Better Pharmacy Chiang Mai
Shared publicly - 11:01
หูด เป็นโรคติดเชื้อไวรัสทางผิวหนังที่พบได้ในทุกเพศ ทุกวัย มักพบในเด็กและวัยรุ่น โดยจะโตช้า ๆ และอยู่นานโดยไม่มีอาการ หูดมีหลายขนาดและหลายลักษณะ เกิดขึ้นตามผิวหนังทุกส่วนของร่างกาย บริเวณที่พบได้บ่อยคือ มือและเท้า
หากจะกล่าวถึงรูปร่างของหูดนั้น จะมีรูปร่างลักษณะหลายแบบด้วยกัน ได้แก่
1. หูดธรรมดา เป็นตุ่มนูนแข็งสีผิวหนังหรือสีดำ ผิวค่อนข้างขรุขระ มีสะเก็ด อาจมีเม็ดเดียวหรือหลายเม็ดก็ได้
2. หูดผิวเรียบ เป็นตุ่มแบนสีผิวหนัง ผิวเรียบ มีสะเก็ดเล็กน้อย
3. หูดฝ่าเท้า เป็นไตหนาแข็ง สีค่อนข้างเหลือง
4. หูดที่อวัยวะเพศ เป็นตุ่มนูนสูงคล้ายหงอนไก่ พบบริเวณอวัยวะเพศ ทวารหนักและขาหนีบ
5. หูดที่เป็นติ่งเนื้อแข็ง ๆ ยื่นมาจากผิวหนัง เป็นตุ่มขรุขระ แต่ยาวคล้ายนิ้วมือเล็ก ๆ มักพบบริเวณใบหน้าและลำคอ
การทายา ยาที่นิยมใช้ได้แก่ ยาที่มีส่วนผสมของกรดซาลิซิลิก กรดแลคติก กรดไตรคลออะซิติก หรือไบคลออะซิติก ซึ่งได้ผลดี แต่ใช้เวลานานหลายสัปดาห์กว่าจะหาย ผู้ป่วยสามารถทาเองได้ที่บ้าน
การจี้ด้วยไนโตรเจนเหลว เป็นการรักษาด้วยความเย็นซึ่งใช้ได้ผลดีในหูดขนาดไม่ใหญ่มาก หากมีแผ่นหนาปกคลุมแพทย์จะฝานออกก่อนจี้ แพทย์อาจใช้ไม้พันสำลีจุ่มไนโตรเจนเหลวแล้วจี้ที่ตัวหูด หรือใช้หัวจี้ซึ่งต่อกับภาชนะที่บรรจุไนโตรเจนเหลวจี้ ระหว่างจี้ผู้ป่วยจะรู้สึกเจ็บ วันต่อมาจะพองเป็นตุ่มน้ำ และใหญ่ขึ้นเป็นถุงน้ำ หรืออาจมีเลือดออกอยู่ข้างใน หลังจากนั้นจะค่อย ๆ แห้งลงแล้วตกสะเก็ด และจะหายในเวลา 1-3 สัปดาห์ ซึ่งอาจต้องจี้ซ้ำอีกหลายครั้งจึงจะหายขาด ส่วนใหญ่แพทย์มักให้ใช้ยาทาควบคู่ไปด้วย
การจี้ด้วยไฟฟ้า เป็นการรักษาโดยการใช้ความร้อน
การรักษาด้วยเลเซอร์ เป็นการรักษาด้วยความร้อน โดยแพทย์จะใช้เลเซอร์จี้ที่ตัวหูด ซึ่งได้ผลดีแต่ค่าใช้จ่ายสูง
การผ่าตัด ทำการผ่าตัดนำก้อนหูดออก ซึ่งมักไม่ค่อยนิยมใช้วิธีการนี้
ผู้ป่วยควรรักษาความสะอาดเพื่อไม่ให้เชื้อเข้าสู่ร่างกายและแพร่กระจายไป สู่ส่วนต่าง ๆ ของร่างกายและสู่ผู้อื่น
การล้างมือจะช่วยลดการรับเชื้อและการแพร่กระจายเชื้อได้ดี แต่หากผู้ป่วยมีภูมิคุ้มกันต่ำจะติดเชื้อและลุกลามได้ง่าย เป็นแล้วหายยาก จึงควรรีบรักษาแต่เนิ่น ๆ และหมั่นรักษาความสะอาด เพราะถึงแม้หูดจะสามารถหายได้ แต่ก็อาจติดเชื้อใหม่ได้อีก.
http://www.thaihealth.or.th/Content/25183-‘หูด’%20ปัญหาผิวหนัง%20รบกวนจิตใจ.html
หากจะกล่าวถึงรูปร่างของหูดนั้น จะมีรูปร่างลักษณะหลายแบบด้วยกัน ได้แก่
1. หูดธรรมดา เป็นตุ่มนูนแข็งสีผิวหนังหรือสีดำ ผิวค่อนข้างขรุขระ มีสะเก็ด อาจมีเม็ดเดียวหรือหลายเม็ดก็ได้
2. หูดผิวเรียบ เป็นตุ่มแบนสีผิวหนัง ผิวเรียบ มีสะเก็ดเล็กน้อย
3. หูดฝ่าเท้า เป็นไตหนาแข็ง สีค่อนข้างเหลือง
4. หูดที่อวัยวะเพศ เป็นตุ่มนูนสูงคล้ายหงอนไก่ พบบริเวณอวัยวะเพศ ทวารหนักและขาหนีบ
5. หูดที่เป็นติ่งเนื้อแข็ง ๆ ยื่นมาจากผิวหนัง เป็นตุ่มขรุขระ แต่ยาวคล้ายนิ้วมือเล็ก ๆ มักพบบริเวณใบหน้าและลำคอ
การทายา ยาที่นิยมใช้ได้แก่ ยาที่มีส่วนผสมของกรดซาลิซิลิก กรดแลคติก กรดไตรคลออะซิติก หรือไบคลออะซิติก ซึ่งได้ผลดี แต่ใช้เวลานานหลายสัปดาห์กว่าจะหาย ผู้ป่วยสามารถทาเองได้ที่บ้าน
การจี้ด้วยไนโตรเจนเหลว เป็นการรักษาด้วยความเย็นซึ่งใช้ได้ผลดีในหูดขนาดไม่ใหญ่มาก หากมีแผ่นหนาปกคลุมแพทย์จะฝานออกก่อนจี้ แพทย์อาจใช้ไม้พันสำลีจุ่มไนโตรเจนเหลวแล้วจี้ที่ตัวหูด หรือใช้หัวจี้ซึ่งต่อกับภาชนะที่บรรจุไนโตรเจนเหลวจี้ ระหว่างจี้ผู้ป่วยจะรู้สึกเจ็บ วันต่อมาจะพองเป็นตุ่มน้ำ และใหญ่ขึ้นเป็นถุงน้ำ หรืออาจมีเลือดออกอยู่ข้างใน หลังจากนั้นจะค่อย ๆ แห้งลงแล้วตกสะเก็ด และจะหายในเวลา 1-3 สัปดาห์ ซึ่งอาจต้องจี้ซ้ำอีกหลายครั้งจึงจะหายขาด ส่วนใหญ่แพทย์มักให้ใช้ยาทาควบคู่ไปด้วย
การจี้ด้วยไฟฟ้า เป็นการรักษาโดยการใช้ความร้อน
การรักษาด้วยเลเซอร์ เป็นการรักษาด้วยความร้อน โดยแพทย์จะใช้เลเซอร์จี้ที่ตัวหูด ซึ่งได้ผลดีแต่ค่าใช้จ่ายสูง
การผ่าตัด ทำการผ่าตัดนำก้อนหูดออก ซึ่งมักไม่ค่อยนิยมใช้วิธีการนี้
ผู้ป่วยควรรักษาความสะอาดเพื่อไม่ให้เชื้อเข้าสู่ร่างกายและแพร่กระจายไป สู่ส่วนต่าง ๆ ของร่างกายและสู่ผู้อื่น
การล้างมือจะช่วยลดการรับเชื้อและการแพร่กระจายเชื้อได้ดี แต่หากผู้ป่วยมีภูมิคุ้มกันต่ำจะติดเชื้อและลุกลามได้ง่าย เป็นแล้วหายยาก จึงควรรีบรักษาแต่เนิ่น ๆ และหมั่นรักษาความสะอาด เพราะถึงแม้หูดจะสามารถหายได้ แต่ก็อาจติดเชื้อใหม่ได้อีก.
http://www.thaihealth.or.th/Content/25183-‘หูด’%20ปัญหาผิวหนัง%20รบกวนจิตใจ.html
1
Add a comment...
Better Pharmacy Chiang Mai
Shared publicly - 28 Nov 2015
ชายพบได้ที่หนังหุ้มปลายองคชาต (ในคนที่ยังไม่ได้ขลิบ) หรือพบที่ลำองคชาต (ในคนที่ขลิบแล้ว) อาจพบได้ที่ถุงหุ้มอัณฑะด้วย
ส่วนในผู้หญิงมักพบตามปากช่องคลอด อาจพบในช่องคลอด ปากมดลูก บริเวณท่อปัสสาวะค่ะ
นอกจากนี้ ทั้งหญิงชาย สามารถพบหูดได้รอบ ๆ รูก้นและในก้นได้อีกด้วย โดยเฉพาะคนที่มีเพศสัมพันธ์ทางทวารหนัก (โดยเฉพาะฝ่ายรับ)
ถุงยางอนามัยสามารถลดอัตราการแพร่กระจายโรคได้ แต่ไม่สามารถป้องกันได้ 100% เพราะในส่วนที่ไม่ได้ถูกถุงยางครอบถึง (เช่นอัณฑะ) สามารถส่งต่อเชื้อ HPV ได้ เพราะเชื้อมันอาศัยอยู่ที่ผิวหนัง
หูดไม่ใช่โรคร้ายแรง ไม่ถึงตาย แต่มันทำให้สูญเสียความมั่นใจได้
http://www.prachachat.net/news_detail.php?newsid=1448723675
ส่วนในผู้หญิงมักพบตามปากช่องคลอด อาจพบในช่องคลอด ปากมดลูก บริเวณท่อปัสสาวะค่ะ
นอกจากนี้ ทั้งหญิงชาย สามารถพบหูดได้รอบ ๆ รูก้นและในก้นได้อีกด้วย โดยเฉพาะคนที่มีเพศสัมพันธ์ทางทวารหนัก (โดยเฉพาะฝ่ายรับ)
ถุงยางอนามัยสามารถลดอัตราการแพร่กระจายโรคได้ แต่ไม่สามารถป้องกันได้ 100% เพราะในส่วนที่ไม่ได้ถูกถุงยางครอบถึง (เช่นอัณฑะ) สามารถส่งต่อเชื้อ HPV ได้ เพราะเชื้อมันอาศัยอยู่ที่ผิวหนัง
หูดไม่ใช่โรคร้ายแรง ไม่ถึงตาย แต่มันทำให้สูญเสียความมั่นใจได้
http://www.prachachat.net/news_detail.php?newsid=1448723675
1
Add a comment...
Better Pharmacy Chiang Mai
Shared publicly - 2 Sep 2013
หูดหงอนไก่ส่วนใหญ่จึงถือว่าเป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์
หากไม่มีเพศสัมพันธ์โอกาสเป็นหูดหงอนไก่แม้มี แต่ก็เกิดได้น้อยมาก กว่าร้อยละ 90 ของหูดหงอนไก่เกิดจากการติดเชื้อ HPV
หูดหงอนไก่นี้พบได้บ่อย ในวัยรุ่น หรือวัยเจริญพันธุ์อายุ 20-30 ปี ปัจจุบันพบมากกว่าสมัยยี่สิบปีก่อนถึง 4 เท่า หุดหงอนไก่ ติดต่อมาจากการมีเพศสัมพันธ์ไม่ว่าทางสอดใส่หรือการทำรักด้วยปากทำรักทางทวารหนัก
หูดหงอนไก่สามารถติดในปากคอหลอดลมและกล่องเสียงได้ด้วย ดังนั้นถ้าไม่แน่ใจ ควรสวมถุงยางอนามัย แม้ถุงยางอนามัยไม่อาจป้องกันโรคนี้ได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่ก็สามารถป้องกันได้เป็นส่วนใหญ่
การรักษา หูดหงอนไก่มีวิธีรักษา 4 วิธีได้แก่
1.ใช้สารที่มีพิษต่อเซลล์ (Cytotoxic agents) จี้ทำลาย เช่น โพโดฟิลลีน (Podophyllin), ไตรโคลโรอะซีติก(Trichloroacetic), ซิลเวอร์ไนเตรท (Silver Nitrate), 5-FU, Bleomycin, Imiquimoid วิธีนี้นิยมใช้รักษาหูดหงอนไก่ที่อยู่ด้านนอกอวัยวะเพศและทวารหนัก
2.จี้ร้อนหรือจี้เย็น จี้ร้อนคือใช้ไฟฟ้าจี้ จี้เย็นคือจี้ด้วยความเย็นจากก๊าซไนตรีสออกไซด์ ที่อุณหภูมิ-70 องศาเซลเซียส (-65 ถึง -85 องศาเซลเซียส)
3.ใช้เลเซอร์จี้ทำลาย
4.ตัดออก โดยวิธีที่ 2-4 สามารถรักษาหูดหงอนไก่ที่ทั้งอยู่ทั้งด้านนอกและด้านในของช่องคลอดและทวารหนัก
http://info.muslimthaipost.com/main/index.php?page=sub&category=21&id=15517
หากไม่มีเพศสัมพันธ์โอกาสเป็นหูดหงอนไก่แม้มี แต่ก็เกิดได้น้อยมาก กว่าร้อยละ 90 ของหูดหงอนไก่เกิดจากการติดเชื้อ HPV
หูดหงอนไก่นี้พบได้บ่อย ในวัยรุ่น หรือวัยเจริญพันธุ์อายุ 20-30 ปี ปัจจุบันพบมากกว่าสมัยยี่สิบปีก่อนถึง 4 เท่า หุดหงอนไก่ ติดต่อมาจากการมีเพศสัมพันธ์ไม่ว่าทางสอดใส่หรือการทำรักด้วยปากทำรักทางทวารหนัก
หูดหงอนไก่สามารถติดในปากคอหลอดลมและกล่องเสียงได้ด้วย ดังนั้นถ้าไม่แน่ใจ ควรสวมถุงยางอนามัย แม้ถุงยางอนามัยไม่อาจป้องกันโรคนี้ได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่ก็สามารถป้องกันได้เป็นส่วนใหญ่
การรักษา หูดหงอนไก่มีวิธีรักษา 4 วิธีได้แก่
1.ใช้สารที่มีพิษต่อเซลล์ (Cytotoxic agents) จี้ทำลาย เช่น โพโดฟิลลีน (Podophyllin), ไตรโคลโรอะซีติก(Trichloroacetic), ซิลเวอร์ไนเตรท (Silver Nitrate), 5-FU, Bleomycin, Imiquimoid วิธีนี้นิยมใช้รักษาหูดหงอนไก่ที่อยู่ด้านนอกอวัยวะเพศและทวารหนัก
2.จี้ร้อนหรือจี้เย็น จี้ร้อนคือใช้ไฟฟ้าจี้ จี้เย็นคือจี้ด้วยความเย็นจากก๊าซไนตรีสออกไซด์ ที่อุณหภูมิ-70 องศาเซลเซียส (-65 ถึง -85 องศาเซลเซียส)
3.ใช้เลเซอร์จี้ทำลาย
4.ตัดออก โดยวิธีที่ 2-4 สามารถรักษาหูดหงอนไก่ที่ทั้งอยู่ทั้งด้านนอกและด้านในของช่องคลอดและทวารหนัก
http://info.muslimthaipost.com/main/index.php?page=sub&category=21&id=15517
1
1
Add a comment...
Better Pharmacy Chiang Mai
Shared publicly - 3 Jan 2014
ศุกร์กับเซ็กส์:หูดหงอนไก่ในคนท้อง
หูดหงอนไก่ในคนท้อง : คอลัมน์ ศุกร์กับเซ็กส์ โดย... พญ. ชัญวลี ศรีสุโข
หูดหงอนไก่ ร้อยละ 90 เกิดจากการติดเชื้อไวรัสเอชพีวีชนิดที่ 6,11 เมื่อเป็นในคนท้อง ซึ่งอวัยวะเพศชุ่มชื้น เยื่อบุช่องคลอดหนา ภูมิต้านทานเปลี่ยนแปลงไป มีแนวโน้มที่จะเป็นมาก หูดหงอนไก่จะมีขนาดใหญ่ กระจายเป็นหลายจุด และรักษาไม่ค่อยหาย ในขณะที่ช่วงหลังคลอด2-3 เดือนหูดหงอนไก่สามารถหายไปเองได้โดยไม่ต้องรักษา
การรักษาหูดหงอนไก่ในคนท้อง ทำได้โดยการจี้กรดไตรโคลโรอซีติก (Trichloroacetic acid), ทายาที่กระตุ้นภูมิต้านทานอิมไอควีมอด (Imiquimod), จี้ด้วยไฟฟ้า หรือจี้ด้วยความเย็น แต่ห้ามใช้ยาโพโดฟิลลีน (Podophyllin) ซึ่งเป็นยาทารักษาหูดหงอนไก่เพราะอาจจะเป็นอันตรายต่อเด็กในครรภ์
http://www.komchadluek.net/detail/20140103/176012.html
หูดหงอนไก่ในคนท้อง : คอลัมน์ ศุกร์กับเซ็กส์ โดย... พญ. ชัญวลี ศรีสุโข
หูดหงอนไก่ ร้อยละ 90 เกิดจากการติดเชื้อไวรัสเอชพีวีชนิดที่ 6,11 เมื่อเป็นในคนท้อง ซึ่งอวัยวะเพศชุ่มชื้น เยื่อบุช่องคลอดหนา ภูมิต้านทานเปลี่ยนแปลงไป มีแนวโน้มที่จะเป็นมาก หูดหงอนไก่จะมีขนาดใหญ่ กระจายเป็นหลายจุด และรักษาไม่ค่อยหาย ในขณะที่ช่วงหลังคลอด2-3 เดือนหูดหงอนไก่สามารถหายไปเองได้โดยไม่ต้องรักษา
การรักษาหูดหงอนไก่ในคนท้อง ทำได้โดยการจี้กรดไตรโคลโรอซีติก (Trichloroacetic acid), ทายาที่กระตุ้นภูมิต้านทานอิมไอควีมอด (Imiquimod), จี้ด้วยไฟฟ้า หรือจี้ด้วยความเย็น แต่ห้ามใช้ยาโพโดฟิลลีน (Podophyllin) ซึ่งเป็นยาทารักษาหูดหงอนไก่เพราะอาจจะเป็นอันตรายต่อเด็กในครรภ์
http://www.komchadluek.net/detail/20140103/176012.html
หูดหงอนไก่ในคนท้อง : คอลัมน์ ศุกร์กับเซ็กส์ โดย... พญ. ชัญวลี ศรีสุโข
1
Add a comment...
Better Pharmacy Chiang Mai
Shared publicly - 5 Feb 2016
กลุ่มโรคที่ติดต่อโดยการมีเพศสัมพันธ์ บางโรคอาจติดโดยการสัมผัส หรือถ่ายทอดสู่ลูกขณะอยู่ในครรภ์ ซึ่งมีหลายโรค ได้แก่ โรคซิฟิลิส แผลริมอ่อน เริมอวัยวะเพศ ฝีมะม่วง หนองใน หนองในเทียม หูดหงอนไก่ หูดข้าวสุก พยาธิช่องคลอด และเชื้อราช่องคลอด ซึ่งในรอบ 10 ปีที่ผ่านมา (2549-2558) คนไทยติดโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์เพิ่มสูงขึ้น 2 เท่า คือโรคซิฟิลิสและโรคหนองใน
เยาวชนอายุ 15-24 ปี ติดโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์เพิ่มสูงขึ้น ซึ่งหมายความว่า เยาวชนขาดความตระหนักเรื่องพฤติกรรมทางเพศและการป้องกันโรค เนื่องจากพบว่า ในปี 2558 วัยรุ่นมีความตระหนักในการใช้ถุงยางอนามัยกับแฟนหรือคนรักน้อยลง
ควรพกถุงยางอนามัยติดตัวไว้เสมอ และใช้ถุงยางอนามัยทุกครั้งที่มีเพศสัมพันธ์ ถ้าไม่ใช้ถือว่าประมาท และเสี่ยงต่อการติดโรค
ในประเทศไทยมีผู้ติดเชื้อโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์รายใหม่ประมาณ 79 ล้านคนต่อปี โดยเฉพาะชายมีเพศสัมพันธ์กับชาย ติดเชื้อเอชไอวีเพิ่มขึ้น
http://www.thairath.co.th/content/571143
เยาวชนอายุ 15-24 ปี ติดโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์เพิ่มสูงขึ้น ซึ่งหมายความว่า เยาวชนขาดความตระหนักเรื่องพฤติกรรมทางเพศและการป้องกันโรค เนื่องจากพบว่า ในปี 2558 วัยรุ่นมีความตระหนักในการใช้ถุงยางอนามัยกับแฟนหรือคนรักน้อยลง
ควรพกถุงยางอนามัยติดตัวไว้เสมอ และใช้ถุงยางอนามัยทุกครั้งที่มีเพศสัมพันธ์ ถ้าไม่ใช้ถือว่าประมาท และเสี่ยงต่อการติดโรค
ในประเทศไทยมีผู้ติดเชื้อโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์รายใหม่ประมาณ 79 ล้านคนต่อปี โดยเฉพาะชายมีเพศสัมพันธ์กับชาย ติดเชื้อเอชไอวีเพิ่มขึ้น
http://www.thairath.co.th/content/571143
สคร. 9 โคราช ล้อมคอกวันแห่งความรัก เผย พบโรคซิฟิลิส-หนองใน พุ่ง 2 เท่าในรอบ 10 ปี พบเยาวชนอายุ 15-24 ปี ติดโรคเพิ่มขึ้น กรมควบคุมโรค แนะประชาชนตระหนักโรคภัย-พกถุงยางอนามัยติดตัว
1
Add a comment...
Better Pharmacy Chiang Mai
Shared publicly - 11 Jul 2016
การทำออรัลเซ็กซ์ จะเป็นตัวนำพามาทุกโรคเลย ตั้งแต่ หูด หนองใน ซิฟิลิส รวมไปถึง เอชไอวี หากผู้กระทำมีบาดแผลในช่องปาก
หากทั้งคู่ ไม่รู้จักกันมาก่อน สิ่งที่ต้องทำคือ ต้องใส่ถุงยางในการทำออรัลเซ็กซ์ ละเลย หรือเผลอไม่ได้เชียว
ผู้ที่ถูกทำ (หรือเรียกแบบน่ารักๆ ว่า เจ้าของจู๋) มีสิทธิ์ที่จะได้รับการติดต่อโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ จากคอของเจ้าของปาก ถ้าเขามีโรคเหล่านั้นอยู่ในช่องปากและช่องคอ
ถ้าเจ้าของปากมีแผลในปาก แล้วเจ้าของจู๋มีเชื้อโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์หรือเอชไอวี สิ่งนี้จะเป็นการติดต่อกันไปมาได้ง่ายมากๆ และออรัลเซ็กซ์นี่ทำให้เกิดการติดโรคได้มากที่สุด โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การหลั่งในปาก คือความเสี่ยงสูงของการติดเชื้อ
การแปรงฟันก่อนหรือหลังทำ จะทำให้เราปลอดภัย เพราะนั่นแหละ ยิ่งทำให้เราเสี่ยง เนื่องจากว่า บางที่เราแปรงฟัน เกิดถูเหงือกช้ำหรือเป็นแผลเข้า โดยที่เราไม่รู้ตัว หรือแม้แต่การอมน้ำยาบ้วนปาก ก็ไม่เวิร์คเช่นกัน เพราะน้ำยาเป็นกรด ก็ทำให้บาดแผลเล็กในช่องปากเราเกิดการกระทบกระเทือน ที่นี้ วิธีที่ดีที่สุด ก็ง่ายๆ แค่ บ้วนปากด้วยน้ำสะอาดก็เพียงพอแล้วจ้ะ
น้องๆ ที่ดัดฟันทั้งหลาย หรือน้องๆ ที่เจาะลิ้น เจาะปาก ขอให้ระวังนิดนึงเวลามีเพศสัมพันธ์ทางปาก เพราะว่า อาจมีกรณีของลวดที่ไปเกี่ยวถุงยางขาดได้
อย่าทาลิปมันเวลาทำออรัลนะจ๊ะ เพราะว่าลิปมันมีส่วนผสมของน้ำมัน แล้วพอสัมผัสมากๆ กับถุงยาง อันนี้จะทำให้ถุงยางแตกได้
http://www.adamslove.org/d.php?id=242
หากทั้งคู่ ไม่รู้จักกันมาก่อน สิ่งที่ต้องทำคือ ต้องใส่ถุงยางในการทำออรัลเซ็กซ์ ละเลย หรือเผลอไม่ได้เชียว
ผู้ที่ถูกทำ (หรือเรียกแบบน่ารักๆ ว่า เจ้าของจู๋) มีสิทธิ์ที่จะได้รับการติดต่อโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ จากคอของเจ้าของปาก ถ้าเขามีโรคเหล่านั้นอยู่ในช่องปากและช่องคอ
ถ้าเจ้าของปากมีแผลในปาก แล้วเจ้าของจู๋มีเชื้อโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์หรือเอชไอวี สิ่งนี้จะเป็นการติดต่อกันไปมาได้ง่ายมากๆ และออรัลเซ็กซ์นี่ทำให้เกิดการติดโรคได้มากที่สุด โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การหลั่งในปาก คือความเสี่ยงสูงของการติดเชื้อ
การแปรงฟันก่อนหรือหลังทำ จะทำให้เราปลอดภัย เพราะนั่นแหละ ยิ่งทำให้เราเสี่ยง เนื่องจากว่า บางที่เราแปรงฟัน เกิดถูเหงือกช้ำหรือเป็นแผลเข้า โดยที่เราไม่รู้ตัว หรือแม้แต่การอมน้ำยาบ้วนปาก ก็ไม่เวิร์คเช่นกัน เพราะน้ำยาเป็นกรด ก็ทำให้บาดแผลเล็กในช่องปากเราเกิดการกระทบกระเทือน ที่นี้ วิธีที่ดีที่สุด ก็ง่ายๆ แค่ บ้วนปากด้วยน้ำสะอาดก็เพียงพอแล้วจ้ะ
น้องๆ ที่ดัดฟันทั้งหลาย หรือน้องๆ ที่เจาะลิ้น เจาะปาก ขอให้ระวังนิดนึงเวลามีเพศสัมพันธ์ทางปาก เพราะว่า อาจมีกรณีของลวดที่ไปเกี่ยวถุงยางขาดได้
อย่าทาลิปมันเวลาทำออรัลนะจ๊ะ เพราะว่าลิปมันมีส่วนผสมของน้ำมัน แล้วพอสัมผัสมากๆ กับถุงยาง อันนี้จะทำให้ถุงยางแตกได้
http://www.adamslove.org/d.php?id=242
1
Add a comment...
Better Pharmacy Chiang Mai
Shared publicly - 23 Apr 2015
10 ปีที่ผ่านมา โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์มีแนวโน้มสูงขึ้น
แบ่งเป็น หนองใน จำนวน 6,731 ราย โรคหูดอวัยวะเพศและทวารหนัก 2,491 ราย โรคซิฟิลิส 2,369 ราย หนองในเทียม 1,981 ราย เริม 1,941 ราย แผลริมอ่อน 605 ราย และโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์อื่นๆ 17,192 ราย ขณะที่โรคเอดส์ มีรายงานผู้ป่วยที่เริ่มมีอาการป่วย 25 จังหวัด รวม 1,671 ราย ปัจจัยเสี่ยงมาจากเพศสัมพันธ์มากที่สุดร้อยละ 84.20
เมื่อจำแนกโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ที่สำคัญ กลุ่มที่มีอัตราป่วยด้วยโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์สูงสุด คือ กลุ่มอายุ 15-24 ปี รองลงมาคือกลุ่มอายุ 25-34 ปี และ 35 ปีขึ้นไป อัตราส่วนการป่วยเพศชายมากกว่าเพศหญิงประมาณเท่าตัว
จังหวัดที่มีรายงานผู้ป่วยมากที่สุด คือ จ.ภูเก็ต รองลงมาคือ จ.ตราด ระยอง พิษณุโลก เชียงใหม่ จันทบุรี เชียงราย ศรีษะเกษ นครสวรรค์ และ จ.เพชรบุรี
http://hot.ohozaa.com/hot-5-15-165090
แบ่งเป็น หนองใน จำนวน 6,731 ราย โรคหูดอวัยวะเพศและทวารหนัก 2,491 ราย โรคซิฟิลิส 2,369 ราย หนองในเทียม 1,981 ราย เริม 1,941 ราย แผลริมอ่อน 605 ราย และโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์อื่นๆ 17,192 ราย ขณะที่โรคเอดส์ มีรายงานผู้ป่วยที่เริ่มมีอาการป่วย 25 จังหวัด รวม 1,671 ราย ปัจจัยเสี่ยงมาจากเพศสัมพันธ์มากที่สุดร้อยละ 84.20
เมื่อจำแนกโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ที่สำคัญ กลุ่มที่มีอัตราป่วยด้วยโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์สูงสุด คือ กลุ่มอายุ 15-24 ปี รองลงมาคือกลุ่มอายุ 25-34 ปี และ 35 ปีขึ้นไป อัตราส่วนการป่วยเพศชายมากกว่าเพศหญิงประมาณเท่าตัว
จังหวัดที่มีรายงานผู้ป่วยมากที่สุด คือ จ.ภูเก็ต รองลงมาคือ จ.ตราด ระยอง พิษณุโลก เชียงใหม่ จันทบุรี เชียงราย ศรีษะเกษ นครสวรรค์ และ จ.เพชรบุรี
http://hot.ohozaa.com/hot-5-15-165090
นี่คือโรคที่คนไทยป่วยเพิ่มมากขึ้นทุกปี รักสนุก ทุกข์สนั่น น่ากลัวมาก
1
Add a comment...
Better Pharmacy Chiang Mai
Shared publicly - 11:01
Types of treatment for External Genital Warts
A> Provider Applied Therapies
- Podophyllin : Clearance Rate 38-79% Recurrence 65%
- Trichloroacetic acid (TCA)
- Surgical Excision : Clearance Rate 89-93% Recurrence 22%
- CO2 Laser : Clearance Rate 72-97% Recurrence 49%
- Cryotherapy : Clearance Rate 70-96% Recurrence 39%
- Interferons : Clearance Rate 36-53% Recurrence 25%
- Electrodesiccaation : Clearance Rate 94% Recurrence 29%
B> Patient Applied Therapies
- Podophyllotoxin : Clearance Rate 68-88% Recurrence 34%
- 5-FU
- Imiquimod : Clearance Rate 77% Recurrence 5-13%
>>>>>>>>>>>>>>
2015 Sexually Transmitted Diseases Treatment Guidelines
http://www.cdc.gov/std/tg2015/warts.htm
Current Update on the Treatment of Genital Warts
http://www.medscape.com/viewarticle/806493
>>>>>>>>>>>>>>
http://www.healthyeatingandyou.com/how-wartrol-removes-genital-warts/
http://www.nhs.uk/Conditions/Genital_warts/Pages/Treatment.aspx
http://www.arhp.org/publications-and-resources/clinical-proceedings/Managing-HPV/Warts
https://www.uspharmacist.com/article/prevention-and-treatment-of-human-papillomavirus-infections
http://www.bashh.org/documents/UK%20national%20guideline%20on%20Warts%202015%20FINAL.pdf
A> Provider Applied Therapies
- Podophyllin : Clearance Rate 38-79% Recurrence 65%
- Trichloroacetic acid (TCA)
- Surgical Excision : Clearance Rate 89-93% Recurrence 22%
- CO2 Laser : Clearance Rate 72-97% Recurrence 49%
- Cryotherapy : Clearance Rate 70-96% Recurrence 39%
- Interferons : Clearance Rate 36-53% Recurrence 25%
- Electrodesiccaation : Clearance Rate 94% Recurrence 29%
B> Patient Applied Therapies
- Podophyllotoxin : Clearance Rate 68-88% Recurrence 34%
- 5-FU
- Imiquimod : Clearance Rate 77% Recurrence 5-13%
>>>>>>>>>>>>>>
2015 Sexually Transmitted Diseases Treatment Guidelines
http://www.cdc.gov/std/tg2015/warts.htm
Current Update on the Treatment of Genital Warts
http://www.medscape.com/viewarticle/806493
>>>>>>>>>>>>>>
http://www.healthyeatingandyou.com/how-wartrol-removes-genital-warts/
http://www.nhs.uk/Conditions/Genital_warts/Pages/Treatment.aspx
http://www.arhp.org/publications-and-resources/clinical-proceedings/Managing-HPV/Warts
https://www.uspharmacist.com/article/prevention-and-treatment-of-human-papillomavirus-infections
http://www.bashh.org/documents/UK%20national%20guideline%20on%20Warts%202015%20FINAL.pdf
1
Add a comment...
Better Pharmacy Chiang Mai
Shared publicly - 11:00
ALDARA - Imiquimod Cream 5%
USE
Anti Viral
Anti Tumor
Anti Proliferative
Should be applied sparingly at bedtime 3xwk
The cream should be washed off in the morning using mild soap and water
Local skin reactions are common but most are mild to moderate
Benefits of Aldara to patients
Alternative to painful procedures
Treatment done at home
Low recurrent rate
Treats the disease, not for symptoms
Imiquinod: Potential Applications
Condyloma acuminata
Common Warts
Plantar warts
Flat warts
Cervical intraepithelial neoplasia
Molluscum simplex
Keloids
Actinic keratosis
Bowen's disease
Superficial basal cell carcinoma
Nodular basal cell carcinoma
http://www.qldsun.com.au/aldara
USE
Anti Viral
Anti Tumor
Anti Proliferative
Should be applied sparingly at bedtime 3xwk
The cream should be washed off in the morning using mild soap and water
Local skin reactions are common but most are mild to moderate
Benefits of Aldara to patients
Alternative to painful procedures
Treatment done at home
Low recurrent rate
Treats the disease, not for symptoms
Imiquinod: Potential Applications
Condyloma acuminata
Common Warts
Plantar warts
Flat warts
Cervical intraepithelial neoplasia
Molluscum simplex
Keloids
Actinic keratosis
Bowen's disease
Superficial basal cell carcinoma
Nodular basal cell carcinoma
http://www.qldsun.com.au/aldara
Use of aldara in the treatment of sunspots and superficial basal cell skin cancers. correct use and side effects.
1
Add a comment...
Better Pharmacy Chiang Mai
Shared publicly - 10:58
ALDARA CREAM 5% (Imiquimode)
ยารักษาหูด และ เนื้องอกลักษณะคล้ายหูด บริเวณรอบนอกอวัยวะสืบพันธุ์ และ บริเวณรอบนอกทวารหนัก ที่รักษาที่สาเหตุ ใช้ง่าย มีประสิทธิภาพดี
เป็นยาในกลุ่ม Immune Response Modifier สามารถกระตุ้นภูมิต้านทานของร่างกาย ส่งผลให้เกิดการหลั่งสาร Cytokines ต่างๆ เช่น Interferon alpha ให้อัตรากลับเป็นซ้ำต่ำเพียง 13% เนื่องจากกระตุ้นการทำงานของ memory B cell
เป็นยาครีม ใช้ง่าย ทาเพียงสัปดาห์ละ 3 ครั้ง ก่อนนอน
(จันทร์ พุธ ศุกร์ หรือ อังคาร พฤหัส เสาร์)
โดยทาต่อเนื่องจนกว่าจะหายดี หรือ ไม่เกิน 16 สัปดาห์ (4 เดือน)
หลีกเลี่ยงการใช้ครีมในปริมาณมากเกินจำเป็น
ทาบางๆ ถูเบาๆให้ทั่วจนเนื้อครีมซึมหายไป และไม่ควรปิดทับบริเวณที่ทายา
อาจเกิดผื่นแดง ผิวหนังกัดกร่อน รอยถลอก ตกสะเก็ด หรือ บวม ให้ล้างออก เมื่ออาการดีขึ้น ให้ทาครีมต่อ
ห้ามใช้ในคนท้อง
>>>>>>>>>>>
Imiquimod Imiquimod (Aldara™) is available as a 5% cream on prescription and is fully subsidised. As at 1 February 2015, Special Authority is no longer required. These applications may lead to an increase in adverse skin reactions.59
Mechanism of action: An immune enhancer that stimulates production of interferon and other cytokines. It appears to have an advantage of reduced recurrence rate.
Suitable for: Women, and some men with foreskin-associated warts. Particularly useful for ‘carpet warts’ (smooth, flat-topped and joined-up), where the female introitus and perianal area are involved.
Contraindications: Not currently recommended in pregnancy.
Application: Careful application of imiquimod cream is important. Apply onto fingertip and rubbed onto clean, dry, wart area until cream vanishes, once daily, three times per week, prior to normal sleeping hours and after sexual activity (imiquimod weakens condoms and vaginal diaphragms). Wash off next morning or after 6–10 hours. The standard duration of treatment is 16 weeks, although the majority who clear their warts will do so by 8 weeks. There is no data on use of imiquimod beyond 16 weeks and non-responders by 12–16 weeks should be switched to an alternative treatment.
The manufacturer recommends that a sachet be used for single use to cover an area of up to 20cm2 . However, it has been demonstrated that one sachet will cover up to 386cm2 and, although not recommended by the manufacturer, one sachet is commonly used for multiple applications.
Side effects: Imiquimod frequently causes localised erythema, swelling and/or (rarely) superficial ulceration of the treated area which is due to the direct therapeutic action of the agent, i.e. switching on the immune response, rather than to hypersensitivity. These local skin reactions can be managed by having a break from treatment for a few days. Skin reactions result in discontinuation of the treatment in less than 2% of patients. Imiquimod can also cause flu-like symptoms in a small percentage of patients.
Imiquimod should be used with caution (it is not a contraindication) in patients with autoimmune conditions, or those on systemic immunosuppressive drugs, although systemic absorption from topical treatment is likely to be negligible.
http://haamor.com//th/อิมิควิโมด/
http://www.hpv.org.nz/images/pdf/generic/HPV-Guidelines.pdf
ยารักษาหูด และ เนื้องอกลักษณะคล้ายหูด บริเวณรอบนอกอวัยวะสืบพันธุ์ และ บริเวณรอบนอกทวารหนัก ที่รักษาที่สาเหตุ ใช้ง่าย มีประสิทธิภาพดี
เป็นยาในกลุ่ม Immune Response Modifier สามารถกระตุ้นภูมิต้านทานของร่างกาย ส่งผลให้เกิดการหลั่งสาร Cytokines ต่างๆ เช่น Interferon alpha ให้อัตรากลับเป็นซ้ำต่ำเพียง 13% เนื่องจากกระตุ้นการทำงานของ memory B cell
เป็นยาครีม ใช้ง่าย ทาเพียงสัปดาห์ละ 3 ครั้ง ก่อนนอน
(จันทร์ พุธ ศุกร์ หรือ อังคาร พฤหัส เสาร์)
โดยทาต่อเนื่องจนกว่าจะหายดี หรือ ไม่เกิน 16 สัปดาห์ (4 เดือน)
หลีกเลี่ยงการใช้ครีมในปริมาณมากเกินจำเป็น
ทาบางๆ ถูเบาๆให้ทั่วจนเนื้อครีมซึมหายไป และไม่ควรปิดทับบริเวณที่ทายา
อาจเกิดผื่นแดง ผิวหนังกัดกร่อน รอยถลอก ตกสะเก็ด หรือ บวม ให้ล้างออก เมื่ออาการดีขึ้น ให้ทาครีมต่อ
ห้ามใช้ในคนท้อง
>>>>>>>>>>>
Imiquimod Imiquimod (Aldara™) is available as a 5% cream on prescription and is fully subsidised. As at 1 February 2015, Special Authority is no longer required. These applications may lead to an increase in adverse skin reactions.59
Mechanism of action: An immune enhancer that stimulates production of interferon and other cytokines. It appears to have an advantage of reduced recurrence rate.
Suitable for: Women, and some men with foreskin-associated warts. Particularly useful for ‘carpet warts’ (smooth, flat-topped and joined-up), where the female introitus and perianal area are involved.
Contraindications: Not currently recommended in pregnancy.
Application: Careful application of imiquimod cream is important. Apply onto fingertip and rubbed onto clean, dry, wart area until cream vanishes, once daily, three times per week, prior to normal sleeping hours and after sexual activity (imiquimod weakens condoms and vaginal diaphragms). Wash off next morning or after 6–10 hours. The standard duration of treatment is 16 weeks, although the majority who clear their warts will do so by 8 weeks. There is no data on use of imiquimod beyond 16 weeks and non-responders by 12–16 weeks should be switched to an alternative treatment.
The manufacturer recommends that a sachet be used for single use to cover an area of up to 20cm2 . However, it has been demonstrated that one sachet will cover up to 386cm2 and, although not recommended by the manufacturer, one sachet is commonly used for multiple applications.
Side effects: Imiquimod frequently causes localised erythema, swelling and/or (rarely) superficial ulceration of the treated area which is due to the direct therapeutic action of the agent, i.e. switching on the immune response, rather than to hypersensitivity. These local skin reactions can be managed by having a break from treatment for a few days. Skin reactions result in discontinuation of the treatment in less than 2% of patients. Imiquimod can also cause flu-like symptoms in a small percentage of patients.
Imiquimod should be used with caution (it is not a contraindication) in patients with autoimmune conditions, or those on systemic immunosuppressive drugs, although systemic absorption from topical treatment is likely to be negligible.
http://haamor.com//th/อิมิควิโมด/
http://www.hpv.org.nz/images/pdf/generic/HPV-Guidelines.pdf
1
Add a comment...
Better Pharmacy Chiang Mai
Shared publicly - 12:09
ผมอยู่สุราด เป็น HPV คือเป็นหูดในรูทวารมีขนาดใหญ่ประมาณ 1ข้อนิ้วก้อย เคยเป็นมาแล้วและรักษาไปแล้ว 3ครั้ง ครั้งแรกเป็นภายนอกรอบๆทวารหนักรักษาที่รพ.บ้านดอนโดยการผ่าตัดเจ็บมากผ่าแล้วต้องนั่งแช่น้ำด่างทับทิมตลอด หายแล้วหลังจากนั้นอีก 3ปีเป็นอีก เลยไปรักษาที่รพ.ทักษิณ(บล็อกหลังด้วยไม่รู้ว่าผ่าหรือจี้ไฟฟ้า) 1ปีต่อมาเป็นอีกเลยไปรักษาที่รพ.สมุยคราวนี้แต้มยา กลับบ้านรู้สึกดีขึ้นแต่มีความรู้สึกว่าเหมือนข้างในรูทวารจะมีหูดเล็กๆอีก1เม็ด แต่ไม่คิดว่ามันจะใหญ่ขึ้นมาเป็นหูดตอนนี้มันใหญ่ขึ้นมาจนเบ่งมากๆแล้วมันโผล่ออกมายาวประมาณ1.5ซม.
>>>>>>>>>>>>.
จำกัดอาหารที่ทำให้แพ้ เช่น นม และ ผลิตภัณฑ์จากนม (ชีส ไอติม) แป้งและน้ำตาล ขนมปัง ถั่วเหลือง ข้าวโพด สารกันบูด เหล้า กาแฟ
กินอาหารที่มีวิตะมินบีและแคลเซียมสูง เช่น อัลมอนด์ เมล็ดพืช ผักใบเขียว ผักโขม
กินอาหารที่มีสารต้านอนุมูลอิสระ เช่น ผลไม้ประเภทเบอรี่ มะเขือเทศ
จำกัดอาหารประเภทโปรตีน เช่น เนื้อแดง ปลา เต้าหู้
ใช้น้ำมันดีปรุงอาหาร เช่น น้ำมันมะกอก น้ำมันมะพร้าว
จำกัดไขมันเลว ประเภทไขมันทรานส์ ที่อยู่ในมาการีน คุ้กกี้ เค้ก มันฝรั่งทอด โดนัท
>>>>>>>>>>>>.
อาหารเสริมที่ควรกินได้แก่
วิตะมินรวมที่มีสารต้านอนุมูลอิสระ ได้แก่ วิตะมิน A, C, E, B-complex แร่ธาตุบางชนิด เช่น magnesium, calcium, zinc, and selenium.
กินน้ำมันปลาวันละ 1-2 แคปซุล เพื่อเพิ่มภูมิคุ้มกัน
กิน Probiotic supplement (containing Lactobacillus acidophilus), 5 to 10 billion CFUs (colony forming units) เพื่อเพิ่มภูมิต้านทาน
>>>>>>>>>>>>.
สมุนไพรเพื่อเพิ่มภูมิต้านทาน
สารสกัดจากชาเขียว กินวันละ 250 - 500 mg
เห็ดหลินจือสกัด 150-300 mg
สารสกัดจากใบมะกอก 250 to 500 mg
>>>>>>>>>>>>.
http://www.abhaiherb.com/faq/10337
http://pha.narak.com/topic.php?No=47248
http://umm.edu/health/medical/altmed/condition/warts
>>>>>>>>>>>>.
จำกัดอาหารที่ทำให้แพ้ เช่น นม และ ผลิตภัณฑ์จากนม (ชีส ไอติม) แป้งและน้ำตาล ขนมปัง ถั่วเหลือง ข้าวโพด สารกันบูด เหล้า กาแฟ
กินอาหารที่มีวิตะมินบีและแคลเซียมสูง เช่น อัลมอนด์ เมล็ดพืช ผักใบเขียว ผักโขม
กินอาหารที่มีสารต้านอนุมูลอิสระ เช่น ผลไม้ประเภทเบอรี่ มะเขือเทศ
จำกัดอาหารประเภทโปรตีน เช่น เนื้อแดง ปลา เต้าหู้
ใช้น้ำมันดีปรุงอาหาร เช่น น้ำมันมะกอก น้ำมันมะพร้าว
จำกัดไขมันเลว ประเภทไขมันทรานส์ ที่อยู่ในมาการีน คุ้กกี้ เค้ก มันฝรั่งทอด โดนัท
>>>>>>>>>>>>.
อาหารเสริมที่ควรกินได้แก่
วิตะมินรวมที่มีสารต้านอนุมูลอิสระ ได้แก่ วิตะมิน A, C, E, B-complex แร่ธาตุบางชนิด เช่น magnesium, calcium, zinc, and selenium.
กินน้ำมันปลาวันละ 1-2 แคปซุล เพื่อเพิ่มภูมิคุ้มกัน
กิน Probiotic supplement (containing Lactobacillus acidophilus), 5 to 10 billion CFUs (colony forming units) เพื่อเพิ่มภูมิต้านทาน
>>>>>>>>>>>>.
สมุนไพรเพื่อเพิ่มภูมิต้านทาน
สารสกัดจากชาเขียว กินวันละ 250 - 500 mg
เห็ดหลินจือสกัด 150-300 mg
สารสกัดจากใบมะกอก 250 to 500 mg
>>>>>>>>>>>>.
http://www.abhaiherb.com/faq/10337
http://pha.narak.com/topic.php?No=47248
http://umm.edu/health/medical/altmed/condition/warts
1
Add a comment...
ด้วยความห่วงใย
.....................
BETTER PHARMACY เจ็ดยอด เชียงใหม่
เราคัดสรรสิ่งที่ดี มีคุณภาพ เพื่อคุณ
FACEBOOK / BetterPharmacyCMG
LINE ID - BETTERCM
.....................
UPDATE - 2016.08.23
No comments:
Post a Comment