Better Pharmacy @JedYod
18:28 - Public
การติดเชื้อในระบบทางเดินปัสสาวะ : ชะลอวัย TS6 Probiotic โปรไบโอติก อาหารเสริม ปวดท้อง ท้องผูก ท้องเส... -
http://www.interpharma.co.th/webroot/?action=menu&catid=8&subcatid=34&lang=th
สาเหตุที่ผู้สูงอายุมีโอกาสติดเชื้อในทางเดินปัสสาวะมากขึ้น เนื่องจาก
• เมื่อผู้หญิงหมดประจำเดือนแล้ว จะขาดฮอร์โมนเอสโตรเจน ทำให้มีเชื้อแลคโตบาซิลไล ( lactobacilli) ในช่องคลอดน้อย ทำให้ค่าความเป็นกรดด่าง (พีเอช ) ในช่องคลอดสูงขึ้น ซึ่งเหมาะต่อการเจริญเติบโตของเชื้อก่อโรค ในผู้ชายสูงอายุ สารคัดหลั่งจากต่อมลูกหมากจะมีคุณสมบัติในการฆ่าเชื้อแบคทีเรียน้อยลง
• เมื่ออายุมากขึ้นการทำงานของไตลดลง ทำให้ความสามารถในทำให้ปัสสาวะเป็นกรด ทำให้ปัสสาวะเข้มข้น และขับสารยูเรียได้ลดลง ทำให้ติดเชื้อง่ายขึ้น นอกจากนั้นการที่มีน้ำตาลในปัสสาวะ ซึ่งพบได้มากขึ้นในผู้สูงอายุ เนื่องจากมีโรคเบาหวานมากขึ้น ยังเป็นสารเพาะเชื้อที่ดีอีกด้วย
• ผู้สูงอายุได้รับการใส่สายสวนปัสสาวะบ่อยขึ้น เช่น จากการที่ปัสสาวะไม่ออก กลั้นปัสสาวะไม่ได้ หรือใส่ในช่วงผ่าตัด จึงทำให้เชื้อโรคเข้าไปในทางเดินปัสสาวะได้
• ผู้สูงอายุมีโรคที่เกิดขึ้นหลายอย่าง ซึ่งอาจยังผลให้เกิดการติดเชื้อในทางเดินปัสสาวะง่ายขึ้น เช่น โรคสมองเสื่อมอัลไซเมอร์ โรคพาร์กินสัน ทำให้เดินไม่คล่อง ปัสสาวะไม่สะดวก มีปัสสาวะค้างในกระเพาะปัสสาวะ ติดเชื้อได้ง่าย หรืออาจเป็นโรคเบาหวาน ขาดสารอาหาร โรคต่อมลูกหมากโต เป็นต้น โรคเหล่านี้เป็นปัจจัยเสี่ยงทำให้มีโอกาสติดเชื้อในทางเดินปัสสาวะง่ายขึ้น
http://www.interpharma.co.th/webroot/?action=menu&catid=8&subcatid=34&lang=th
สาเหตุที่ผู้สูงอายุมีโอกาสติดเชื้อในทางเดินปัสสาวะมากขึ้น เนื่องจาก
• เมื่อผู้หญิงหมดประจำเดือนแล้ว จะขาดฮอร์โมนเอสโตรเจน ทำให้มีเชื้อแลคโตบาซิลไล ( lactobacilli) ในช่องคลอดน้อย ทำให้ค่าความเป็นกรดด่าง (พีเอช ) ในช่องคลอดสูงขึ้น ซึ่งเหมาะต่อการเจริญเติบโตของเชื้อก่อโรค ในผู้ชายสูงอายุ สารคัดหลั่งจากต่อมลูกหมากจะมีคุณสมบัติในการฆ่าเชื้อแบคทีเรียน้อยลง
• เมื่ออายุมากขึ้นการทำงานของไตลดลง ทำให้ความสามารถในทำให้ปัสสาวะเป็นกรด ทำให้ปัสสาวะเข้มข้น และขับสารยูเรียได้ลดลง ทำให้ติดเชื้อง่ายขึ้น นอกจากนั้นการที่มีน้ำตาลในปัสสาวะ ซึ่งพบได้มากขึ้นในผู้สูงอายุ เนื่องจากมีโรคเบาหวานมากขึ้น ยังเป็นสารเพาะเชื้อที่ดีอีกด้วย
• ผู้สูงอายุได้รับการใส่สายสวนปัสสาวะบ่อยขึ้น เช่น จากการที่ปัสสาวะไม่ออก กลั้นปัสสาวะไม่ได้ หรือใส่ในช่วงผ่าตัด จึงทำให้เชื้อโรคเข้าไปในทางเดินปัสสาวะได้
• ผู้สูงอายุมีโรคที่เกิดขึ้นหลายอย่าง ซึ่งอาจยังผลให้เกิดการติดเชื้อในทางเดินปัสสาวะง่ายขึ้น เช่น โรคสมองเสื่อมอัลไซเมอร์ โรคพาร์กินสัน ทำให้เดินไม่คล่อง ปัสสาวะไม่สะดวก มีปัสสาวะค้างในกระเพาะปัสสาวะ ติดเชื้อได้ง่าย หรืออาจเป็นโรคเบาหวาน ขาดสารอาหาร โรคต่อมลูกหมากโต เป็นต้น โรคเหล่านี้เป็นปัจจัยเสี่ยงทำให้มีโอกาสติดเชื้อในทางเดินปัสสาวะง่ายขึ้น
การติดเชื้อในระบบทางเดินปัสสาวะ : ชะลอวัย TS6 Probiotic โปรไบโอติก อาหารเสริม ปวดท้อง ท้องผูก ท้องเสีย ตกขาว ภูมิแพ้ โรคกระเพาะ ระบบย่อยอาหาร ลำใส้อักเสบ มะเร็งลำใส้ มะเร็งลำไส้ใหญ่ โรคตับ ตับแข็ง ตับ... »
การติดเชื้อในระบบทางเดินปัสสาวะ : บริษัทอินเตอร์ ฟาร์มา ผู้แทนจำหน่าย TS6 Probiotic ผลิตภัณฑ์ อาหารเสริม Probiotic โปรไบโอติก จุลินทรีย์ อาหารเพื่อสุขภาพ ชะลอวัย ป้องกันโรค ปวดท้อง ท้องผูก ท้องเสีย ตก...
Better Pharmacy @JedYod
18:26 - Public
Multigoodproduct : อาหารเสริมช่วยป้องกันและลดอาการกระเพาะปัสสาวะอักเสบ ช่วยระบบทางเดินอาหาร เสริมภูม... -http://www.weloveshopping.com/template/a24/showproduct.php?pid=21673351&shopid=271430
Multigoodproduct : อาหารเสริมช่วยป้องกันและลดอาการกระเพาะปัสสาวะอักเสบ ช่วยระบบทางเดินอาหาร เสริมภูมิต้านทานโรค Cranberry + Acidopholis with Vitamin C 50 Capsules [Powered by Weloveshopping.com] »
อาหารเสริมช่วยป้องกันและลดอาการกระเพาะปัสสาวะอักเสบ ช่วยระบบทางเดินอาหาร เสริมภูมิต้านทานโรค Cranberry + Acidopholis with Vitamin C 50 Capsules
Better Pharmacy @JedYod
18:21 - Public
PANTIP.COM : L11797012 กระเพาะปัสสาวะอักเสบ [สุขภาพกาย] -http://topicstock.pantip.com/lumpini/topicstock/2012/03/L11797012/L11797012.html
การมีเพศสัมพันธ์ทางปาก หรือที่เรียกว่า oral sex ที่ฝ่ายชายกระทำให้ฝ่ายหญิง ก็เป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เป็นกระเพาะอักเสบได้ เพราะน้ำลายใน(ปาก)ฝ่ายชายอาจปนเปื้อนเชื้อแบคทีเรีย ยิ่งหากฝ่ายชายมีปัญหาเกี่ยวกับช่องปาก ยิ่งเพิ่มโอกาสให้ฝ่ายหญิงเป็นได้มากขึ้น
ทางออกที่ดีทางหนึ่งก็คือ การขอร้องให้ฝ่ายชายบ้วนปากด้วยน้ำยาบ้วนปาก ยี่ห้อไหนก็ได้ ไม่เจาะจง เอายี่ห้อที่ชอบ ละกัน ทุกครั้งหลังแปรงฟัน และควรกระทำต่อเนื่อง
การมีเพศสัมพันธ์ทางปาก หรือที่เรียกว่า oral sex ที่ฝ่ายชายกระทำให้ฝ่ายหญิง ก็เป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เป็นกระเพาะอักเสบได้ เพราะน้ำลายใน(ปาก)ฝ่ายชายอาจปนเปื้อนเชื้อแบคทีเรีย ยิ่งหากฝ่ายชายมีปัญหาเกี่ยวกับช่องปาก ยิ่งเพิ่มโอกาสให้ฝ่ายหญิงเป็นได้มากขึ้น
ทางออกที่ดีทางหนึ่งก็คือ การขอร้องให้ฝ่ายชายบ้วนปากด้วยน้ำยาบ้วนปาก ยี่ห้อไหนก็ได้ ไม่เจาะจง เอายี่ห้อที่ชอบ ละกัน ทุกครั้งหลังแปรงฟัน และควรกระทำต่อเนื่อง
: L11797012 กระเพาะปัสสาวะอักเสบ [สุขภาพกาย] »
กระเพาะปัสสาวะอักเสบเกิดขึ้นกับผู้หญิงบ่อยกว่าผู้ชาย ทั้งนี้เพราะธรรมชาติของผู้หญิงมีท่อปัสสาวะสั้นกว่า อาการของกระเพาะปัสสาวะอักเสบคือปัสสาวะบ่อย ออกน้อย ปัสสาวะไปแล้วแต่ก็ยังปวดปัสสาวะอีก เวลาปัสสาว...
Better Pharmacy @JedYod
18:19 - Public
Bloggang.com : : ทุกคนไม่ได้รู้ทุกสิ่ง : กระเพาะปัสสาวะอักเสบบ่อย แก้ได้ด้วยอาหาร -http://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=anotherside&month=04-2011&date=03&group=17&gblog=264
ผู้หญิงที่ดื่มนมโยเกิร์ตบ่อย และน้ำผลไม้อย่างน้อย 1 แก้วต่อวัน
มีโอกาสเกิดกระเพาะปัสสาวะอักเสบ น้อยกว่าคนอื่นถึง 34 % โดยเฉพาะน้ำจากลูกเบอรรี่
เช่นเดียวกัน ถ้าได้ดื่มโยเกิร์ต หรือนมเปรี้ยว หรือแม้กระทั่งรับประทานชีส อย่างน้อย 3 ครั้งต่อสัปดาห์ มีโอกาสเกิดกระเพาะปัสสาวะอักเสบลดลงถึงเกือบ 80%
ผู้หญิงที่ดื่มนมโยเกิร์ตบ่อย และน้ำผลไม้อย่างน้อย 1 แก้วต่อวัน
มีโอกาสเกิดกระเพาะปัสสาวะอักเสบ น้อยกว่าคนอื่นถึง 34 % โดยเฉพาะน้ำจากลูกเบอรรี่
เช่นเดียวกัน ถ้าได้ดื่มโยเกิร์ต หรือนมเปรี้ยว หรือแม้กระทั่งรับประทานชีส อย่างน้อย 3 ครั้งต่อสัปดาห์ มีโอกาสเกิดกระเพาะปัสสาวะอักเสบลดลงถึงเกือบ 80%
Bloggang.com : : ทุกคนไม่ได้รู้ทุกสิ่ง : กระเพาะปัสสาวะอักเสบบ่อย แก้ได้ด้วยอาหาร »
ธรรมะ · สุขภาพ · จิตวิทยา · ชีวิตงาน · บริหาร และการจัดการ · กีฬาและการออกกำลังกาย · สูตรอาหาร1 · สูตรอาหาร2 · เคล็ดลับคู่ครัว · อาหารเจหรือมังสวิรัติ · อาหารญี่ปุ่น · ผักผลไม้แปรรูป · สูตรสลัด พล่า ยำ...
Better Pharmacy @JedYod
18:12 - Public
โรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบ ติดเชื้อทางเดินปัสสาวะช่วงตั้งครรภ์ – ดูเม็กซ์ -http://www.dumex.co.th/pregnancy/common_health_worries/article/cystitis
ต่อไปนี้เพื่อช่วยป้องกันการติดเชื้อในกระเพาะปัสสาวะ
ปัสสาวะทันทีหลังมีเพศสัมพันธ์ หลังจากปัสสาวะเสร็จเรียบร้อย ให้เช็ดจากด้านหน้าไปด้านหลัง อย่ากลั้นปัสสาวะโดยไม่จำเป็น และพยายามปัสสาวะให้สุดเท่าที่จะทำได้ ดูแลรักษาความสะอาดบริเวณจุดซ่อนเร้น ควรหลีกเลี่ยงการอาบน้ำบ่อยหรืออาบน้ำเป็นเวลานานๆ และหลีกเลี่ยงการใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของน้ำหอมหรือสารยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อจุลินทรีย์ สวมกางเกงชั้นในผ้าฝ้ายและหลีกเลี่ยงการใส่กางเกงยีนส์หรือกางเกงขายาวแนบเนื้อ ดื่มน้ำให้เพียงพอ
ต่อไปนี้เพื่อช่วยป้องกันการติดเชื้อในกระเพาะปัสสาวะ
ปัสสาวะทันทีหลังมีเพศสัมพันธ์ หลังจากปัสสาวะเสร็จเรียบร้อย ให้เช็ดจากด้านหน้าไปด้านหลัง อย่ากลั้นปัสสาวะโดยไม่จำเป็น และพยายามปัสสาวะให้สุดเท่าที่จะทำได้ ดูแลรักษาความสะอาดบริเวณจุดซ่อนเร้น ควรหลีกเลี่ยงการอาบน้ำบ่อยหรืออาบน้ำเป็นเวลานานๆ และหลีกเลี่ยงการใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของน้ำหอมหรือสารยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อจุลินทรีย์ สวมกางเกงชั้นในผ้าฝ้ายและหลีกเลี่ยงการใส่กางเกงยีนส์หรือกางเกงขายาวแนบเนื้อ ดื่มน้ำให้เพียงพอ
โรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบ ติดเชื้อทางเดินปัสสาวะช่วงตั้งครรภ์ – ดูเม็กซ์ »
ปัญหาการติดเชื้อในกระเพาะปัสสาวะ อย่างเช่น โรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบก็เป็นอีกหนึ่งอาการที่พบได้บ่อยระหว่างตั้งครรภ์ค่ะ โรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบหรือที่เรียกอีกอย่างหนึ่งว่า การติดเชื้อในระบบทางเดินปัสสาวะ...
Better Pharmacy @JedYod
18:09 - Public
การรักษากระเพาะปัสสาวะอักเสบของสตรี -
http://www.srinagarind-hph.kku.ac.th/index.php?option=com_content&view=article&id=158%3A2012-04-20-03-17-15&catid=45%3A2011-06-13-02-42-55&Itemid=64
อาการปวดจากกระเพาะปัสสาวะอักเสบ อาจบรรเทาได้หากปฏิบัติดังนี้
1. ดื่มน้ำประมาณครึ่งลิตรทันทีที่รู้สึกปวด น้ำจะช่วยชะล้างเชื้อแบคทีเรียจากกระเพาะปัสสาวะ
2. ถ่ายปัสสาวะบ่อยๆ เท่าที่จะทำได้ แม้ว่าจะมีปัสสาวะออกมาไม่มาก
3. ใช้กระเป๋าน้ำร้อนประทบเพื่อบรรเทาอาการปวดบริเวณหลังหรือส่วนล่างและเชิงกราน
4. ดื่มน้ำ 1 แก้วผสมโซดาไบคาร์บอเนต 1 ช้อนชาทุก 3 ชั่วโมง เพื่อลดกรด ในกระเพาะปัสสาวะซึ่งทำให้เชื้อแบคทีเรียหยุดแพร่พันธุ์และบรรเทาอาการปวดได้
5. อย่ารับประทานมะนาว ส้ม หรือผลไม้รสเปรี้ยว และหลีกเลี่ยงอาหารที่มีกรดน้ำส้มรวมทั้งโปรตีนจากสัตว์ เช่น ไข่ ปลา เนื้อ และเนยแข็งเพราะล้วนเพิ่มกรดในปัสสาวะ ทำให้ปวดแสบเมื่อถ่ายออก
(ข้อควรระวัง ผู้ที่มีความดันโลหิตสูง ควรปรึกษาแพทย์ก่อนที่จะใช้โซดาไบคาร์บอเนตเพราะมีเกลือผสมอยู่)
http://www.srinagarind-hph.kku.ac.th/index.php?option=com_content&view=article&id=158%3A2012-04-20-03-17-15&catid=45%3A2011-06-13-02-42-55&Itemid=64
อาการปวดจากกระเพาะปัสสาวะอักเสบ อาจบรรเทาได้หากปฏิบัติดังนี้
1. ดื่มน้ำประมาณครึ่งลิตรทันทีที่รู้สึกปวด น้ำจะช่วยชะล้างเชื้อแบคทีเรียจากกระเพาะปัสสาวะ
2. ถ่ายปัสสาวะบ่อยๆ เท่าที่จะทำได้ แม้ว่าจะมีปัสสาวะออกมาไม่มาก
3. ใช้กระเป๋าน้ำร้อนประทบเพื่อบรรเทาอาการปวดบริเวณหลังหรือส่วนล่างและเชิงกราน
4. ดื่มน้ำ 1 แก้วผสมโซดาไบคาร์บอเนต 1 ช้อนชาทุก 3 ชั่วโมง เพื่อลดกรด ในกระเพาะปัสสาวะซึ่งทำให้เชื้อแบคทีเรียหยุดแพร่พันธุ์และบรรเทาอาการปวดได้
5. อย่ารับประทานมะนาว ส้ม หรือผลไม้รสเปรี้ยว และหลีกเลี่ยงอาหารที่มีกรดน้ำส้มรวมทั้งโปรตีนจากสัตว์ เช่น ไข่ ปลา เนื้อ และเนยแข็งเพราะล้วนเพิ่มกรดในปัสสาวะ ทำให้ปวดแสบเมื่อถ่ายออก
(ข้อควรระวัง ผู้ที่มีความดันโลหิตสูง ควรปรึกษาแพทย์ก่อนที่จะใช้โซดาไบคาร์บอเนตเพราะมีเกลือผสมอยู่)
การรักษากระเพาะปัสสาวะอักเสบของสตรี »
โรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบ (Cystitis) มักจะเกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรียที่มาจากทวารหนัก ผ่านทางท่อปัสสาวะ สาเหตุอื่นที่อาจเป็นไปได้คือ การติดเชื้อรา และบาดแผลฟกช้ำที่เกิดระหว่างการร่วมเพศอาการปวดอาจรุนแรง...
Better Pharmacy @JedYod
18:03 - Public
กระเพาะปัสสาวะอักเสบ | ข้อมูลสุขภาพ มูลนิธิหมอชาวบ้าน -http://www.doctor.or.th/article/detail/2493
๑. ดื่มน้ำมากๆ จะช่วยให้หายเร็วขึ้น
๒. กินยาฆ่าเชื้อแบคทีเรีย ยาที่แนะนำ คือ โคไตรม็อกซาโซล (Cotrimoxazole) กินครั้งละ ๒ เม็ด วันละ ๒ ครั้ง เป็นเวลา ๓ วัน หรือยาที่มีสรรพคุณดีขึ้น คือ นอร์ฟลอกซาซิน (Norfloxacin) ขนาด ๔๐๐ มิลลิกรัม กินครั้งละ ๑ เม็ด วันละ ๒ ครั้ง เป็นเวลา ๓ วัน
๓. กินยาแก้ปวด หากมีอาการปวดมาก แต่ถ้าปวดไม่มากก็ไม่จำเป็น เพราะว่าเมื่ออาการอักเสบดีขึ้นแล้ว อาการปวดจะหายเร็วมาก
๑. ดื่มน้ำมากๆ จะช่วยให้หายเร็วขึ้น
๒. กินยาฆ่าเชื้อแบคทีเรีย ยาที่แนะนำ คือ โคไตรม็อกซาโซล (Cotrimoxazole) กินครั้งละ ๒ เม็ด วันละ ๒ ครั้ง เป็นเวลา ๓ วัน หรือยาที่มีสรรพคุณดีขึ้น คือ นอร์ฟลอกซาซิน (Norfloxacin) ขนาด ๔๐๐ มิลลิกรัม กินครั้งละ ๑ เม็ด วันละ ๒ ครั้ง เป็นเวลา ๓ วัน
๓. กินยาแก้ปวด หากมีอาการปวดมาก แต่ถ้าปวดไม่มากก็ไม่จำเป็น เพราะว่าเมื่ออาการอักเสบดีขึ้นแล้ว อาการปวดจะหายเร็วมาก
กระเพาะปัสสาวะอักเสบ | ข้อมูลสุขภาพ มูลนิธิหมอชาวบ้าน »
กระเพาะปัสสาวะอักเสบ. กระเพาะปัสสาวะอักเสบเป็นโรคที่พบบ่อยมาก โดยเฉพาะในคุณผู้หญิง แต่การดูแลรักษานั้นง่ายนิดเดียว ผู้ป่วยทุกคนสามารถช่วยเหลือและรักษาตัวเองได้เป็นส่วนใหญ่ หากทำความเข้าใจกับมันพอสมควร...
Better Pharmacy @JedYod
18:02 - Public
ใครเคยเป็นกระเพาะปัสสาวะอักเสบมั่งคะ -
http://www.jeban.com/viewtopic.php?t=27077
http://www.jeban.com/viewtopic.php?t=27077
ใครเคยเป็นกระเพาะปัสสาวะอักเสบมั่งคะ »
คือตอนนี้กุ๊กเป็นโรคนี้อยุ่ และเค้าว่ากันว่า เป็นๆหายๆไม่หายขาด ท่าจะจริง เคยไปหาหมอแล้ว ซื้อยามากินเองก็แล้ว บางทีก็หายไปเลย แต่ช่วงนี้เหมือนมันจะมาอีกแล้ว มาหลอกมาหลอนจริงๆ อาการก็แบบปวดปัสสาวะบ่อยๆ...
Better Pharmacy @JedYod
19:51 - Public
ปวดท้องตรงไหน เป็นอะไรกันแน่
เราสามารถแบ่งบริเวณที่ปวดท้องได้เป็น 9 ส่วน คือ
1. ชายโครงขวา คือ ตับและถุงน้ำดี อาการที่พบมักจะกดแล้วเจอก้อนแข็งร่วมกับอาการตัวเหล ือง ตาเหลือง ซึ่งสันนิษฐานเบื้องต้นได้ว่า อาจเป็นโรคเกี่ยวกับตับหรือถุงน้ำดี เช่น ตับอักเสบ ฝีในตับ ถุงน้ำดีอักเสบ
2. ใต้ลิ้นปี่ คือ กระเพาะอาหาร ตับอ่อน ตับ และกระดูกลิ้นปี่
- ปวดเป็นประจำเวลาหิวหรืออิ่ม อาจเป็นโรคเกี่ยวกับกระเพาะ
- ปวดรุนแรงร่วมกับคลื่นไส้อาเจียน อาจเป็นโรคตับอ่อนอักเสบ
- คลำเจอก้อนเนื้อค่อนข้างแข็งและมีขนาดใหญ่ อาจหมายถึงตับโต - คลำได้ก้อนสามเหลี่ยมแบนเล็กๆ มักเป็นกระดูกลิ้นปี่
3. ชายโครงขวา คือ ม้าม ซึ่งมักจะคลำเจอก้อนเนื้อบริเวณนี้
4. บั้นเอวขวา คือท่อไต ไต ลำไส้ใหญ่
- ปวดร่วมกับถ่ายอุจจาระผิดปกติหรือถ่ายเป็นเลือด อาจเป็นเพราะลำไส้ใหญ่อักเสบ
- ปวดร้าวถึงต้นขา อาจเป็นนิ่วในท่อไต
- ปวดร่วมกับปวดหลัง มีไข้ หนาวสั่น ปัสสาวะขุ่น อาจเป็นกรวยไตอักเสบ
- คลำเจอก้อนเนื้อ อาจเป็นไตโตผิดปกติหรือเนื้องอกในลำไส้ใหญ่
5. รอบสะดือ คือ ลำไส้เล็ก มักพบในโรคท้องเดินหรือไส้ติ่งอักเสบ (ก่อนจะย้ายมาปวดท้องน้อยขวา) แต่ถ้าปวดแบบมีลมในท้อง ก็อาจเป็นเพราะกระเพาะลำไส้ทำงานผิดปกติ
6. บั้นเอวซ้าย คือ ท่อไต ไต ลำไส้ใหญ่ (เหมือนข้อ 4)
7. ท้องน้อยขวา คือ ไส้ติ่ง ท่อไต และปีกมดลูก
- ปวดเกร็งเป็นระยะ ร้าวมาที่ต้นขา อาจเป็นเพราะมีก้อนนิ่วในกรวยไต
- ปวดเสียดตลอดเวลา กดแล้วเจ็บมาก มักเป็นไส้ติ่งอักเสบ
- ปวดร่วมกับมีไข้สูง หนาวสั่น มีตกขาว มักเป็นเพราะปีกมดลูกอักเสบ
- คลำแล้วเจอก้อนเนื้อ อาจเป็นก้อนไส้ติ่งหรือรังไข่ผิดปกติ
8. ท้องน้อย คือ กระเพาะปัสสาวะและมดลูก
- ปวดเวลาถ่ายปัสสาวะหรือถ่ายกระปริบกระปรอย มักเป็นเพราะกระเพาะปัสสาวะอักเสบ หรือนิ่วในกระเพาะปัสสาวะ
- ปวดเกร็งเวลามีประจำเดือน เป็นอาการปวดประจำเดือน แต่ในรายที่ปวดเรื้อรังในหญิงแต่งงานแล้วไม่มีบุตร อาจเป็นเนื้องอกในมดลูก
9. ท้องน้อยซ้าย คือ ปีกมดลูกและท่อไต
- ปวดเกร็งเป็นระยะและร้าวมาที่ต้นขา มักเป็นนิ่วในท่อไต
- ปวดร่วมกับมีไข้ หนาวสั่น ตกขาว เป็นเพราะมดลูกอักเสบ
- ปวดร่วมกับถ่ายอุจจาระผิดปกติ อาจเป็นเพราะลำไส้ใหญ่อักเสบ
- คลำพบก้อนร่วมกับอาการท้องผูกเป็นประจำ อาจเป็นเนื้องอกในลำไส้
http://board.postjung.com/645555.html
เราสามารถแบ่งบริเวณที่ปวดท้องได้เป็น 9 ส่วน คือ
1. ชายโครงขวา คือ ตับและถุงน้ำดี อาการที่พบมักจะกดแล้วเจอก้อนแข็งร่วมกับอาการตัวเหล ือง ตาเหลือง ซึ่งสันนิษฐานเบื้องต้นได้ว่า อาจเป็นโรคเกี่ยวกับตับหรือถุงน้ำดี เช่น ตับอักเสบ ฝีในตับ ถุงน้ำดีอักเสบ
2. ใต้ลิ้นปี่ คือ กระเพาะอาหาร ตับอ่อน ตับ และกระดูกลิ้นปี่
- ปวดเป็นประจำเวลาหิวหรืออิ่ม อาจเป็นโรคเกี่ยวกับกระเพาะ
- ปวดรุนแรงร่วมกับคลื่นไส้อาเจียน อาจเป็นโรคตับอ่อนอักเสบ
- คลำเจอก้อนเนื้อค่อนข้างแข็งและมีขนาดใหญ่ อาจหมายถึงตับโต - คลำได้ก้อนสามเหลี่ยมแบนเล็กๆ มักเป็นกระดูกลิ้นปี่
3. ชายโครงขวา คือ ม้าม ซึ่งมักจะคลำเจอก้อนเนื้อบริเวณนี้
4. บั้นเอวขวา คือท่อไต ไต ลำไส้ใหญ่
- ปวดร่วมกับถ่ายอุจจาระผิดปกติหรือถ่ายเป็นเลือด อาจเป็นเพราะลำไส้ใหญ่อักเสบ
- ปวดร้าวถึงต้นขา อาจเป็นนิ่วในท่อไต
- ปวดร่วมกับปวดหลัง มีไข้ หนาวสั่น ปัสสาวะขุ่น อาจเป็นกรวยไตอักเสบ
- คลำเจอก้อนเนื้อ อาจเป็นไตโตผิดปกติหรือเนื้องอกในลำไส้ใหญ่
5. รอบสะดือ คือ ลำไส้เล็ก มักพบในโรคท้องเดินหรือไส้ติ่งอักเสบ (ก่อนจะย้ายมาปวดท้องน้อยขวา) แต่ถ้าปวดแบบมีลมในท้อง ก็อาจเป็นเพราะกระเพาะลำไส้ทำงานผิดปกติ
6. บั้นเอวซ้าย คือ ท่อไต ไต ลำไส้ใหญ่ (เหมือนข้อ 4)
7. ท้องน้อยขวา คือ ไส้ติ่ง ท่อไต และปีกมดลูก
- ปวดเกร็งเป็นระยะ ร้าวมาที่ต้นขา อาจเป็นเพราะมีก้อนนิ่วในกรวยไต
- ปวดเสียดตลอดเวลา กดแล้วเจ็บมาก มักเป็นไส้ติ่งอักเสบ
- ปวดร่วมกับมีไข้สูง หนาวสั่น มีตกขาว มักเป็นเพราะปีกมดลูกอักเสบ
- คลำแล้วเจอก้อนเนื้อ อาจเป็นก้อนไส้ติ่งหรือรังไข่ผิดปกติ
8. ท้องน้อย คือ กระเพาะปัสสาวะและมดลูก
- ปวดเวลาถ่ายปัสสาวะหรือถ่ายกระปริบกระปรอย มักเป็นเพราะกระเพาะปัสสาวะอักเสบ หรือนิ่วในกระเพาะปัสสาวะ
- ปวดเกร็งเวลามีประจำเดือน เป็นอาการปวดประจำเดือน แต่ในรายที่ปวดเรื้อรังในหญิงแต่งงานแล้วไม่มีบุตร อาจเป็นเนื้องอกในมดลูก
9. ท้องน้อยซ้าย คือ ปีกมดลูกและท่อไต
- ปวดเกร็งเป็นระยะและร้าวมาที่ต้นขา มักเป็นนิ่วในท่อไต
- ปวดร่วมกับมีไข้ หนาวสั่น ตกขาว เป็นเพราะมดลูกอักเสบ
- ปวดร่วมกับถ่ายอุจจาระผิดปกติ อาจเป็นเพราะลำไส้ใหญ่อักเสบ
- คลำพบก้อนร่วมกับอาการท้องผูกเป็นประจำ อาจเป็นเนื้องอกในลำไส้
http://board.postjung.com/645555.html
Better Pharmacy @JedYod
19:50 - Public
คุณประโยชน์ของน้ำเสาวรส
ผลการวิจัยในไทยและต่างประเทศ สรุปคุณประโยชน์ของเสาวรสที่นำมาทำเป็นน้ำเสาวรส ดังนี้
วิตามิน เอ
- บำรุงสายตา ทำให้การมองเห็นชัดเจน
- ช่วยรักษาอาการนอนไม่หลับ
- ช่วยรักษาสภาพเยื่อบุผิว
วิตามิน ซี (มากกว่าที่พบในมะนาวถึง 5 เท่า)
- ลดอาการเจ็บคอ
- ช่วยสร้างภูมิคุ้มกันโรค และช่วยเพิ่มความสมดุลให้กับร่างกาย
คุณประโยชน์อื่นๆ
- บรรเทาอาการจากโรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบ
- ฟื้นฟูตับและไตที่อ่อนแอ
- กำจัดสารพิษในเลือด ลดไขมันในเลือด ความดันโลหิตสูง
- แก้โรคหอบหืด
"น้ำเสาวรส" รสชาติอร่อย ให้ความสดชื่น มีประโยชน์สูง
ผลการวิจัยในไทยและต่างประเทศ สรุปคุณประโยชน์ของเสาวรสที่นำมาทำเป็นน้ำเสาวรส ดังนี้
วิตามิน เอ
- บำรุงสายตา ทำให้การมองเห็นชัดเจน
- ช่วยรักษาอาการนอนไม่หลับ
- ช่วยรักษาสภาพเยื่อบุผิว
วิตามิน ซี (มากกว่าที่พบในมะนาวถึง 5 เท่า)
- ลดอาการเจ็บคอ
- ช่วยสร้างภูมิคุ้มกันโรค และช่วยเพิ่มความสมดุลให้กับร่างกาย
คุณประโยชน์อื่นๆ
- บรรเทาอาการจากโรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบ
- ฟื้นฟูตับและไตที่อ่อนแอ
- กำจัดสารพิษในเลือด ลดไขมันในเลือด ความดันโลหิตสูง
- แก้โรคหอบหืด
"น้ำเสาวรส" รสชาติอร่อย ให้ความสดชื่น มีประโยชน์สูง
Better Pharmacy @JedYod
19:50 - Public
'แครนเบอร์รี่"หยุดการเกาะตัวของแบคทีเรีย
วันนี้เรามีประโยชน์ของแครนเบอร์รี่รวมถึงสรรพคุณของแครนเบอร์รี่ด้วยนะค่ะที่จะนำมาบอก สำหรับ แครนเบอร์รี่ นั้นจัดเป็นหนึ่งผลไม้ของต่างประเทศที่ได้รับความนิยมมิใช่น้อยใน ประโยชน์ของแครนเบอร์รี่ นั้นช่วยป้องกันโรคที่เกิดจากอากาศหนาวได้แถมยังช่วยในเรื่องของผิวพรรณริมฝีปากเนียนนุ่มชุ่มชื่นอีกด้วย ใน สรรพคุณของแครนเบอร์รี่ นั้นก็ช่วยในเรื่องของโรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบ เพราะมีฤทธิ์ฆ่าแบคทีเรียจึงมีสรรพคุณต่อกรกับโรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบ เนื่องจากในแครนเบอร์รี่มีสารหลายชนิดที่ช่วยหยุดการเกาะตัวของแบคทีเรียที่บริเวณผนังทางเดินปัสสาวะอีกด้วย
วันนี้เรามีประโยชน์ของแครนเบอร์รี่รวมถึงสรรพคุณของแครนเบอร์รี่ด้วยนะค่ะที่จะนำมาบอก สำหรับ แครนเบอร์รี่ นั้นจัดเป็นหนึ่งผลไม้ของต่างประเทศที่ได้รับความนิยมมิใช่น้อยใน ประโยชน์ของแครนเบอร์รี่ นั้นช่วยป้องกันโรคที่เกิดจากอากาศหนาวได้แถมยังช่วยในเรื่องของผิวพรรณริมฝีปากเนียนนุ่มชุ่มชื่นอีกด้วย ใน สรรพคุณของแครนเบอร์รี่ นั้นก็ช่วยในเรื่องของโรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบ เพราะมีฤทธิ์ฆ่าแบคทีเรียจึงมีสรรพคุณต่อกรกับโรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบ เนื่องจากในแครนเบอร์รี่มีสารหลายชนิดที่ช่วยหยุดการเกาะตัวของแบคทีเรียที่บริเวณผนังทางเดินปัสสาวะอีกด้วย
Better Pharmacy @JedYod
19:19 - Public
กระเพาะปัสสาวะอักเสบ »
Better Pharmacy @JedYod 18:12 - Public โรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบ ติดเชื้อทางเดินปัสสาวะช่วงตั้งครรภ์ – ดูเม็กซ์ -http://www.dumex.co.th/pregnancy/common_health_worries/article/cystitis ต่อไปนี้เพื่...
Better Pharmacy @JedYod
19:08 - Public
ติดเชื้อในทางเดินปัสสาวะ | Reader's Digest -
รักษาด้วยน้ำ
เมื่อเริ่มมีอาการให้ดื่มน้ำโซดาเย็นๆ โดยใช้ผงเบคกิ้งโซดา (bicarbonate of soda) 1ฺ4 ช้อนชา ผสมกับน้ำ 125 มล. ดื่มครั้งละ 1 แก้ว ตามด้วยน้ำเปล่า 2 แก้ว น้ำโซดาช่วยลดความเป็นกรดของปัสสาวะ ทำให้อาการแสบร้อนขณะปัสสาวะลดลง
ดื่มน้ำชั่วโมงละ 1 แก้วตลอดทั้งวัน การดื่มน้ำมากทำให้มีปัสสาวะมากและปัสสาวะเจือจาง ช่วยลดการระคายเคือง ปริมาณปัสสาวะที่เพิ่มขึ้นจะช่วยชะล้างแบคทีเรียออกจากทางเดินปัสสาวะด้วย
หลีกเลี่ยงน้ำผลไม้ตระกูลส้มมะนาว น้ำมะเขือเทศ กาแฟ และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เครื่องดื่มเหล่านี้ทำให้มีอาการแสบร้อนขณะปัสสาวะมากขึ้น
รักษาด้วยน้ำ
เมื่อเริ่มมีอาการให้ดื่มน้ำโซดาเย็นๆ โดยใช้ผงเบคกิ้งโซดา (bicarbonate of soda) 1ฺ4 ช้อนชา ผสมกับน้ำ 125 มล. ดื่มครั้งละ 1 แก้ว ตามด้วยน้ำเปล่า 2 แก้ว น้ำโซดาช่วยลดความเป็นกรดของปัสสาวะ ทำให้อาการแสบร้อนขณะปัสสาวะลดลง
ดื่มน้ำชั่วโมงละ 1 แก้วตลอดทั้งวัน การดื่มน้ำมากทำให้มีปัสสาวะมากและปัสสาวะเจือจาง ช่วยลดการระคายเคือง ปริมาณปัสสาวะที่เพิ่มขึ้นจะช่วยชะล้างแบคทีเรียออกจากทางเดินปัสสาวะด้วย
หลีกเลี่ยงน้ำผลไม้ตระกูลส้มมะนาว น้ำมะเขือเทศ กาแฟ และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เครื่องดื่มเหล่านี้ทำให้มีอาการแสบร้อนขณะปัสสาวะมากขึ้น
ติดเชื้อในทางเดินปัสสาวะ | Reader's Digest »
อาการแสบร้อนขณะปัสสาวะเป็นอาการสำคัญของโรคติดเชื้อในทางเดินปัสสาวะ หรือที่เรียกว่า กระเพาะปัสสาวะอักเสบ มีผู้หญิงราว 1 ใน 5 เคยเป็นกระเพาะปัสสาวะอักเสบอย่างน้อย 1 ครั้ง ขณะที่ผู้ชายพบไม่บ่อยนัก แพทย์มั...
Better Pharmacy @JedYod
19:04 - Public
สังคมออนไลน์ของชาวชีวจิต ผู้ที่รักสุขภาพ และผู้ที่สนใจการแพทย์ทางเลือก -http://www.cheewajit.com/articleView.aspx?cateId=9&articleId=1593
ชาสมุนไพรแก้ขัดเบา
เถาวัลย์เปรียง นำมาหั่นเป็นแว่นๆ นำมาคั่วให้หอม ชงน้ำดื่ม ดื่มได้อร่อยด้วยเป็นยาด้วย ปัสสาวะคล่อง และแก้ขัดเบา
กระเจี๊ยบ นำกลีบดอกตากแห้งบดเป็นผง 3 กรัม (ประมาณ 1 ช้อนชา) ชงกับน้ำ 1 ถ้วย (300 ซี.ซี.) ดื่มวันละ 3 ครั้ง ติดต่อกันทุกวันจนกว่าอาการขัดเบาจะหายไป
หญ้าหนวดแมว นำใบและก้านแห้ง ครั้งละ 1 หยิบมือ (4-5 กรัม) ต้มกับน้ำ 750 มิลลิลิตร (ประมาณ 1 ขวดน้ำปลา) โดยต้มน้ำให้เดือด ใส่หญ้าหนวดแมวแล้วยกหม้อลงจากเตา ปิดฝาหม้อทิ้งไว้ 15-20 นาที รินเฉพาะส่วนใสมาดื่ม
ตะไคร้ ใช้ต้นแก่หรือเหง้าแก่หั่นเป็นแว่นพอประมาณ หากใช้ต้นหรือเหง้าสดให้ใช้ 40-60 กรัม ต้นหรือเหง้าแห้งใช้ 20-30 กรัม) ชงหรือต้มกับน้ำ 75 ซีซี ดื่มวันละ 3 ครั้ง ก่อนอาหาร
สับปะรด นำต้นแก่หรือเหง้าแก่หั่นเป็นแว่นพอประมาณ (สด 200-250 กรัม แห้ง 100-150 กรัม) ต้มกับน้ำ 250 ซีซี ดื่มวันละ 75ซีซี ก่อนอาหาร 3 เวลา
หญ้าคา นำรากแก่หั่นเป็นแว่นพอประมาณ หากใช้รากสดให้ใช้ 40-60 กรัม รากแห้งใช้ 10-15 กรัม ต้มกับน้ำ 400 ซีซี ดื่มครั้งละ 75 ซีซี วันละ 3 ครั้ง ก่อนอาหาร (ผสมตะไคร้ลงไปด้วยก็ได้)
ขลู่ ใช้ใบสด 40-50 กรัม ใบแห้ง 15-20 กรัม ต้มน้ำ ดื่ม400 ซีซี ดื่มครั้งละ 75 ซีซี วันละ 3 ครั้ง ก่อนอาหาร
อ้อยแดง ใช้ต้นแก่ สด หรือแห้ง วันละ 1 กำมือ (ลำต้นสดหนัก 70-90 กรัม หรือใช้ลำต้นแห้งหนัก 30-40 กรัม) หั่นเป็นแว่นหรือสับเป็นชิ้นเล็กๆ ต้มกับน้ำจะได้ยารสขมๆหวานๆ แบ่งดื่มครั้งละ 1 ถ้วยชา ( 75 มิลลิลิตร) วันละ 3 ครั้ง ก่อนอาหาร
ชาสมุนไพรแก้ขัดเบา
เถาวัลย์เปรียง นำมาหั่นเป็นแว่นๆ นำมาคั่วให้หอม ชงน้ำดื่ม ดื่มได้อร่อยด้วยเป็นยาด้วย ปัสสาวะคล่อง และแก้ขัดเบา
กระเจี๊ยบ นำกลีบดอกตากแห้งบดเป็นผง 3 กรัม (ประมาณ 1 ช้อนชา) ชงกับน้ำ 1 ถ้วย (300 ซี.ซี.) ดื่มวันละ 3 ครั้ง ติดต่อกันทุกวันจนกว่าอาการขัดเบาจะหายไป
หญ้าหนวดแมว นำใบและก้านแห้ง ครั้งละ 1 หยิบมือ (4-5 กรัม) ต้มกับน้ำ 750 มิลลิลิตร (ประมาณ 1 ขวดน้ำปลา) โดยต้มน้ำให้เดือด ใส่หญ้าหนวดแมวแล้วยกหม้อลงจากเตา ปิดฝาหม้อทิ้งไว้ 15-20 นาที รินเฉพาะส่วนใสมาดื่ม
ตะไคร้ ใช้ต้นแก่หรือเหง้าแก่หั่นเป็นแว่นพอประมาณ หากใช้ต้นหรือเหง้าสดให้ใช้ 40-60 กรัม ต้นหรือเหง้าแห้งใช้ 20-30 กรัม) ชงหรือต้มกับน้ำ 75 ซีซี ดื่มวันละ 3 ครั้ง ก่อนอาหาร
สับปะรด นำต้นแก่หรือเหง้าแก่หั่นเป็นแว่นพอประมาณ (สด 200-250 กรัม แห้ง 100-150 กรัม) ต้มกับน้ำ 250 ซีซี ดื่มวันละ 75ซีซี ก่อนอาหาร 3 เวลา
หญ้าคา นำรากแก่หั่นเป็นแว่นพอประมาณ หากใช้รากสดให้ใช้ 40-60 กรัม รากแห้งใช้ 10-15 กรัม ต้มกับน้ำ 400 ซีซี ดื่มครั้งละ 75 ซีซี วันละ 3 ครั้ง ก่อนอาหาร (ผสมตะไคร้ลงไปด้วยก็ได้)
ขลู่ ใช้ใบสด 40-50 กรัม ใบแห้ง 15-20 กรัม ต้มน้ำ ดื่ม400 ซีซี ดื่มครั้งละ 75 ซีซี วันละ 3 ครั้ง ก่อนอาหาร
อ้อยแดง ใช้ต้นแก่ สด หรือแห้ง วันละ 1 กำมือ (ลำต้นสดหนัก 70-90 กรัม หรือใช้ลำต้นแห้งหนัก 30-40 กรัม) หั่นเป็นแว่นหรือสับเป็นชิ้นเล็กๆ ต้มกับน้ำจะได้ยารสขมๆหวานๆ แบ่งดื่มครั้งละ 1 ถ้วยชา ( 75 มิลลิลิตร) วันละ 3 ครั้ง ก่อนอาหาร
สังคมออนไลน์ของชาวชีวจิต ผู้ที่รักสุขภาพ และผู้ที่สนใจการแพทย์ทางเลือก »
ดูเรื่องย้อนหลัง. นิตยสารชีวจิตฉบับที่ 213. ชาสมุนไพรแก้ขัดเบา. ปกติแล้วคนเราจะถ่ายปัสสาวะวันละ 4-6 ครั้ง ขึ้นอยู่กับปริมาณน้ำที่ดื่มเข้าไป ผู้ที่มีอาการขัดเบาจะถ่ายปัสสาวะบ่อย แต่กะปริดกระปรอย ร่วมกั...
Better Pharmacy @JedYod
19:03 - Public
ศูนย์ธรรมชาติบำบัดบัลวี -http://www.balavi.com/content_th/nanasara/Con00117.asp
สมุนไพรไทยรอบตัวที่ใช้ได้ ได้แก่ หญ้าหนวดแมว ตะไคร้ กระเจี๊ยบแดง เหง้าสับปะรด ต้นและรากเตยหอม รากหญ้าคา ต้นขึ้นฉ่าย เป็นต้น ทั้งหมดนี้ให้เอามา 1 กำมือจะเลือกอย่างใด อย่างหนึ่งก็ได้ใส่น้ำต้มให้เดือด ล้วต้มเคี่ยวให้ตัวยาออกมานาน 10 นาที แล้วดื่มต่างน้ำ ยกเว้นต้นขึ้นฉ่าย ให้เอาต้นสดมา 1กำมือ แล้วคั้นน้ำดื่ม
สำหรับหญ้าหนวดแมวมีรายงานว่าใช้ได้ดีขนาดสามารถขับนิ่วในทางเดินปัสสาวะได้ผล วิธีการคือใช้ใบแห้งหนัก 4 กรัมชงกับน้ำเดือด 750 ซีซี ดื่มต่างน้ำตลอดทั้งวันจนกว่านิ่วจะหลุดออกมา แต่หญ้าหนวดแมวมีจุดอ่อนคือ มีเกลือโปตัสเซียมสูงมาก ผู้ป่วยที่เป็นโรคไตวายและผู้ป่วยโรคหัวใจไม่ควรใช้สมุนไพรตัวนี้เอง
สมุนไพรไทยรอบตัวที่ใช้ได้ ได้แก่ หญ้าหนวดแมว ตะไคร้ กระเจี๊ยบแดง เหง้าสับปะรด ต้นและรากเตยหอม รากหญ้าคา ต้นขึ้นฉ่าย เป็นต้น ทั้งหมดนี้ให้เอามา 1 กำมือจะเลือกอย่างใด อย่างหนึ่งก็ได้ใส่น้ำต้มให้เดือด ล้วต้มเคี่ยวให้ตัวยาออกมานาน 10 นาที แล้วดื่มต่างน้ำ ยกเว้นต้นขึ้นฉ่าย ให้เอาต้นสดมา 1กำมือ แล้วคั้นน้ำดื่ม
สำหรับหญ้าหนวดแมวมีรายงานว่าใช้ได้ดีขนาดสามารถขับนิ่วในทางเดินปัสสาวะได้ผล วิธีการคือใช้ใบแห้งหนัก 4 กรัมชงกับน้ำเดือด 750 ซีซี ดื่มต่างน้ำตลอดทั้งวันจนกว่านิ่วจะหลุดออกมา แต่หญ้าหนวดแมวมีจุดอ่อนคือ มีเกลือโปตัสเซียมสูงมาก ผู้ป่วยที่เป็นโรคไตวายและผู้ป่วยโรคหัวใจไม่ควรใช้สมุนไพรตัวนี้เอง
ศูนย์ธรรมชาติบำบัดบัลวี »
Extensive documentation on holistic healing, alternative medicine, nutrition, yoga, breathwork, toxic consumer products and many other subjects,www.balavi.com,balavee.com,balavee,balavi,การดูแลสุขภาพ,...
Better Pharmacy @JedYod
19:01 - Public
ถาม - ตอบ - http://www.medplant.mahidol.ac.th/user/reply.asp?id=5884
กระเจี๊ยบแดงมีฤทธิ์ขับปัสสาวะ และฆ่าเชื้อแบคทีเรียค่ะ การศึกษาทางคลีนิกของ รพ.ศิริราช ในผู้ป่วยโรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบ ที่ดื่มน้ำดอกกระเจี๊ยบแดง ครั้งละ 6 กรัมต่อน้ำเปล่า 1แก้ว (250-350 มล.) วันละ 4 ครั้ง เป็นเวลา 5 วัน พบว่ามีการติดเชื้อในกระเพาะปัสสาวะลดลง เช่นเดียวกับผู้ที่ได้รับยาต้านจุลชีพ
กระเจี๊ยบแดงมีฤทธิ์ขับปัสสาวะ และฆ่าเชื้อแบคทีเรียค่ะ การศึกษาทางคลีนิกของ รพ.ศิริราช ในผู้ป่วยโรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบ ที่ดื่มน้ำดอกกระเจี๊ยบแดง ครั้งละ 6 กรัมต่อน้ำเปล่า 1แก้ว (250-350 มล.) วันละ 4 ครั้ง เป็นเวลา 5 วัน พบว่ามีการติดเชื้อในกระเพาะปัสสาวะลดลง เช่นเดียวกับผู้ที่ได้รับยาต้านจุลชีพ
ถาม - ตอบ »
คอลัมน์นี้ สำหรับท่านที่มีปัญหาเกี่ยวกับพืชสมุนไพร เชิญเขียนถามมาได้ ทางหน่วยบริการฐานข้อมูลสมุนไพรฯ จะพยายามรีบตอบให้เร็วที่สุดผ่านทางคอลัมน์นี้. คำถาม : สมุนไพรแก้อาการกระเพาะปัสสาวะอักเสบ. รบกวนสอบ...
No comments:
Post a Comment