Wednesday, December 5, 2018

บัวบก - Centella

แหล่งของแคลเซียมจึงมีอยู่มากในพวกพืชผักใบเขียว ผักในบ้านเราที่พบว่ามีแคลเซียมอยู่มาก ได้แก่ ใบชะพลู ใบยอ ยอดแค ยอดสะเดา ผักคะน้า ผักแพว

อาหารที่มีแคลเซียมสูง (เกิน 50 มิลลิกรัม/100 กรัม) ประเภทพืช ได้แก่ รำข้าว กลอย มันเทศ สาคู เม็ด งาดำ งาขาว ซีอิ้ว เต้าเจี้ยว เต้าหู้ทุกชนิด รวมทั้งฟองเต้าหู้ ถั่วแขก ถั่วแดง ถั่วดำ ถั่วแปบ ถั่วพู ถั่ว ฝักยาว ถั่วแระ ถั่วลิสง ถั่วหรั่ง ถั่วเหลือง เมล็ดดอกคำฝอย เมล็ดดอกทานตะวัน เมล็ดบัว เมล็ด หางนกยูงฝรั่ง เมล็ดอัลมอนด์ มันฮ่อ

พืชผักที่มีแคลเซียมสูง เช่น ยอเถื่อน ชะพลู ยอบ้าน มะขามฝักสด ดอกงิ้วแดง ยอดกะเดา มะขาม เปียก ผักหวาน หน่อเหรียง ผลมะกอก มะแว้ง และขี้เหล็ก

ผักที่มีฟอสฟอรัสสูง เช่น ผักแพงพวย เขลียง ใบขี้เหล็ก เกสรดอกงิ้วแห้ง และมะแว้ง

น้ำที่สกัดถั่วเหลืองหรือน้ำเต้าหู้มีแคลเซียมน้อย แคลเซียมส่วนใหญ่อยู่ในกาก ใน กระบวนการทำเต้าหู้ต้องมีการใส่แคลเซียมหรือแมกนีเซียมลงไปเพื่อตกตะกอนเป็นเต้าหู้ ดังนั้น แคลเซียมที่อยู่ในเต้าหู้จึงเป็นสารประกอบแคลเซียมที่ได้จากการใส่ลงไป ซึ่งมีการศึกษาแล้วว่าสามารถ ใช้ประโยชน์ได้ดีในระดับหนึ่ง

สารเคมีบางตัวที่อาจจะขัดขวางการนำแคลเซียมไปใช้เรียกว่าไฟเตท แคลเซียมจากถั่วหลายชนิด เช่น ถั่วเหลือง ถั่วแดง ยังสามารถใช้ประโยชน์ได้ แต่โดยรวมแล้วน้อยกว่านม ส่วนงาซึ่งมีไฟเตทสูงกว่ามาก พืชบางชนิดมีแคลเซี่ยมสูงแต่ก็มี สารไฟเตท และออกซาเลทมาก ที่ไปขัดขวางการดูดซึม เช่น ผักขม

ถั่วพู ใบตำลึง เป็นพืชทีมีสารขัดขวางต่ำ จึงทำให้การดูดซึมแคลเซียมได้สูง ดังนั้น กินถั่วพูแล้วร่างกายสามารถ ดูดซึมแคลเซี่ยมไปใช้ได้ประมาณ 40-50 % เมื่อเปรียบเทียบกับการดูดซึมแคลเซียมจากนมวัว ผู้ที่ไม่นิยมการดื่มนมหรือดื่มนมไม่ได้เพราะร่างกายไม่ย่อยทำให้ท้องอืด ควรหันมาเลือกกินถั่วพูและใบตำลึงมากๆ

ร่างกายนำแคลเซียมจากตระกูลผักคะน้าทั้งหลายไปใช้ได้เทียบเท่ากับนม เพราะในคะน้ามีสารออกซาเลตต่ำมาก ขณะที่แคลเซียมจากผักโขมฝรั่งซึ่งมีสารออกซาเลตสูง ร่างกายใช้ได้น้อยกว่านม 9 เท่า ผักตระกูลกะหล่ำที่นิยมกินใน ประเทศไทย เช่น คะน้า กวางตุ้ง รวมถึงผักกาดจอของภาคเหนือ นับเป็นแหล่งสำคัญของแคลเซียม สำหรับคนที่ไม่ดื่มนม

ออกซาเลตเป็นส่วนหนึ่งของการเกิดนิ่วในกระเพาะปัสสาวะ เนื่องจากผักพื้นบ้านหลายชนิดของไทยมี ออกซาเลตสูง ประกอบกับการกินเนื้อสัตว์ต่างๆ น้อยมากและดื่มน้ำน้อย ซึ่งก็เป็นสาเหตุสำคัญของการ พบการเกิดนิ่ว

ผักที่มีแคลเซียมสูงและออกซาเลตสูงด้วย เช่น ใบยอ ชะพลู โขม (ขม) ไทย มะเขือพวง ยอดกระถิน
ผักที่มีแคลเซียมสูงและออกซาเลตปานกลาง เช่น กะเพรา กระเฉด ยอดแค ผักบุ้งจีน สะเดา
ผักที่มีแคลเซียมปานกลางถึงสูงแต่ออกซาเลตต่ำ ได้แก่ คะน้า กวางตุ้ง ขี้เหล็ก ตำลึง บัวบก ถั่วพู
ดังนั้น กลุ่มผักที่ร่างกายสามารถนำแคลเซียมไปใช้ประโยชน์ได้ดี จึงน่าจะเป็นกลุ่มที่ 3 โดยอาจใช้ทด แทนในกรณีของผู้ที่ไม่สามารถดื่มนมได้

ปล.นี่คือตัวอย่างของอาหารเป็นยา ซึ่ง THAI FDA ประกาศอยู่หลายรอบว่า อาหารก็คืออาหาร ไม่ใช่ยา

บัวบก มีฤทธิ์รักษาแผลที่ผิวหนัง รักษาแผลในทางเดินอาหาร รักษาความผิดปกติของหลอดเลือดดำ รักษาแผลในปาก และที่สำคัญ คือ บำรุงสมอง ป้องกันอัลไซเมอร์ และช่วยฟื้นฟูความจำ และมีผลกับการความจำและเรียนรู้ในผู้สูงอายุ

บัวบกยังช่วยเสริมการทำงานของกาบา ( GABA ) ซึ่งเป็นสารสื่อประสาทที่ช่วยรักษาสมดุลของจิตใจ ลดความกระวนกระวาย ช่วยให้จิตใจสงบและผ่อนคลายลงได้ ทำให้สามารถนอนหลับได้ง่ายขึ้น โดยแค่เพียงรับประทานเป็นประจำก่อนนอน ก็จะช่วยให้การนอนหลับดีขึ้น

...บัวบก...
ชื่ออังกฤษ Asiatic pennywort
ชื่อท้องถิ่น ผักแว่น, ผักหนอก, ปะหนะ, เอขาเด๊าะ
ชื่อวิทยาศาสตร์ Centella asiatica (Linn.) Urban.
วงศ์ Umbelliferae หรือ Apiaceae

บัวบกเป็นสมุนไพรเก่าแก่อีกชนิดหนึ่ง มีการใช้มานานกว่า 3000 ปี บัวบกใช้เป็นยาทั้งภายในและภายนอก บัวบกทั้งต้นนนนนมีกลิ่นฉุน รสขมหวาน ย่อยง่าย เป็นยาเย็น เป็นยาระบาย ยาบำรุง ช่วยฟื้นฟูสุขภาพ บำรุงเสียง ทำให้ความจำดีขึ้น ช่วยเจริญอาหาร แก้ไข้ แก้อักเสบ ผิวหนังด่างขาว โลหิตจาง หลอดลมอักเสบ

ตำรายาไทย ใช้บัวบกเป็นยาแก้ช้ำใน ภายนอกเป็นยารักษาแผล ช่วยแผลหายเร็ว ขับปัสสาวะ แก้อ่อนเพลีย บำรุงกำลัง อายุวัฒนะ

ปัจจุบัน มีการศึกษาฤทะิ์ทางเภสัชวิทยา พบว่า สารออกฤทธิ์ของบัวบกประกอบด้วย กลัยโคไซด์ ชื่อ อะเซียติโคไซด์ กรดอะเซียติก กรดมาเดคาสสิก ซิโตสเตียรอล แทนนิน เรซิน และแอลคาลอยด์ ไอโดรคอไทลีน เป็นต้น ซึ่งสารเหล่านี้ทำให้บัวบกมีฤทธิ์ต่างๆมากมาย ที่สำคัญ เช่น การรักษาบาดแผล ทำให้แผลหายเร็วขึ้น มีฤทธิ์ระงับประสาท ลดความดันโลหิตสูง ขับปัสวะ ทำให้ภูมิคุ้มกันดีขึ้น ต้านการอักเสบ

มีการทดสอบในหนู และมนเด็กพิเศษ พบว่า เมื่อับประทานบัวบกประจำ ทำให้มีการจดจำดีขึ้น ความจำดีขึ้น สมาธิดีขึ้นได้
ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้จาก งานเสวนาบัวบก
www.abhaiherb.com/system/files/bawbkbrr..pdf

#นึกถึงสมุนไพรนึกถึงอภัยภูเบศร

บัวบกแคปซูล และ ครีมบัวบก มีจำหน่ายที่ BETTER PHARMACY
Photo

บัวบก อาหารป้องกันอัลไซเมอร์

พูดถึงบัวบก ผมมั่นใจเลยครับว่าทุกคนจะต้องนึกถึงเรื่องแก้ช้ำใน เป็นอันดับต้นๆ แต่เค้าช่วยเราได้มากกว่านั้นครับ หนึ่งในนั้นคือ ป้องกันอัลไซเมอร์ บำรุงสมองให้ใสปิ๊ง แล่นปรื้ดกันเลยทีเดียว 555555
...อัลไซเมอร์ (Alzheimer’s disease) หรือโรคสมองเสื่อม เป็นอาการของวาตะ(ธาตุลม)พิการอย่างชัดเจน เพราะเป็นความฟุ้งกระจาย ความไร้ทิศทางของความทรงจำและความคิด เนื่องจากความเสื่อมของสมองที่มีการสูญเสียเซลล์ประสาทไปจำนวนมาก โดยเฉพาะส่วนที่ควบคุมความจำและการคิด และการลดลงของสารเคมีในสมองที่มีความสำคัญต่อความจำ ทำให้สูญเสียความทรงจำและการทำงานของจิตใจ จนไม่สามารถตัดสินใจได้ อาจลืมกิจวัตรง่ายๆ ความสามารถในการพูดลดลง ควบคุมการขับถ่ายไม่ได้ และมีอารมณ์แปรปรวน เช่น ก้าวร้าว เก็บตัว

...แม้จะยังไม่มีวิธีรักษาโรคนี้ให้หายขาด แต่อาจช่วยฟื้นฟูการทำงานของสมองได้ในระยะแรก หรือชะลออาการในรายที่มีอาการมากแล้ว ด้วยการให้กินสมุนไพรและอาหารที่ทำให้เลือดไปเลี้ยงสมองได้ดีขึ้น ซึ่งจะช่วยให้ความจำดีขึ้น ช่วยต้านอนุมูลอิสระ เพื่อรักษาเซลล์ประสาทไม่ให้ถูกทำลายเพิ่มขึ้น สมุนไพรที่มีคุณสมบัติดังกล่าว ได้แก่ บัวบก แปะก๊วย ขมิ้นชัน ขิง พริกไทย รวมถึงอาหารที่มีโอเมก้า-3 สูง เช่น น้ำมันรำข้าว วอลนัท เมล็ดมะม่วงหิมพานต์ เมล็ดทานตะวัน งาขี้ม้อน งา ไข่แดง น้ำมันปลา เป็นต้น นอกจากนี้การออกกำลังกาย การฝึกสมองโดยการอ่านหนังสือ เล่มเกมปริศนาอักษรไขว้ หรือบริหารความจำ ผ่อนคลาย ตลอดจนการเอาใจใส่ของครอบครัว ก็มีส่วนสำคัญที่จะช่วยทำให้สมองและความจำของผู้ป่วยดีขึ้น การกินอาหารบำรุงสมอง และกิจวัตรกระตุ้นสมองเหล่านี้ ไม่ได้เหมาะสำหรับผู้ที่ป่วยเป็นโรคอัลไซเมอร์แล้วเท่านั้น แต่ยังเป็นวิธีป้องกันโรคนี้สำหรับคนที่เริ่มเข้าสู่วัยชราอีกด้วย

...บัวบกเป็นสมุนไพรที่มีคุณสมบัติชั้นเลิศในการบำรุงสมอง ในตำรายาไทยกล่าวว่า บัวบกมีรสเฝื่อนขมเย็น แก้อ่อนเพลีย เมื่อยล้า บำรุงธาตุ บำรุงหัวใจ ขับปัสสาวะ ขับโลหิตเสีย ส่วนในคัมภีร์อายุรเวทของอินเดียบันทึกไว้ว่า บัวบกมีกลิ่นฉุน มีรสขมอมหวานย่อยได้ง่าย เป็นยาเย็น ยาระบาย ยาบำรุง ช่วยฟื้นฟูสภาพ บำรุงเสียง ช่วยให้ความจำดีขึ้น เป็นยาเจริญอาหาร แก้ไข้ แก้อักเสบ ผิวหนังเป็นด่างขาว โลหิตจาง มีหนองออกจากปัสสาวะ หลอดลมอักเสบ น้ำดีในร่างกายมากเกินไป ม้ามโต หืด กระหายน้ำ แก้คนเป็นบ้า โรคเกี่ยวกับเลือดและโรคที่สมุฏฐานเกี่ยวกับเสมหะ

...ในการศึกษาองค์ประกอบของบัวบกพบว่า มีสารสำคัญหลายอย่าง ที่สำคัญคือ "อะซิเอติโคไซด์" ซึ่งช่วยลดการอักเสบ ลดการระคายเคือง ทำให้การไหลเวียนของเลือดในเส้นเลือดฝอยดีขึ้น ทำให้เซลล์ได้รับอาหารมากขึ้น ซึ่งช่วยบำรุงอวัยวะต่างๆ โดยเฉพาะสมอง การศึกษาในสัตว์ทดลองพบว่า บัวบกเพิ่มการเรียนรู้ เพิ่มสมาธิและความจำ ส่วนการศึกษาในคนพบว่า บัวบกมีฤทธิ์ เพิ่มการเรียนรู้ เพิ่มความจำ ช่วยลดความผิดปกติที่เกิดจากความกังวล ลดความเครียด และการซึมเศร้า ทำให้ความเต็มใจที่จะปรับตัวและเรียนรู้ดีขึ้น แถมยังมีคุณสมบัติอื่นๆ อีกมากมาย เช่น เพิ่มประสิทธิภาพในการสร้างคอลลาเจน ซึ่งช่วยทำให้แผลหายเร็ว โดยการรับประทานหรือใช้ทาก็ได้ ช่วยลดการอักเสบ ต้านอนุมูลอิสระได้ดี

 ใบบัวบก

1. ใช้รักษาแผลสด แผลเรื้อรัง หรือแผลหลังผ่าตัด ใบบัวบกจะช่วยลดอาการอักเสบ ช่วยให้แผลหายเร็ว และแผลเป็นมีขนาดเล็ก

2. ใช้รักษาแผลไฟไหม้ น้ำร้อนลวก

3.แก้อาการฟกช้ำ ช้ำใน

ในประเทศฝรั่งเศสมีการพัฒนารูปแบบเป็นครีมและยาฉีดของบัวบก  ใช้รักษาแผลสด หรือแผลหลังผ่าตัด  ส่วนประเทศไทยก็มีการทดลองใช้ครีมบัวบกกับแผลเรื้อรังจากแผลกดทับ  แผลที่เกิดจากอุบัติเหตุ และแผลติดเชื้อ  พบว่าทำให้แผลหายเร็วขึ้น และทำให้การอักเสบลดลง
สำหรับวงการเครื่องสำอาง  ใช้บัวบกเพื่อลดริ้วรอย  ซึ่งอันที่จริงมาจากการฤทธิ์ในการรักษาแผลนั่นเอง  และใช้แต้มสิวอักเสบได้ด้วยเพราะมีฤทธิ์ฆ่าเชื้อ

http://www.n3k.in.th/สมุนไพร/ใบบัวบก

http://www.medplant.mahidol.ac.th/pubhealth/centella.html

http://www.dhamma5minutes.com/webboard.php?id=23&wpid=0046

บัวบก ตัวช่วยที่ต้องมีติดไว้.... ถ้าคิดจะศัลยกรรม !!!!

มีประสบการณ์การใช้บัวบกในผู้ที่ศัลยกรรม เช่น ทำตา ทำจมูก แล้วมีการใช้บัวบกร่วมด้วยหลังทำศัลยกรรม พบว่าบัวบกมีผลลดอาการบวม อาการช้ำ รวมถึงทำให้การสมานแผลหายเร็วขึ้น ลดการเกิดแผลเป็น

ซึ่งเมื่อศึกษากลไกการออกฤทธิ์ของบัวบกก็พบว่าบัวบกนั้นมีสารสำคัญเป็น Triterpenoid compounds ได้แก่ Asiatic acid Madecassic acid Asiaticoside Madecassoside ซึ่งมีฤทธิ์ทางเภสัชวิทยา ในการรักษาแผล กระตุ้นการสร้าง collagen, DNA & protein เร่งกระบวนการสร้างเนื้อเยื่อใหม่ ลดการเกิด fibrosis ของแผล ลดการอักเสบ เพิ่ม antioxidants ของแผล

โดยขนาดที่แนะนำคือครั้งละ 1-2 แคปซูล วันละ 3 ครั้ง หลังอาหาร เช้า กลางวัน เย็น หรือจะกินต้นสดหรือปั่น/คั้นน้ำกินวันละ 10-20 ต้น ก็ได้ค่ะ โดยสามารถทานได้จนกว่าแผลจะหายเป็นปกติค่ะ


https://www.facebook.com/abhaiherbshop/posts/801613543208805
Photo

'บัวบก' บำรุงสมอง
http://www.com5dow.com/บทความที่น่าสนใจ/1074-บัวบก-บำรุงสมอง.html

บัวบกมีสรรพคุณมากมาย ไม่ว่าจะเป็นลดการอักเสบ บวม แก้ช้ำนอกช้ำใน แก้กระหายน้ำ บำรุงสุขภาพ และที่สำคัญ คือ บำรุงสมอง ช่วยฟื้นฟูความจำ มีฤทธิ์บำรุงสมองเช่นเดียวกับแปะก๊วย คือ เพิ่มความสามารถในการจำ และการเรียนรู้ 

ครีมบัวบกลดรอยแผลเป็นเพราะมีสารที่สำคัญ คือ “กรดมาดีคาสสิค” และ “กรดเอเชียติก” มีฤทธิ์สมานแผล ช่วยฆ่าเชื้อแบคทีเรีย ลดการอักเสบช่วยให้แผลหายเร็ว จึงมีการนำมาใช้รักษาแผลไฟไหม้ น้ำร้อนลวก  

ข้อควรระวัง คือ บัวบกเป็นยาเย็นและมีการสะสมได้ทำให้หนาว  ดังนั้นไม่ควรกินทีละเยอะ ๆ ทุกวัน  อย่างกรณีที่กินเป็นกำ ๆ จะต้องกิน ๆ หยุด ๆ ไม่กินติดต่อกันทุกวัน

พบ"ใบบัวบก"ช่วยเด็ก"ออทิสติก"มีความสามารถเรียนรู้เพิ่มขึ้น
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1378782007

บัวบกพบว่ามีฤทธิ์บำรุงสมอง เพิ่มความสามารถในการจำ และการเรียนรู้

Isranews - เกินความคาดหมาย "ใบบัวบก" ผักพื้นบ้าน ไทยแพน สุ่มตรวจพบมีสารพิษตกค้างมากสุด
https://www.isranews.org/isranews/61428-thaipan-61428.html

บัวบกแคปซูล มีจำหน่ายที่ BETTER PHARMACY
Photo

บัวบก สมุนไพรบำรุงสมอง ติดตามอ่านบทความเพิ่มเติมได้ที่
http://medherbguru.gpo.or.th/articles/d53_centella.pdf

ชัวร์ก่อนแชร์ : เล็บขบรักษาได้ด้วยใบบัวบก จริงหรือ? https://www.youtube.com/watch?v=KcICp1UfELY

กลุ่มผักสดที่ตกมาตรฐานสูงสุดได้แก่ ใบบัวบก ดอกหอม ผักแขนง กะหล่ำปลี กะหล่ำดอก
กลุ่มผลไม้ที่ตกมาตรฐานอันดับ 1 ได้แก่ สาลี่ แอบเปิล ส้ม แตงโม แคนตาลูป

ในกลุ่มนำเข้าผักที่ตกมาตรฐานสูงสุดได้แก่ บร็อคโกลี พริกแห้ง ป๋วยเล๊ง ผลไม้ที่พบสูงสุดได้แก่ ส้ม แก้วมังกร และองุ่น

http://www.prachachat.net/news_detail.php?newsid=1428550847
มีงานวิจัยพบว่าบัวบกสามารถกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใต้ผิวหนังได้ จึงมีส่วนสำคัญในการสมานแผล รักษาแผลเป็น

http://www.abhaiherb.com/product/herb-medicine/520
Photo

สมุนไพรอภัยภูเบศร
ซีรีย์ 3 : สมุนไพรบำรุงสมองคุณพ่อ

เมื่ออายุมากขึ้น การเรียนรู้มักลดลง ผู้สูงอายุหลายๆท่าน อาจมีอาการหลงๆ ลืมๆ หรือบางคนก็ป่วยเป็นอัลไซเมอร์ อภัยภูเบศรขอแนะนำสมุนไพรที่มีผลบำรุงสมอง เพิ่มความสามารถในการเรียนรู้ รวมถึงช่วยลดความเสี่ยงของการเป็นอัลไซเมอร์ได้ เพียงเริ่มทานตั้งแต่วันนี้บำรุงไว้ คือ บัวบก และขมิ้นชัน
ในศาสตร์อายุรเวทอินเดีย มีการใช้บัวบกสำหรับช่วยฟื้นฟูระบบประสาทและเซลล์สมอง ในประเทศแถบประเทศตะวันออก หรือบ้านเรามีการใช้บัวบกรักษาอารมณ์ผิดปกติ เช่น ซึมเศร้า มีการศึกษาการเพิ่มความจําในผู้สูงอายุ โดยใช้สารสกัดบัวบก 750 มิลลิกรัม นาน 2 เดือน พบว่าความจํา การเรียนรู้ อารมณ์ของผู้สูงอายุดีขึ้นกว่าเดิม ช่วยเพิ่มความแข็งแรงและความกระฉับกระเฉงให้กับร่างกาย นอกจากนี้ยังมีการวิจัยในผู้สูงอายุ ที่ได้รับสารสกัดบัวบก 500 มิลลิกรัม วันละ 2 ครั้ง พบว่า ช่วยลดความผิดปกติที่เกิดจากความกังวล ลด ความเครียดและซึมเศร้า ขณะที่การศึกษาในระดับเซลล์ถึงกลไกการออกฤทธิ์บํารุงสมอง พบว่า บัวบกทําให้การหายใจในระดับเซลล์สมองดีขึ้น ต้านอนุมูลอิสระ ต้านการเสื่อมของเซลล์สมอง คงสภาพปริมาณของสารสื่อประสาทและเสริมฤทธิ์การทํางานของสารสื่อประสาท และยังทําให้หลอดเลือดมีความแข็งแรงสามารถนําเลือดไปเลี้ยงอวัยวะต่างๆ ได้ดีขึ้น ผลการศึกษาดังกล่าวแสดงให้เห็นถึงแนวโน้มการใช้เป็นอาหารเพิ่มความสามารถในการจําและการเรียนรู้ ช่วยชะลออาการโรคสมองเสื่อมในวัยชราหรือ อัลไซเมอร์ และ ช่วยคลายเครียด ทําให้มีสมาธิในการทํางาน ปัจจุบันในสหรัฐและหลายประเทศ มีบัวบกแคปซูลจําหน่ายในสรรพคุณบํารุงสมอง

สำหรับขมิ้นชัน มีการศึกษาพบว่าในกลุ่มคนเอเชียที่ทานขมิ้นชันเป็นประจำทุกวัน จะมีอัตราการเป็นอัลไซเมอร์น้อยกว่าคนในแถบยุโรปที่ไม่ได้ทานขมิ้นชัน เกือบ 5 เท่า ทั้งนี้มาจากฤทธิ์ลดการอักเสบ ฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ และลดการเกิดกลุ่มแผ่นโปรตีนผิดปกติ (Amyloid plaques) ที่รอยโรคสมอง ที่เป็นสาเหตุให้เซลล์ประสาทเสื่อม นอกจากนี้การทานขมิ้นชันเป็นประจำยังช่วยให้สุขภาพโดยรวมดีขึ้นอีกด้วย เพราะมีสรรพคุณทางยามากมาย เช่น ต้านมะเร็ง ป้องกันโรคหัวใจและหลอดเลือด

ติดตามซีรีย์ 9 ชุดสมุนไพรดูแลสุขภาพคุณพ่อ/ herb for health's father sereis ทางเพจ FB : สมุนไพรอภัยภูเบศรค่ะ



https://www.facebook.com/abhaiherb/photos/a.136960229702392.26552.136694259728989/777347232330352/
Photo

ซีรีย์ 9 : สมุนไพรตัวช่วยเบาหวาน ไขมัน ความดันให้พ่อ
มะระขี้นก 
กระเจี๊ยบแดง
บัวบก
กระเทียม
ตรีผลา
คำฝอย 

เบาหวานความดันไขมัน แนะนำให้ทานยาแผนปัจจุบันเป็นหลัก และไปพบแพทย์ตามนัดสม่ำเสมอ สำหรับสมุนไพรให้ทานเสริมการรักษา เพื่อให้การควบคุมโรคดียิ่งขึ้น
เบาหวาน แนะนำ มะระขี้นก – มีผลกระตุ้นการหลั่งอินซูลิน ยับยั้งการสร้างกลูโคส ทำให้มีผลลดน้ำตาลในเลือดได้ วิธีใช้คือ คั้นน้ำจากผลสดมื้อละ 2-3 ผล โดยเอาเมล็ดในออก ใส่น้ำลงไปเล็กน้อย ปั่นคั้นเอาแต่น้ำดื่ม 3 เวลา ก่อนอาหาร หรือนำเนื้อมะระผลเล็ก (มีตัวยามาก) ผ่านำเมล็ดออก หั่นเนื้อมะระเป็นชิ้นเล็กๆ ตากแดดให้แห้ง แล้วนำมาชงกับน้ำเดือด (มะระ 1-2 ชิ้น ต่อน้ำ 1 ถ้วย) ดื่มเป็นน้ำชา ครั้งละ 1-2 ถ้วย วันละ 3 เวลา ก่อนอาหาร หรือกินในรูปแบบแคปซูลครั้งละ 500-1000 มิลลิกรัม วันละ 1-2 ครั้ง มะระขี้นก จะมีรสขมมากกว่ามะระจีน วิธีลดความขมของมะระขี้นกทำได้ด้วยการต้มน้ำให้เดือดจัด ใส่เกลือประมาณหยิบมือ แล้วลวกมะระในน้ำเดือดสักครู่ จะทำให้ความขมลดลง มะระที่สุกแล้วจะมีสารซาโปนิน (Saponin) ในปริมาณมาก การรับประทานอาจทำให้มีอาการอาเจียน ท้องร่วงได้ ดังนั้นควรทานผลอ่อน ข้อควรระวังคือ คนท้อง เด็กและคนที่มีน้ำตาลในเลือดต่ำไม่ควรกิน และควรรับประทานในปริมาณที่พอดี อย่าทำอะไรเกินเลย เพราะความขมจัดของมะระขี้นก อาจทำให้ตับทำงานหนักขึ้น

ความดัน แนะนำ กระเจี๊ยบแดง จากการทดลองในสัตว์และมนุษย์ พบว่า กระเจี๊ยบแดงสามารถลดความดันโลหิต ขับปัสสาวะ ขับยูริค รวมทั้งลดการอักเสบของระบบทางเดินปัสสาวะภายหลังการผ่าตัดในไตได้ นอกจากนี้ ยังมีรายงานว่าการดื่มชากระเจี๊ยบวันละ 2 - 3 ครั้ง สามารถลดความดันโลหิตตัวบนลงตั้งแต่ร้อยละ 7.2 ถึง 13 เลยทีเดียว นักวิทยาศาสตร์วิจัยพบว่า การที่กระเจี๊ยบแดงสามารถลดความดันโลหิตได้ เนื่องมาจากสาร “แอนโธไซยานิน” (anthocyanins) ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน และสร้างความแข็งแรงให้กับหลอดเลือดนั่นเอง บัวบก เป็นพืชสมุนไพรที่มีประโยชน์ต่อผู้ป่วยโรคความดันโลหิตสูง เนื่องจากบัวบกทำให้การไหลเวียนของเลือดทั้งในหลอดเลือดดำและเส้นเลือดฝอยมีการไหลเวียนดีขึ้น มีคุณสมบัติขยายหลอดเลือด ช่วยให้เลือดไหลเวียนได้ดี จึงสามารถลดความดันโลหิตได้ ทั้งนี้ มีรายงานการวิจัยที่สนับสนุนว่า สารสกัดเอทานอลจากต้นบัวบก มีฤทธิ์ลดความดันโลหิตในหนูขาวเมื่อให้ทางหลอดเลือดดำ น้ำคั้นจากต้น และสารสกัดด้วยน้ำมีฤทธิ์ลดความดันโลหิตในหนูขาวและสุนัข บัวบกยังทำให้หลอดเลือดดำและเส้นเลือดฝอยแข็งแรงขึ้น ซึ่งจะมีประโยชน์ต่อคนที่มีปัญหาเส้นเลือดขอดและคนที่เป็นริดสีดวงทวาร นอกจากนี้ยังมีประโยชน์ต่อระบบประสาท ทำให้การเรียนรู้ดีขึ้น มีฤทธิ์คลายความเครียด ซึ่งฤทธิ์คลายความเครียดนี้เป็นประโยชน์ต่อผู้ป่วยความดันโลหิตสูงด้วย

ไขมัน แนะนำ กระเทียม นอกจากจะลดความดันได้แล้ว ยังมีผลลดไขมันในเลือดได้ โดยมีการศึกษาพบว่า เพียงคุณทานกระเทียมวันละ 1-2 กลีบ หรือทานในรูปแบบผงกระเทียม 600-900 มิลลิกรัมต่อกรัม เป็นเวลา 2 เดือนขึ้นไป จะมีผลลดไขมันโคเลสเตอรอลและไตรกลีเซอไรด์ โดยมีการศึกษาหนึ่งพบว่าหากทานเป็นเวลา 16 สัปดาห์ สามารถลดไขมันโคเลสเตอรอลได้ 12% ลดไขมันไตรกลีเซอไรด์ได้ 17%
ควรระวังการทานกระเทียมและขิงในรูปแบบสารสกัด หรือการรับประทานในปริมาณมากในผู้ป่วยที่มีการทานยาละลายลิ่มเลือดร่วมด้วย เพราะกระเทียมและขิง อาจมีผลเพิ่มฤทธิ์ยาละลายลิ่มเลือด
กระเจี๊ยบแดง มีสารออกฤทธิ์สำคัญคือ แอนโทไซยานิน ซึ่งพบว่ามีผลลดระดับไขมันชนิดไตรกลีเซอไรด์ได้ดีมาก ลดไขมันชนิดร้าย (LDL) ลดโคเลสเตอรอล อีกทั้งยังมีผลช่วยเพิ่มระดับไขมันดี (HDL) โดยเห็นผลเมื่อดื่มชาชงกระเจี๊ยบวันละ 2 เวลา เป็นเวลาติดต่อกันอย่างน้อย 1 เดือน
ตรีผลา ตำรับสมุนไพรที่ประกอบขึ้นด้วยผลไม้สามอย่างคือ สมอไทย สมอพิเภกและมะขามป้อม มีผลลดระดับไขมันโคเลสเตอรอลและไตรกลีเซอไรด์ได้ โดยอาจทานต่อเนื่องอย่างน้อยคืนละ 1 แก้ว ต่อเนื่องทุกคืน นอกจากจะลดไขมันในเลือดได้แล้ว ตรีผลายังมีส่วนช่วยในการรักษาภาวะไขมันพอกตับอีกด้วย (fatty liver)

ดอกคำฝอย มีสารสีเหลืองส้ม คนโบราณใช้ในการแต่งสีอาหาร โดยการนำกลีบดอกมาแช่น้ำร้อน ซึ่งสารนั้นมีชื่อว่า Carthamin และ Sufflower yellow อีกทั้งในเมล็ดดอกคำฝอยยังมีน้ำมันระเหยยาก เรียกว่าน้ำมันเมล็ดดอกคำฝอย มีส่วนประกอบของกรดไขมันชนิดไม่อิ่มตัวหลายชนิด มีผลลดระดับโคเลสเตอรอลและไขมันตัวร้าย (LDL) และป้องกันการอุดตันของไขมันในเลือด รวมทั้งมีผลในการป้องกันโรคหัวใจได้ด้วย โดยอาจทานในรูปแบบชาชงวันละ 1 ครั้ง ครั้งละ 1 ซอง ตอนเย็นหรือก่อนนอน นอกจากนี้ยังพบว่าการรับประทานหอมเล็กหอมใหญ่เป็นประจำ ก็จะมีส่วนช่วยในการควบคุมระดับไขมันในเลือดได้ โดยกินเป็นประจำทุกวัน อย่างน้อยวันละ 1 หัว


ติดตามซีรีย์ 9 ชุดสมุนไพรดูแลสุขภาพคุณพ่อ/ herb for health's father sereis ทางเพจ FB : สมุนไพรอภัยภูเบศรค่ะ


https://www.facebook.com/abhaiherb/photos/a.136960229702392.26552.136694259728989/782614978470244/ 
Photo

🤦🏻‍♀️เส้นเลือดขอด ปัญหาหนักใจของสาวๆ (บางคน)

เส้นเลือดขอดแม้ว่าจะไม่ใช่โรคร้าย แต่ก็สร้างความรำคาญใจให้ผู้ที่เป็นไม่น้อย โดยเฉพาะเมื่อเกิดในผู้หญิงอย่างเราๆ จะใส่กระโปรงอวดเรียวขาก็ไม่ได้ 😭

▶️เส้นเลือดขอดเกิดจากภาวะที่หลอดเลือดดำ หรือลิ้นหลอดเลือดดำบริเวณขาอ่อนแอ ทำให้การไหลเวียนเลือดบริเวณขากลับไปเลี้ยงหัวใจได้ไม่ดี เลือดจึงย้อนกลับมาคั่งอยู่ในเส้นเลือดดำ ทำให้เส้นเลือดดำขยายตัว โป่งพอง ขดไปมา

จริงๆ แล้วเส้นเลือดขอดสามารถเกิดกับเส้นเลือดดำได้ทั่วร่างกาย เช่น เส้นเลือดดำที่อวัยวะเพศหญิง เส้นเลือดดำที่ถุงอัณฑะ เส้นเลือดดำที่ทวารหนัก แต่ที่พบได้บ่อยที่สุดจะเป็นเส้นเลือดดำบริเวณขา ส่วนที่อยู่ตื้นๆ ใต้ผิวหนัง (Superficial vein) ซึ่งทำให้เห็นได้อย่างชัดเจน👢

📌ปัจจุบันการรักษาก็มีหลายวิธี ทั้งการผ่าตัด หรือการใช้เลเซอร์ ในส่วนของสมุนไพรทางเลือกนั้น ได้มีการศึกษาพบว่า การรับประทาน “ใบบัวบก” สามารถลดอาการบวม และกระตุ้นการไหลเวียนของเลือดให้ดีขึ้นได้

🔖ใบบัวบกมีสารสำคัญ คือ ไตรเตอร์พีนอยด์ (Triterpenoid) ซึ่งมีสรรพคุณช่วยลดการอุดตันของเส้นเลือด ทำให้ระบบไหลเวียนของเลือดทำงานดีขึ้น โดยรายงานการศึกษาฉบับหนึ่งมีการทดลองใช้ใบบัวบกกับผู้ที่มีอาการบวมและอักเสบจากเส้นเลือดขอด พบว่า 8 ใน 10 คน อาการบวมและการอักเสบดีขึ้น มีการไหลเวียนเลือดบริเวณนั้นดีขึ้น เส้นเลือดที่โป่งพองนั้นยุบตัวลง

💊ขนาดรับประทานที่แนะนำ คือ 1 แคปซูล วันละ 3 ครั้ง หลังอาหาร ติดต่อกันเป็นเวลาตั้งแต่ 2-6 สัปดาห์ขึ้นไป และสามารถรับประทานเป็นน้ำใบบัวบก หรือประกอบอาหารได้ค่ะ

✔️นอกจากนี้ ผู้ป่วยควรรับประทานอาหารที่เหมาะสม ไม่ว่าจะเป็นอาหารที่มีวิตามินซีสูง ผักที่อุดมด้วยสารฟลาโวนอยด์ เช่น ผลไม้ ผักใบเขียว ชาขาว ผักชี หัวหอม เหล่านี้จะช่วยต้านอนุมูลอิสระ ลดการทำลายหลอดเลือด
✔️รับประทานอาหารที่มีกากใยสูง ธัญพืช ถั่ว
✔️หากเส้นเลือดมีลักษณะโป่งนูนมาก ให้เพิ่มการทานขิง กระเทียม สับปะรด เพื่อลดการสะสมไฟบรินในเส้นเลือด
✔️ควรออกกำลังกายเพื่อเพิ่มความแข็งแรงให้หลอดเลือด
✔️อาจใช้วิธีการประคบสมุนไพรเพื่อลดการอุดตัน หรือใช้บัวบกตำพอกบริเวณที่เป็น แต่ไม่ควรนวดหรือเค้น คลึงแรงๆ เพราะอาจทำให้ลิ่มเลือดที่อุดตันแตกออก แล้วไปอุดตันเส้นเลือดบริเวณอื่นได้ค่ะ

#บัวบก #เส้นเลือดขอด #สมุนไพรอภัยภูเบศร
Photo
หากเกิดแผลไฟไหม้น้ำร้อนลวก ในระดับที่ความร้อนยังทำลายไม่ถึงชั้นผิวหนังแท้ ให้รีบประคบด้วยน้ำเย็นหรือน้ำแข็ง เพื่อดับพิษร้อนในขั้นแรก จากนั้นนำใบว่านหางจระเข้ปอกเปลือกให้เหลือแค่วุ้นใส ๆ แล้วล้างยางสีเหลืองด้วยน้ำเปล่าให้สะอาด ฝานเป็นแผ่นบาง ๆ นำไปวางบนแผลให้ทั่วบริเวณแผลเพื่อลดอาการปวดแสบปวดร้อน พันด้วยผ้าพันแผล เปลี่ยนตัวยาทุกครั้งที่มีอาการร้อนขึ้นมาใหม่ หรืออาจจะนำวุ้นว่านหางจระเข้ไปแช่เย็นก่อนนำมาวางบนแผลก็ได้ จากการศึกษาวิจัยพบว่า วุ้นใสของใบว่านหางจระเข้สามารถต้านเชื้อแบคทีเรีย ลดการอักเสบ รักษาแผลไฟไหม้น้ำร้อนลวกได้ผลจริง

หลังจากการใช้เจลว่านหางจระเข้จะช่วยรักษาแผลไฟไหม้น้ำร้อนลวกในเบื้องต้นแล้วในการรักษาแผล อาจใช้ครีมบัวบกที่เป็นยาในบัญชียาหลักแห่งชาติ ที่เป็นอีกชนิดหนึ่งช่วยเรื่องการหายของแผลได้ ที่สำคัญการใช้ว่านหางจระเข้หรือครีมบัวบกให้ดูระดับความรุนแรงของแผล หากเป็นแผลตื้นชั้นผิวหนัง ไม่มีแผลเปิด ผิวหนังแดง ปวดแสบปวดร้อน ให้ใช้ได้จนกว่าจะหาย หากระดับความรุนแรงมาก มีแผลใหญ่ใช้เป็นการปฐมพยาบาลเบื้องต้นระหว่างนำส่งโรงพยาบาลเท่านั้น ก

ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้ว อุตส่าห์พูดถึง เจลแต้มสิวอภัยภูเบศร จะไม่พูดถึง ครีมบัวบก ของอภัยภูเบศร์ก็กระไรอยู่ เพราะเป็นของคู่กัน เหมือนกินน้ำพริหนุ่มแล้วก็ต้องมีแคบหมู .... เพราะหลังจากที่สิวหาย หรือ สิวยุบไปแล้ว ให้ทาครีมบัวบกเป็นประจำ จะช่วยป้องกันการเกิดรอยแผลเป็นจากสิว หรือ ช่วยให้รอยแผลเป็นจางลง เพราะ สารสกัดcentella ที่มีอยู่ในบัวบกช่วยสมานแผล,ป้องกันแผลเป็น กระตุ้นcollagen  นอกจากนี้ยังออกฤทธิ์ทำลายเชื้อแบคทีเรีย ที่ก่อให้เกิดอาการอักเสบที่ผิวหนัง
Photo

1.กระเจี๊ยบแดง
ลดความดันโลหิต ขับปัสสาวะ ขับยูริก   

2.ขึ้นฉ่าย
 มีฤทธิ์ลดความดันโลหิต ขับปัสสาวะ ลดบวม คุมกำเนิด ลดระดับน้ำตาลในเลือด ลดคอเลสเตอรอลและไตรกลีเซอไรด์  

3.บัวบก
มีคุณสมบัติขยายหลอดเลือด ช่วยให้เลือดไหลเวียนได้ดี  นอกจากนี้ ยังมีประโยชน์ต่อระบบประสาท ทำให้การเรียนรู้ดีขึ้น มีฤทธิ์คลายความเครียด   

4.คาวตอง หรือพลูคาว
รากตำเป็นน้ำพริกกินจะเป็นยารักษาโรคได้ เช่น ช่วยรักษาความดันโลหิตสูง ริดสีดวงทวาร แผลในกระเพาะอาหาร  

5.มะรุม
 ใบและรากช่วยลดความดันโลหิตได้ มีสารสำคัญที่ออกฤทธิ์ลดความดันโลหิต  ทั้งนี้ห้ามกินมะรุมผงแคปซูล (ทั้งใบมะรุม และเม็ดมะรุม) ลดความดันโลหิต เพราะเป็นอันตรายต่อตับ

http://www.cm108.com/bbb/index.php?act=ST&f=4&t=3636
Photo

ปิดเทอมเที่ยวทะเลให้ระวังแมงกะพรุน

เคยโดนที่ต้นแขนครับ โชคดีที่โดนไม่เยอะ แต่อาการปวดแสบปวดร้อนและบวมไม่ต่างกัน ผมใช้เวลารักษารอยไหม้หลังจากแผลแห้งประมาณ 3-4 เดือน โดยใช้เจลว่านหางจระเข้กับเจลใบบัวบกทาทุกวันเช้าเย็น รอยไหม้ก็จางลงเรื่อยๆ จนน่าพอใจ แต่ถ้านับเวลาที่รักษาให้รอยไหม้จนมองไม่เห็นนี่ก็ประมาณเกือบปีนึงครับ แต่ตอนนั้นไม่ได้ใช้เจลลดรอยแผลเป็นทาช่วย คิดว่าถ้าใช้เจลลดรอยแผลเป็นร่วมด้วยรอยไหม้ก็น่าจางหายได้เร็วขึ้นอีก


การรักษาแผลสะเก็ดเงินด้วยโภชนาการและการปฏิบัติตอนเช้าและก่อนนอน
 
1) ตื่นเช้าทำ OIL PULLING 15-20 นาที
2) ตามด้วยการดื่มน้ำ 1-2 แก้ว
3) รับประทานสิ่งต่างๆเหล่านี้วันละ 2-3 เวลาก่อนอาหาร
    - น้ำมันมะพร้าวบริสุทธิ์ (ไม่แต่งกลิ่นสังเคราะห์ เพราะมีสารเคมี)  
    - กระเทียมสด หรือกระเทียมอัดเม็ด (อิมมิวนีท็อป 2000)          
    - เลซิติน (ไวทัล-เอ็ม)                                                                         
    - น้ำมันตับปลา                                                                         
    - บริวเวอร์ยีสต์                                                                        
    - ขมิ้นชัน                                                                               
    - N-ACETYLCYSTEIN (NAC LONG),(MUCIL)
    - Evening Primrose Oil (EPO)
4) อาหารแต่ละมื้อให้ดูอาหารที่ควรหลีกเลี่ยง และทานอาหารที่ควรรับประทาน อย่าลืมการดื่มน้ำที่ถูกต้อง
5) ออกกำลังกายอย่างน้อย 15 นาที อาทิตย์ละ 3 ครั้ง
6) พักผ่อนให้สบาย ฝึกมองโลกในแง่บวก จิตแจ่มใส ผ่อนคลาย
7) เพิ่มอาหารที่มีฤทธิ์เย็น เช่น ผักผลไม้, แตงกวา, ฟัก, ถั่วต้ม+เห็ดหูหนูขาว หรือเครื่องดื่มที่มีฤทธิ์เย็น เช่น น้ำใบบัวบก, ย่านาง, เก็กฮวย, จับเลี้ยง, น้ำถั่วเขียว เพื่อดับร้อนในร่างกาย ดื่มแทนน้ำทุกวันจะดีมาก ไม่ใส่น้ำตาล หรือน้ำตาลน้อย 

http://www.naturalmind.co.th/index.aspx?ContentID=ContentID-090623082919391


ชู 5 สมุนไพรไทย เตรียมดันสู่ตลาดโลก

กวาวเครือขาว มีสรรพคุณเป็นยาอายุวัฒนะ ทำให้กระชุ่มกระชวย บำรุงโลหิต
ใบบัวบก มีสรรพคุณบำรุงสมอง ช่วยความจำ ระบายร้อนขับไฟ ลดบวมขับพิษ
กระชายดำ มีสรรพคุณเพิ่มฮอร์โมนบำรุงกำลัง มีฤทธิ์ต้านอักเสบ ต้านเชื้อจุลินทรีย์ ขยายหลอดเลือดแดง
ไพล มีสรรพคุณแก้ท้องอืด ท้องเฟ้อ แก้อาการเคล็ดขัดยอก ปวดเมื่อ และ
ลูกประคบ มีสรรพคุณช่วยกระตุ้นการไหลเวียนโลหิต ลดอาการเกร็งกล้ามเนื้อ กล้ามเนื้ออักเสบ เป็นต้น

http://www.manager.co.th/QOL/ViewNews.aspx?NewsID=9560000111088
Photo





ด้วยความห่วงใย
.....................
BETTER PHARMACY เจ็ดยอด เชียงใหม่
เราคัดสรรสิ่งที่ดี มีคุณภาพ เพื่อคุณ

FACEBOOK / BetterPharmacyCMG
LINE ID - BETTERCM
.....................




UPDATE  -  2018.12.05

No comments:

Post a Comment