเม็ดผสมสารสกัดจากผักใบเขียวอื่นๆ เช่น ใบบัวบก และบร็อกเคอรี่ ซึ่งเพิ่มประสิทธิภาพในการจดจำ บำรุงสมอง สามารถใช้ได้ตั้งแต่เด็กจนถึงผู้สูงอายุ
http://www.prachachat.net/news_detail.php?newsid=1468581610
ข่าวไลฟ์สไตล์ต่อการใช้ชีวิตยุคใหม่ ทั้งเกร็ดสุขภาพ อาหาร กีฬา ท่องเที่ยว ศิลปวัฒนธรรม บทสัมภาษณ์คนดัง
1
Add a comment...
Better Pharmacy Chiang Mai
Shared publicly - 23 Jun 2016
โกจิเบอร์รี่ ผลไม้บำรุงสายตาและชะลอจอประสาทตาเสื่อม |
โดยคณะเภสัชฯ ม.มหิดล http://tinyurl.com/h8fchs2
โกจิเบอร์รี่ (Goji berry) หรือ Wolfberry รู้จักกันในอีกชื่อหนึ่งว่าเก๋ากี้ เป็นผลไม้ชนิดหนึ่งในตระกูลเบอร์รี มีถิ่นกำเนิดแถบทวีปเอเชีย มีสรรพคุณหลากหลาย ได้รับขนานนามว่าเป็น “ซุปเปอร์ฟรุต (super fruit)
โกจิเบอร์รี่เป็นพืชที่มีใยอาหารสูงถึงร้อยละ 20 ประกอบด้วยกรดอะมิโนหลายชนิด มีแร่ธาตุต่างๆ เช่น สังกะสี เหล็ก ทองแดง แคลเซียม ฟอสฟอรัส ซิลีเนียม เป็นต้น นอกจากนี้โกจิเบอร์รี่ยังมีสารสำคัญจำพวกซีแซนทีน (zeaxanthin) และลูทีน (lutein) สูงมากกว่าผักและผลไม้ทั่วไป ร่างกายมนุษย์ไม่สามารถสร้างสารทั้งสองนี้ได้ จำเป็นต้องได้รับจากอาหาร
ระดับลูทีน 2.0 – 6.9 มิลลิกรัมต่อวัน จะช่วยป้องกันความเสื่อมของจุดด่างในดวงตาได้ นอกจากนี้ ลูทีน ยังทำหน้าที่เป็นสารต้านออกซิเดชันในดวงตาของคนเราอีกด้วย
ซีแซนทีน พบในโกจิเบอร์รี่ปริมาณสูง โดยมากกว่าสาหร่ายเกลียวทองถึง 5 เท่า ซีแซนทีนเป็นองค์ประกอบสำคัญในจอตา โดยเฉพาะส่วนที่เรียกว่า macular ซึ่งเป็นชั้นของเม็ดสี ทำหน้าที่กรองแสงที่จะผ่านเข้าสู่จอตาและช่วยลดการสะท้อนของแสง ป้องกันรังสีจากแสงแดดที่เป็นอันตรายต่อดวงตา ทำให้มีสมบัติช่วยป้องกันโรคหลายชนิด เช่น โรคต้อกระจก โรคจอรับภาพเสื่อม โรคหัวใจและหลอดเลือด
นอกจากนี้ ผลโกจิเบอร์รี่ยังมี เบต้าแคโรทีน (Beta carotene ) ซึ่งเป็นสารในกลุ่มแคโรทีนอยด์อีกชนิดหนึ่งโดยพบว่าในผลโกจิเบอร์รี่มีปริมาณเบต้าแคโรทีนสูง ซึ่งสูงกว่าแครอท เบต้าแคโรทีนมีคุณสมบัติเป็นโปร วิตามินเอ คือ เป็นสารตั้งต้นของวิตามินเอ และจะถูกเปลี่ยนไปเป็นวิตามินเอจากเอนไซม์ที่ตับ ซึ่งวิตามินเอจัดเป็นวิตามินที่มีส่วนช่วยในการมองเห็น บำรุงสายตา
การกินสารที่มีฤทธิ์ปกป้องและบำรุงสายตา เช่น โกจิเบอร์รี่ ลูทีน และ วิตามินเอ อย่างที่กล่าวมาข้างต้น ก็จะมีผลให้เรามีสุขภาพตาที่ดี
http://www.pharmacy.mahidol.ac.th/th/knowledge/article/324
โดยคณะเภสัชฯ ม.มหิดล http://tinyurl.com/h8fchs2
โกจิเบอร์รี่ (Goji berry) หรือ Wolfberry รู้จักกันในอีกชื่อหนึ่งว่าเก๋ากี้ เป็นผลไม้ชนิดหนึ่งในตระกูลเบอร์รี มีถิ่นกำเนิดแถบทวีปเอเชีย มีสรรพคุณหลากหลาย ได้รับขนานนามว่าเป็น “ซุปเปอร์ฟรุต (super fruit)
โกจิเบอร์รี่เป็นพืชที่มีใยอาหารสูงถึงร้อยละ 20 ประกอบด้วยกรดอะมิโนหลายชนิด มีแร่ธาตุต่างๆ เช่น สังกะสี เหล็ก ทองแดง แคลเซียม ฟอสฟอรัส ซิลีเนียม เป็นต้น นอกจากนี้โกจิเบอร์รี่ยังมีสารสำคัญจำพวกซีแซนทีน (zeaxanthin) และลูทีน (lutein) สูงมากกว่าผักและผลไม้ทั่วไป ร่างกายมนุษย์ไม่สามารถสร้างสารทั้งสองนี้ได้ จำเป็นต้องได้รับจากอาหาร
ระดับลูทีน 2.0 – 6.9 มิลลิกรัมต่อวัน จะช่วยป้องกันความเสื่อมของจุดด่างในดวงตาได้ นอกจากนี้ ลูทีน ยังทำหน้าที่เป็นสารต้านออกซิเดชันในดวงตาของคนเราอีกด้วย
ซีแซนทีน พบในโกจิเบอร์รี่ปริมาณสูง โดยมากกว่าสาหร่ายเกลียวทองถึง 5 เท่า ซีแซนทีนเป็นองค์ประกอบสำคัญในจอตา โดยเฉพาะส่วนที่เรียกว่า macular ซึ่งเป็นชั้นของเม็ดสี ทำหน้าที่กรองแสงที่จะผ่านเข้าสู่จอตาและช่วยลดการสะท้อนของแสง ป้องกันรังสีจากแสงแดดที่เป็นอันตรายต่อดวงตา ทำให้มีสมบัติช่วยป้องกันโรคหลายชนิด เช่น โรคต้อกระจก โรคจอรับภาพเสื่อม โรคหัวใจและหลอดเลือด
นอกจากนี้ ผลโกจิเบอร์รี่ยังมี เบต้าแคโรทีน (Beta carotene ) ซึ่งเป็นสารในกลุ่มแคโรทีนอยด์อีกชนิดหนึ่งโดยพบว่าในผลโกจิเบอร์รี่มีปริมาณเบต้าแคโรทีนสูง ซึ่งสูงกว่าแครอท เบต้าแคโรทีนมีคุณสมบัติเป็นโปร วิตามินเอ คือ เป็นสารตั้งต้นของวิตามินเอ และจะถูกเปลี่ยนไปเป็นวิตามินเอจากเอนไซม์ที่ตับ ซึ่งวิตามินเอจัดเป็นวิตามินที่มีส่วนช่วยในการมองเห็น บำรุงสายตา
การกินสารที่มีฤทธิ์ปกป้องและบำรุงสายตา เช่น โกจิเบอร์รี่ ลูทีน และ วิตามินเอ อย่างที่กล่าวมาข้างต้น ก็จะมีผลให้เรามีสุขภาพตาที่ดี
http://www.pharmacy.mahidol.ac.th/th/knowledge/article/324
1
Add a comment...
Better Pharmacy Chiang Mai
Shared publicly - 30 Jul 2015
ในทุกวันดวงตาต้องรับภาระอย่างหนัก ต้องเจอกับสภาพแวดล้อมที่เป็นพิษตลอดวัน แสงแดด ควันพิษ บุหรี่ รวมถึงการอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์หรือโทรศัพท์มือถือเป็นเวลานาน
สิ่งเหล่านี้กระตุ้นให้ดวงตาเสื่อมเร็วมากกว่าปกติรวมถึงเป็นสาเหตุของอาการและโรคตาต่าง ๆ3
- โรคจอประสาทตาเสื่อม
- โรคต้อกระจก
- ต้อหิน
- ตาแห้ง
ดังนั้นการถนอมและเริ่มต้นดูแลสายตาจึงเป็นสิ่งที่สำคัญและควรลงมือปฏิบัติตั้งแต่วันนี้
"มาปล่อยให้ธรรมชาติเป็นผู้ปกป้องดวงตากันนะคะ"
VISTRA BILBERRY EXTRACT PLUS LUTEIN
มีสารสำคัญอะไรบ้างที่ช่วยดูแลปกป้องดวงตา?
1. บิลเบอร์รี่ (Bilberry) เป็นผลไม้สีน้ำเงินม่วง ตระกูลเดียวกับแบล็คเคอร์แรนท์ ซึ่งมีสาร "แอนโธไซยาโนไซด์ (Anthocyanoside)” ที่จัดเป็นสารประกอบโพลีฟีนอลในกลุ่มของ ฟลาโวนอยด์ โดยมีคุณสมบัติที่สำคัญที่สุดคือ ปกป้องอนุมูลอิสระที่มาทำลายดวงตา เพิ่มประสิทธิภาพการมองเห็นในที่มืด ทำให้เห็นภาพชัดเจนขึ้น ลดอาการเมื่อยล้าของดวงตา เพิ่มความแข็งแรงของผนังเส้นเลือดฝอย
2. ลูทีน (Lutein) สารในกลุ่มแคโรทีนอยด์ ดวงตา ทำหน้าที่ในการป้องกันรังสีจากแสงแดด รวมถึงช่วยลดความเสี่ยงของโรคจอประสาทตาเสื่อม
3. ซีแซนทีน (zeaxanthin) สารในกลุ่มแคโรทีนอยด์ ร่างกายสร้างเองไม่ได้ ทำหน้าที่กรองแสงที่จะผ่านเข้าสู่จอตาและช่วยลดการสะท้อนของแสง ป้องกันรังสีจากแสงแดดที่เป็นอันตรายต่อดวงตาและจะทำงานได้มีประสิทธิภาพมากขึ้นเมื่อทำงานร่วมกับลูทีน
4. เบต้า-แคโรทีน (Beta-carotene) เป็นสารตั้งต้นที่สำคัญของการสร้างวิตามินเอในร่างกาย ช่วยเพิ่มความสามารถในการมองเห็นในตอนกลางคืนได้ดี และยังมีคุณสมบัติในการเป็นสารต้านอนุมูลอิสระอีกด้วย
5. วิตามินเอ (Vitamin A)
บำรุงสายตา ป้องกันโรคตามัวตอนกลางคืน (Night Blindness) ช่วยในการสร้างสารที่ใช้ในการมองเห็นพบมากในน้ำมันตับปลา ตับ แครอท มันเทศ
รู้ประโยชน์ของ Bilberry กันแล้วก็อย่าลืมไปหามาติดบ้านกันไว้นะคะ
https://www.facebook.com/VistraClub/photos/a.185274000851.128280.174853160851/10153142632645852/
สิ่งเหล่านี้กระตุ้นให้ดวงตาเสื่อมเร็วมากกว่าปกติรวมถึงเป็นสาเหตุของอาการและโรคตาต่าง ๆ3
- โรคจอประสาทตาเสื่อม
- โรคต้อกระจก
- ต้อหิน
- ตาแห้ง
ดังนั้นการถนอมและเริ่มต้นดูแลสายตาจึงเป็นสิ่งที่สำคัญและควรลงมือปฏิบัติตั้งแต่วันนี้
"มาปล่อยให้ธรรมชาติเป็นผู้ปกป้องดวงตากันนะคะ"
VISTRA BILBERRY EXTRACT PLUS LUTEIN
มีสารสำคัญอะไรบ้างที่ช่วยดูแลปกป้องดวงตา?
1. บิลเบอร์รี่ (Bilberry) เป็นผลไม้สีน้ำเงินม่วง ตระกูลเดียวกับแบล็คเคอร์แรนท์ ซึ่งมีสาร "แอนโธไซยาโนไซด์ (Anthocyanoside)” ที่จัดเป็นสารประกอบโพลีฟีนอลในกลุ่มของ ฟลาโวนอยด์ โดยมีคุณสมบัติที่สำคัญที่สุดคือ ปกป้องอนุมูลอิสระที่มาทำลายดวงตา เพิ่มประสิทธิภาพการมองเห็นในที่มืด ทำให้เห็นภาพชัดเจนขึ้น ลดอาการเมื่อยล้าของดวงตา เพิ่มความแข็งแรงของผนังเส้นเลือดฝอย
2. ลูทีน (Lutein) สารในกลุ่มแคโรทีนอยด์ ดวงตา ทำหน้าที่ในการป้องกันรังสีจากแสงแดด รวมถึงช่วยลดความเสี่ยงของโรคจอประสาทตาเสื่อม
3. ซีแซนทีน (zeaxanthin) สารในกลุ่มแคโรทีนอยด์ ร่างกายสร้างเองไม่ได้ ทำหน้าที่กรองแสงที่จะผ่านเข้าสู่จอตาและช่วยลดการสะท้อนของแสง ป้องกันรังสีจากแสงแดดที่เป็นอันตรายต่อดวงตาและจะทำงานได้มีประสิทธิภาพมากขึ้นเมื่อทำงานร่วมกับลูทีน
4. เบต้า-แคโรทีน (Beta-carotene) เป็นสารตั้งต้นที่สำคัญของการสร้างวิตามินเอในร่างกาย ช่วยเพิ่มความสามารถในการมองเห็นในตอนกลางคืนได้ดี และยังมีคุณสมบัติในการเป็นสารต้านอนุมูลอิสระอีกด้วย
5. วิตามินเอ (Vitamin A)
บำรุงสายตา ป้องกันโรคตามัวตอนกลางคืน (Night Blindness) ช่วยในการสร้างสารที่ใช้ในการมองเห็นพบมากในน้ำมันตับปลา ตับ แครอท มันเทศ
รู้ประโยชน์ของ Bilberry กันแล้วก็อย่าลืมไปหามาติดบ้านกันไว้นะคะ
https://www.facebook.com/VistraClub/photos/a.185274000851.128280.174853160851/10153142632645852/
1
Add a comment...
Better Pharmacy Chiang Mai
Shared publicly - 30 Jul 2015
ลูทีน และ ซีแซนทีน เป็นสารสีส้มที่มีอยู่ในอาหารหลายชนิด ป้องกันต้อกระจกและชลอการเกิดจอประสาทตาเสื่อมในคนสูงอายุได้
recommended by the National Eye Institute, includes the following:
500 mg vitamin C
400 IU vitamin E
80 mg zinc
2 mg copper
10 mg lutein
2 mg zeaxanthin
http://health.clevelandclinic.org/2015/06/should-you-take-vitamins-for-eye-health/
http://www.eyecenter.emory.edu/pdf/2014-AREDS.pdf
http://www.ncbi.nlm.nih.gov/pmc/articles/PMC3705341/
recommended by the National Eye Institute, includes the following:
500 mg vitamin C
400 IU vitamin E
80 mg zinc
2 mg copper
10 mg lutein
2 mg zeaxanthin
http://health.clevelandclinic.org/2015/06/should-you-take-vitamins-for-eye-health/
http://www.eyecenter.emory.edu/pdf/2014-AREDS.pdf
http://www.ncbi.nlm.nih.gov/pmc/articles/PMC3705341/
1
Add a comment...
Better Pharmacy Chiang Mai
Shared publicly - 30 Jul 2015
ii care mega we care วิตามินบำรุงสายตา จากเมก้า วีแคร์ ไอไอแคร์ ขนาด 30 แคปซูล
อาหารเสริมบำรุงสายตา Contains Bilberry extract from ITALY
ขนาดแนะนำในการรับประทาน : ทานครั้งละ 1 แคปซูล วันละ 2 ครั้ง พร้อมมื้ออาหาร
ประโยชน์ที่จะได้รับ : ช่วยฟื้นฟูสภาพดวงตา ลดปัญหาต่างๆในเรื่องสายตา เหมาะอย่างยิ่งในกลุ่มคนที่ใช้สายตามากๆ เช่น นักเรียน นักศึกษา ผู้ที่ต้องอยู่หน้าคอมพิวเตอร์เป็นเวลานานๆติดต่อกัน
ส่วนประกอบใน Mega We care ii care
บิลเบอร์รี่สกัด 25 mg
สารแขวนตะกอนลูติน 15 mg
ลูติน 3 mg
สารแขวนตะกอนเบต้าแคโรทีน 5 mg
ให้เบต้าแคโรทีนและแคโรทีนอยด์อื่นๆ 1.5 mg
เจือสีสังเคราะห์
อาหารเสริมบำรุงสายตา Contains Bilberry extract from ITALY
ขนาดแนะนำในการรับประทาน : ทานครั้งละ 1 แคปซูล วันละ 2 ครั้ง พร้อมมื้ออาหาร
ประโยชน์ที่จะได้รับ : ช่วยฟื้นฟูสภาพดวงตา ลดปัญหาต่างๆในเรื่องสายตา เหมาะอย่างยิ่งในกลุ่มคนที่ใช้สายตามากๆ เช่น นักเรียน นักศึกษา ผู้ที่ต้องอยู่หน้าคอมพิวเตอร์เป็นเวลานานๆติดต่อกัน
ส่วนประกอบใน Mega We care ii care
บิลเบอร์รี่สกัด 25 mg
สารแขวนตะกอนลูติน 15 mg
ลูติน 3 mg
สารแขวนตะกอนเบต้าแคโรทีน 5 mg
ให้เบต้าแคโรทีนและแคโรทีนอยด์อื่นๆ 1.5 mg
เจือสีสังเคราะห์
1
Add a comment...
Better Pharmacy Chiang Mai
Shared publicly - 11:17
Better Pharmacy Chiang Mai Shared publicly - 1 Apr 2016 สารอาหารที่ช่วยปกป้องสายตา บิลเบอร์รี่ ลูทีน แอสตาแซนธิน วิตามินอี http://health.haijai.com/3941/ สารอาหารที่ช่วยปกป้องสายตา health.haijai.com ส...
1
Add a comment...
ด้วยความห่วงใย
.....................
BETTER PHARMACY เจ็ดยอด เชียงใหม่
เราคัดสรรสิ่งที่ดี มีคุณภาพ เพื่อคุณ
FACEBOOK / BetterPharmacyCMG
LINE ID - BETTERCM
.....................
UPDATE - 2016.09.15