ร้อยละ 75 ของผู้สักทั้งหมด โดยจะมีอาการเจ็บแสบบริเวณแผล มีอาการคัน บวม เป็นหนอง มึนงง ปวดศีรษะ เป็นไข้ สาเหตุจากการแพ้สีสักและเครื่องมือที่ใช้ในการสักมีการปนเปื้อนเชื้อโรคต่างๆ บางรายที่สักมาแล้วเกิดภาวะแทรกซ้อนหรือเป็นรอยแผลเป็นที่เห็นชัดเจนบนใบหน้าและร่างกาย
สีสักมักใช้สีที่ผลิตมาเพื่ออุตสาหกรรม เช่น สีเคลือบรถยนต์ สีหมึกพิมพ์ สีทาบ้าน ฯลฯ ซึ่งเป็นเรื่องที่อันตรายมาก เนื่องจากจะมีโลหะหนักและสารไฮโดรคาร์บอนก่อมะเร็งผสมอยู่ รวมทั้งหากต้องการลบรอยสักต้องใช้ลำแสงเลเซอร์ ไปทำลายอนุภาคของเม็ดสีให้กระจายตัวออก กลายเป็นสารก่อมะเร็งต่าง ๆ อาจจะทำให้เกิดมะเร็งตามมา หากผู้ที่สักป่วยและต้องเข้ารับตรวจด้วยเครื่องเอ็มอาร์ไอ (MRI) ซึ่งเป็นเครื่องแม่เหล็กไฟฟ้าแรงสูง จะเกิดการดูดกันระหว่างโลหะหนักที่ผสมอยู่ในสีที่สักกับคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าจากเครื่องตรวจ ผู้ป่วยอาจเกิดอาการแสบร้อนบริเวณรอยสักได้
หากต้องการสักจริง ควรสักบริเวณที่เหมาะสมและเล็กที่สุด ควรใช้สีเดียวในการสัก โดยเฉพาะสีดำเพราะจะแก้ไขรอยสักได้ง่ายกว่าสีอื่น
...........................
หมอผิวหนังเตือนฮิตสัก ระวัง!ติดเชื้อตับอักเสบ/เอชไอวี แนะหากชอบจริงเลือกสีคุณภาพ
http://www.matichon.co.th/news/123088
สีสักมักใช้สีที่ผลิตมาเพื่ออุตสาหกรรม เช่น สีเคลือบรถยนต์ สีหมึกพิมพ์ สีทาบ้าน ฯลฯ ซึ่งเป็นเรื่องที่อันตรายมาก เนื่องจากจะมีโลหะหนักและสารไฮโดรคาร์บอนก่อมะเร็งผสมอยู่ รวมทั้งหากต้องการลบรอยสักต้องใช้ลำแสงเลเซอร์ ไปทำลายอนุภาคของเม็ดสีให้กระจายตัวออก กลายเป็นสารก่อมะเร็งต่าง ๆ อาจจะทำให้เกิดมะเร็งตามมา หากผู้ที่สักป่วยและต้องเข้ารับตรวจด้วยเครื่องเอ็มอาร์ไอ (MRI) ซึ่งเป็นเครื่องแม่เหล็กไฟฟ้าแรงสูง จะเกิดการดูดกันระหว่างโลหะหนักที่ผสมอยู่ในสีที่สักกับคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าจากเครื่องตรวจ ผู้ป่วยอาจเกิดอาการแสบร้อนบริเวณรอยสักได้
หากต้องการสักจริง ควรสักบริเวณที่เหมาะสมและเล็กที่สุด ควรใช้สีเดียวในการสัก โดยเฉพาะสีดำเพราะจะแก้ไขรอยสักได้ง่ายกว่าสีอื่น
...........................
หมอผิวหนังเตือนฮิตสัก ระวัง!ติดเชื้อตับอักเสบ/เอชไอวี แนะหากชอบจริงเลือกสีคุณภาพ
http://www.matichon.co.th/news/123088
no plus ones
no comments
no shares
ภัยใกล้ตัวที่คุณคาดไม่ถึง ...
เมื่อสักครู่มีมาอีกราย และจะมีมาเรื่อยๆ นั่นคือ กินปลาหมึกเข้าไป สักพักเกิดอาการแสบร้อนลงไปยันกระเพาะ ลิ้นเป็นตุ่มพอง เข้าใจว่า เกิดจากปลาหมึกดองฟอร์มาลีน
วิธีแก้ไข ดื่มน้ำตามมากๆ กินยาแก้แพ้ กินรางจืด ไข่ขาว
ถ้ายังไม่ดีขึ้น ไปห้องฉุกเฉิน ...
ตัวอย่างอาหารที่ตรวจพบสารฟอร์มาลีน ได้แก่ กุ้ง ปลาหมึก ปลาหมึกกรอบ ซุชิ เนื้อย่าง จิ้มจุ่ม ในเนื้อวัวก็จะเป็น สามสิบกลีบ ขิงหั่นฝอย กระชายหั่นฝอย เห็ดฟาง เห็ดนางฟ้า เห็ดหอมสด ถั่วฝักยาว สไบนาง
" เมื่อกินเข้าไป จะทำให้ปวดศีรษะรุนแรง ปวดท้อง คลื่นไส้ อาเจียน ปากคอแห้ง ปวดแสบปวดร้อนที่คอและปาก ปวดท้องอย่างรุนแรง มีการถ่ายท้อง หัวใจเต้นเร็ว แน่นหน้าอก ปัสสาวะเป็นเลือด เหงื่อออก ตัวเย็น รวมทั้งเมื่อสะสมในร่างกายนานวันเข้าอาจเป็นสารก่อมะเร็ง "
"มีรายงานว่า มีผู้กินฟอร์มาลิน 2 ช้อนโต๊ะ เพื่อฆ่าตัวตาย พบว่า ตายภายใน 3 ชั่วโมงหลังจากได้รับสารดังกล่าว และเมื่อผ่าศพผู้ตายพบแผลไหม้ในหลอดอาหาร กระเพาะอาหาร และลำไส้เล็ก"
http://www.vcharkarn.com/varticle/59145
http://www.nutrilite.co.th/nutrilite/newsupdate/topic.html?id=3147
http://www.fda.moph.go.th/project/foodsafety/formalin.htm
http://webboard.jssr.co.th/index.php?topic=23025.0;wap2
http://www.occmedrayong.com/index.php/academictank/171-2012-03-15-06-39-51.html
เมื่อสักครู่มีมาอีกราย และจะมีมาเรื่อยๆ นั่นคือ กินปลาหมึกเข้าไป สักพักเกิดอาการแสบร้อนลงไปยันกระเพาะ ลิ้นเป็นตุ่มพอง เข้าใจว่า เกิดจากปลาหมึกดองฟอร์มาลีน
วิธีแก้ไข ดื่มน้ำตามมากๆ กินยาแก้แพ้ กินรางจืด ไข่ขาว
ถ้ายังไม่ดีขึ้น ไปห้องฉุกเฉิน ...
ตัวอย่างอาหารที่ตรวจพบสารฟอร์มาลีน ได้แก่ กุ้ง ปลาหมึก ปลาหมึกกรอบ ซุชิ เนื้อย่าง จิ้มจุ่ม ในเนื้อวัวก็จะเป็น สามสิบกลีบ ขิงหั่นฝอย กระชายหั่นฝอย เห็ดฟาง เห็ดนางฟ้า เห็ดหอมสด ถั่วฝักยาว สไบนาง
" เมื่อกินเข้าไป จะทำให้ปวดศีรษะรุนแรง ปวดท้อง คลื่นไส้ อาเจียน ปากคอแห้ง ปวดแสบปวดร้อนที่คอและปาก ปวดท้องอย่างรุนแรง มีการถ่ายท้อง หัวใจเต้นเร็ว แน่นหน้าอก ปัสสาวะเป็นเลือด เหงื่อออก ตัวเย็น รวมทั้งเมื่อสะสมในร่างกายนานวันเข้าอาจเป็นสารก่อมะเร็ง "
"มีรายงานว่า มีผู้กินฟอร์มาลิน 2 ช้อนโต๊ะ เพื่อฆ่าตัวตาย พบว่า ตายภายใน 3 ชั่วโมงหลังจากได้รับสารดังกล่าว และเมื่อผ่าศพผู้ตายพบแผลไหม้ในหลอดอาหาร กระเพาะอาหาร และลำไส้เล็ก"
http://www.vcharkarn.com/varticle/59145
http://www.nutrilite.co.th/nutrilite/newsupdate/topic.html?id=3147
http://www.fda.moph.go.th/project/foodsafety/formalin.htm
http://webboard.jssr.co.th/index.php?topic=23025.0;wap2
http://www.occmedrayong.com/index.php/academictank/171-2012-03-15-06-39-51.html
2 plus ones
ปัญหาที่อาจเกิดขึ้นภายหลังการสัก
อักเสบติดเชื้อบริเวณที่ทำ จากเข็มหรืออุปกรณ์ที่เกี่ยวข้อง
อาการแพ้ เป็นผื่นแดง คัน บวม หรือผิวหนังไหม้ อาการเหล่านี้อาจเกิดขึ้นทันที หรืออาจเกิดภายหลังการทำอีกนานหลายปีก็เป็นได้
อาจเกิดคีลอยด์ (Keloids) หรือแผลเป็นมีลักษณะเป็นเนื้อนูนที่ผิวหนัง
http://www.pharmacy.mahidol.ac.th/th/knowledge/article/278
อักเสบติดเชื้อบริเวณที่ทำ จากเข็มหรืออุปกรณ์ที่เกี่ยวข้อง
อาการแพ้ เป็นผื่นแดง คัน บวม หรือผิวหนังไหม้ อาการเหล่านี้อาจเกิดขึ้นทันที หรืออาจเกิดภายหลังการทำอีกนานหลายปีก็เป็นได้
อาจเกิดคีลอยด์ (Keloids) หรือแผลเป็นมีลักษณะเป็นเนื้อนูนที่ผิวหนัง
http://www.pharmacy.mahidol.ac.th/th/knowledge/article/278
no plus ones
no comments
no shares
เมื่อสักครู่มีเด็กน่าจะเป็นระดับมัธยม มาซื้อยาคุมฉุกเฉิน ก็เลยสงสัยว่า อายุขั้นต่ำเท่าไหร่ถึงจะกินยาคุมฉุกเฉินได้ US FDA ได้ออกประกาศไว้ตั้งแต่ปี 2003 ว่า ผู้หญิงที่ตั้งครรภ์ได้ทุกคน มีสิทธิที่จะซื้อยาคุมฉุกเฉินได้โดยไม่ต้องมีใบสั่งยา
ที่อเมริกา ยาคุมฉุกเฉิน จัดเป็นยากลุ่ม OTC ที่ทุกคนมีสิทธิเข้าถึงยา โดยให้กินเม็ดเดียวครั้งเดียว (levonorgestrel 1.5 มิลลิกรัม) โดยให้กินทันทีภายในเวลา 3 วัน หลังจากที่มีเพศสัมพันธ์โดยไม่ได้ป้องกัน
ส่วนยาคุมฉุกเฉินที่จำหน่ายในเมืองไทย อาทิเช่น POSTINOR, MADONNA หรือ NORPAK มี levonorgestrel 0.75 มิลลิกรัม 2 เม็ด ซึ่งสามารถกิน 2 เม็ดทันทีได้เช่นกัน โดยมีอาการข้างเคียงคือ คลื่นไส้ อาเจียน ปวดท้อง ปวดหัว มึนงง เต้านมคัดตึง ในกรณีที่มีอาการดังกล่าว สามารถกิน 1 เม็ด ทุก 12 ชั่วโมง ได้เช่นกัน โดยยานี้จะยับยั้งการตกไข่ และป้องกันการตั้งครรภ์ ในกรณีที่ตั้งครรภ์แล้ว ยานี้ไม่มีผลต่อทารกในครรภ์
ยาคุมฉุกเฉินจะทำให้เลือดออกกะปริดกะปรอย ประจำเดือนมาเร็วหรือช้ากว่าปกติ ในกรณีที่กินยานี้ เมื่อครบกำหนดเมนส์มา 1 อาทิตย์ผ่านไปแล่ว เมนส์ก็ยังไม่มา ควรทดสอบการตั้งครรภ์ หรือถ้า 3-5 อาทิตย์ หลังกินยา แล้วมีอาการปวดท้องน้อยอย่างรุนแรง อาจมีสาเหตุจากการตั้งครรภ์นอกมดลูก ให้พบสูติแพทย์โดยด่วน
ถามว่า ทำไมไม่ลองค้นข้อมูลของ THAI FDA
คำตอบประมาณว่า ตอนนี้ THAI FDA ให้ความสำคัญกับชื่อสกลุผู้ซื้อยาแก้ไอ ยาอมแก้ไอ มากกว่าเรื่องพวกนี้ ก็เลยไม่ให้ความสำคัญกับ THAI FDA สักเท่าไหร่ เรื่องเหวี่ยงแหจับมดนี่คนไทยเราเก่ง ...
http://www.fda.gov/NewsEvents/Newsroom/PressAnnouncements/ucm358082.htm
http://www.fda.gov/NewsEvents/Newsroom/PressAnnouncements/ucm350230.htm
http://www.accessdata.fda.gov/drugsatfda_docs/label/2006/021045s011lbl.pdf
http://www.pharmacy.mahidol.ac.th/th/knowledge/article/54/ยาคุมฉุกเฉิน-เรื่องจริงที่ผู้หญิงต้องรู้/
ที่อเมริกา ยาคุมฉุกเฉิน จัดเป็นยากลุ่ม OTC ที่ทุกคนมีสิทธิเข้าถึงยา โดยให้กินเม็ดเดียวครั้งเดียว (levonorgestrel 1.5 มิลลิกรัม) โดยให้กินทันทีภายในเวลา 3 วัน หลังจากที่มีเพศสัมพันธ์โดยไม่ได้ป้องกัน
ส่วนยาคุมฉุกเฉินที่จำหน่ายในเมืองไทย อาทิเช่น POSTINOR, MADONNA หรือ NORPAK มี levonorgestrel 0.75 มิลลิกรัม 2 เม็ด ซึ่งสามารถกิน 2 เม็ดทันทีได้เช่นกัน โดยมีอาการข้างเคียงคือ คลื่นไส้ อาเจียน ปวดท้อง ปวดหัว มึนงง เต้านมคัดตึง ในกรณีที่มีอาการดังกล่าว สามารถกิน 1 เม็ด ทุก 12 ชั่วโมง ได้เช่นกัน โดยยานี้จะยับยั้งการตกไข่ และป้องกันการตั้งครรภ์ ในกรณีที่ตั้งครรภ์แล้ว ยานี้ไม่มีผลต่อทารกในครรภ์
ยาคุมฉุกเฉินจะทำให้เลือดออกกะปริดกะปรอย ประจำเดือนมาเร็วหรือช้ากว่าปกติ ในกรณีที่กินยานี้ เมื่อครบกำหนดเมนส์มา 1 อาทิตย์ผ่านไปแล่ว เมนส์ก็ยังไม่มา ควรทดสอบการตั้งครรภ์ หรือถ้า 3-5 อาทิตย์ หลังกินยา แล้วมีอาการปวดท้องน้อยอย่างรุนแรง อาจมีสาเหตุจากการตั้งครรภ์นอกมดลูก ให้พบสูติแพทย์โดยด่วน
ถามว่า ทำไมไม่ลองค้นข้อมูลของ THAI FDA
คำตอบประมาณว่า ตอนนี้ THAI FDA ให้ความสำคัญกับชื่อสกลุผู้ซื้อยาแก้ไอ ยาอมแก้ไอ มากกว่าเรื่องพวกนี้ ก็เลยไม่ให้ความสำคัญกับ THAI FDA สักเท่าไหร่ เรื่องเหวี่ยงแหจับมดนี่คนไทยเราเก่ง ...
http://www.fda.gov/NewsEvents/Newsroom/PressAnnouncements/ucm358082.htm
http://www.fda.gov/NewsEvents/Newsroom/PressAnnouncements/ucm350230.htm
http://www.accessdata.fda.gov/drugsatfda_docs/label/2006/021045s011lbl.pdf
http://www.pharmacy.mahidol.ac.th/th/knowledge/article/54/ยาคุมฉุกเฉิน-เรื่องจริงที่ผู้หญิงต้องรู้/
no plus ones
one comment
1
no shares
เมื่อกี้มีคนไม่สบายมา บอกกินปลาหมึกเข้าไป สักพักเกิดอาการแสบร้อนลงไปยันกระเพาะ ลิ้นเป็นตุ่มพอง เข้าใจว่า เกิดจากปลาหมึกดองฟอร์มาลีน ก็เลยบอกไปว่า ไอ้ร้านบ้านี่ อย่าไปกินอีกเป็นอันขาด
ตัวอย่างอาหารที่ตรวจพบสารฟอร์มาลีน ได้แก่ กุ้ง ปลาหมึก ปลาหมึกกรอบ ซุชิ เนื้อย่าง จิ้มจุ่ม ในเนื้อวัวก็จะเป็น สามสิบกลีบ ขิงหั่นฝอย กระชายหั่นฝอย เห็ดฟาง เห็ดนางฟ้า เห็ดหอมสด ถั่วฝักยาว สไบนาง
ทำไมคนสมัยนี้ มันเห็นแก่ตัวกันจริงๆเลยนะ ....
สมัยที่เรียนอยู่มอ.เวลากลิ่นจากห้องดองอาจารย์ใหญ่โชยมา บอกได้คำเดียวว่า CLASSIC สุดๆ ใครที่ไม่เคยได้กลิ่น ก็ลองไปดมดูสักพัก แต่นี่ คนมักง่าย ดันเอายาดองศพ มาดองอาหาร เพื่อหลอกคนว่ามันสด สวย ทำไมยุคนี้สมัยนี้ มันถึงได้เห็นแก่ตัวกันอย่างนี้ ไม่โดนกับลูกหลานตัวเองบ้าง ไม่รู้สึก ....
ตัวอย่างอาหารที่ตรวจพบสารฟอร์มาลีน ได้แก่ กุ้ง ปลาหมึก ปลาหมึกกรอบ ซุชิ เนื้อย่าง จิ้มจุ่ม ในเนื้อวัวก็จะเป็น สามสิบกลีบ ขิงหั่นฝอย กระชายหั่นฝอย เห็ดฟาง เห็ดนางฟ้า เห็ดหอมสด ถั่วฝักยาว สไบนาง
ทำไมคนสมัยนี้ มันเห็นแก่ตัวกันจริงๆเลยนะ ....
สมัยที่เรียนอยู่มอ.เวลากลิ่นจากห้องดองอาจารย์ใหญ่โชยมา บอกได้คำเดียวว่า CLASSIC สุดๆ ใครที่ไม่เคยได้กลิ่น ก็ลองไปดมดูสักพัก แต่นี่ คนมักง่าย ดันเอายาดองศพ มาดองอาหาร เพื่อหลอกคนว่ามันสด สวย ทำไมยุคนี้สมัยนี้ มันถึงได้เห็นแก่ตัวกันอย่างนี้ ไม่โดนกับลูกหลานตัวเองบ้าง ไม่รู้สึก ....
one plus one
1
no comments
no shares
งีบสักนิด งีบสักหน่อย เติมความ Fresh ให้ร่างกาย
https://www.facebook.com/SayNoToCold/photos/a.1426564424228767.1073741828.1419511328267410/1431417207076822/
https://www.facebook.com/SayNoToCold/photos/a.1426564424228767.1073741828.1419511328267410/1431417207076822/
no plus ones
no comments
no shares
นานๆจะได้เห็นสักที อย่างในรูปที่สมควรจะได้รับยาฆ่าเชื้อ ถ้ามีอาการเจ็บคอ ลองอ้าปากส่องกระจก แล้วเอาไฟฉายเล็กๆส่อง ถ้าเห็นเป็นฝ้าขาวที่ต่อมทอมซิล ต่อมน้ำเหลืองบริเวณลำคอบวมโต และที่สำคัญคือ จะต้องไม่ไอ และบางรายอาจจะมีไข้ร่วมด้วย ... ถ้ามีอาการดังกล่าว เอาไปเลยครับ ยาฆ่าเชื้อ
แต่ถ้าแค่นอนตากพัดลมแล้วเจ็บคอ เจ็บคอแค่วันเดียว คอแดงนิดหน่อย แต่ฝ้าขาวไม่มี ไม่สมควรได้รับยาฆ่าเชื้อครับ
ลองใช้วิธีอื่นไปพลางๆก่อน เช่น ยาอมแก้เจ็บคอ ยาบ้วนปากกลั้วคอ กินฟ้าทะลายโจร หรือแม้แต่ยาพ่นลำคอ ถ้าทำอย่างไรแล้วไม่หาย อ้าปากดูด้วยตนเอง แล้วเห็นอย่างในรูป อยากได้ยาฆ่าเชื้อ ... เอาไปเลยครับ ... ด้วยความยินดี ... ทั้งหมดเพื่อตัวท่านเองนะครับ ที่ยังจะมียาราคาเหมาะสมเอาไว้ใช้ในอนาคต ... ถ้าไม่เริ่มที่ตัวท่านเอง แล้วใครจะเริ่มต้นให้ครับ ....
ANTIBIOTIC SMART USE
แต่ถ้าแค่นอนตากพัดลมแล้วเจ็บคอ เจ็บคอแค่วันเดียว คอแดงนิดหน่อย แต่ฝ้าขาวไม่มี ไม่สมควรได้รับยาฆ่าเชื้อครับ
ลองใช้วิธีอื่นไปพลางๆก่อน เช่น ยาอมแก้เจ็บคอ ยาบ้วนปากกลั้วคอ กินฟ้าทะลายโจร หรือแม้แต่ยาพ่นลำคอ ถ้าทำอย่างไรแล้วไม่หาย อ้าปากดูด้วยตนเอง แล้วเห็นอย่างในรูป อยากได้ยาฆ่าเชื้อ ... เอาไปเลยครับ ... ด้วยความยินดี ... ทั้งหมดเพื่อตัวท่านเองนะครับ ที่ยังจะมียาราคาเหมาะสมเอาไว้ใช้ในอนาคต ... ถ้าไม่เริ่มที่ตัวท่านเอง แล้วใครจะเริ่มต้นให้ครับ ....
ANTIBIOTIC SMART USE
‹
›
2015-06-05
6 Photos - View album
no plus ones
no comments
no shares
Public
จริงๆ ก็ไม่ค่อยอยากจะยุ่งเรื่องบุหรี่สักเท่าไหร่ เพราะทุกอย่างอยู่ที่ตัวคุณเอง แค่ไม่เอามือไปคีบ สู้กับตัวเอง ยังไงก็มีวันชนะ แต่ถ้าจิตใจอ่อนแอ แพ้แม้กระทั่งกับตัวเอง ก็ช่วยอะไรไม่ได้จริงๆ ที่จะต้องเป็นทาสมัน ....
แต่เผอิญมี โครงการเภสัชอาสา พาเลิกบุหรี่ สนใจ ลอง DOWNLOAD เอกสารไปอ่านกันดูครับ ของคณะเภสัช มช.
http://www.pharmacy.cmu.ac.th/dic/newsletter/newpdf/newsletter11_2/vol2.pdf
แต่เผอิญมี โครงการเภสัชอาสา พาเลิกบุหรี่ สนใจ ลอง DOWNLOAD เอกสารไปอ่านกันดูครับ ของคณะเภสัช มช.
http://www.pharmacy.cmu.ac.th/dic/newsletter/newpdf/newsletter11_2/vol2.pdf
2015-06-12
2 Photos - View album
no plus ones
no comments
no shares
เมื่อสักครู่ มีวัยรุ่นมาถามหา META SYRUP ....
เป็นอะไรหรือ
ไม่รู้สิครับ ... เพื่อนฝากซื้อ ...
ก็เลยขอบอกว่า นอกจาก META SYRUP แล้ว ยังมียาแก้ไออื่นๆ อีก ไม่ว่าจะเป็น “DEXTRODYL ,COLDANYI, BEPHENDRYL, t-nadin, cephendey, anadril, lwadril, cidril เป็นส่วนผสมในการเสพยาเสพติดชนิด 4 x 100
http://www.manager.co.th/Local/ViewNews.aspx?NewsID=9530000017241
http://www.southdeepoutlook.com/brief/45311/จับเภสัชกรแอบขายยาแก้ไอผสม4x100
#tramadol
เป็นอะไรหรือ
ไม่รู้สิครับ ... เพื่อนฝากซื้อ ...
ก็เลยขอบอกว่า นอกจาก META SYRUP แล้ว ยังมียาแก้ไออื่นๆ อีก ไม่ว่าจะเป็น “DEXTRODYL ,COLDANYI, BEPHENDRYL, t-nadin, cephendey, anadril, lwadril, cidril เป็นส่วนผสมในการเสพยาเสพติดชนิด 4 x 100
http://www.manager.co.th/Local/ViewNews.aspx?NewsID=9530000017241
http://www.southdeepoutlook.com/brief/45311/จับเภสัชกรแอบขายยาแก้ไอผสม4x100
#tramadol
no plus ones
no comments
no shares
คิดสักนิดก่อนสั่งและใช้ยา (ตอนที่ 1)
คุณสมชาย อายุ 68 ปี ซึ่งโดยปกติเป็นคนไข้ความดันเลือดสูง และเบาหวาน แพทย์ผู้รักษาก็อยากช่วยผู้ป่วยให้เดินสะดวก จ่ายยาแก้ปวดข้อเข่าให้ชื่อ Celebrex (celecoxib) รุ่นที่อ้างว่าไม่กัดกระเพาะ ให้รับประทานครั้งละ 1 เม็ด เช้า-เย็น ติดต่อกัน 1 เดือน เวลาล่วงเลยไป 3 สัปดาห์ คุณสมชายเริ่มเจ็บแน่นหน้าอกถี่ๆ หลังจากใช้ยาแก้ปวดเข่าดังกล่าวติดต่อกัน ทำให้คุณสมชายต้องเข้ารับการรักษาตัวฉุกเฉินที่โรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่ง
http://elib.fda.moph.go.th/2008/default.asp?page2=subdetail&id=20981
คุณสมชาย อายุ 68 ปี ซึ่งโดยปกติเป็นคนไข้ความดันเลือดสูง และเบาหวาน แพทย์ผู้รักษาก็อยากช่วยผู้ป่วยให้เดินสะดวก จ่ายยาแก้ปวดข้อเข่าให้ชื่อ Celebrex (celecoxib) รุ่นที่อ้างว่าไม่กัดกระเพาะ ให้รับประทานครั้งละ 1 เม็ด เช้า-เย็น ติดต่อกัน 1 เดือน เวลาล่วงเลยไป 3 สัปดาห์ คุณสมชายเริ่มเจ็บแน่นหน้าอกถี่ๆ หลังจากใช้ยาแก้ปวดเข่าดังกล่าวติดต่อกัน ทำให้คุณสมชายต้องเข้ารับการรักษาตัวฉุกเฉินที่โรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่ง
http://elib.fda.moph.go.th/2008/default.asp?page2=subdetail&id=20981
no plus ones
no comments
no shares
..
หญิงที่มีน้ำหนักมาก ตั้งแต่ 70-80 กิโลกรัม สูบบุหรี่ อายุมากกว่า 35 ปี ตับอักเสบเรื้อรัง เป็นไวรัสตับอักเสบบีชนิดรุนแรง ไม่แนะนำให้กินยาเม็ดคุมกำเนิด เพราะเสี่ยงต่อการเกิดลิ่มเลือดอุดตันภาวะหัวใจขาดเลือด
ดังนั้น ควรพบแพทย์ก่อนเริ่มต้นรับประทานยาคุมกำเนิด ถ้ามีข้อห้ามเหล่านี้อาจต้องเลือกวิธีใส่ห่วงอนามัยแทน
ห่วงอนามัยใส่ในโพรงมดลูก มีทั้งชนิดห่วงทองแดง ไม่ต้องกลัวฟ้าผ่าเพราะร่างกายเป็นฉนวนป้องกันอยู่แล้ว ส่วนผู้ที่ปวดท้องเวลามีประจำเดือน และเลือดประจำเดือนมากไม่แนะนำให้ใส่ห่วง เพราะมีความเสี่ยงที่จะเกิดผลข้างเคียงไม่พึงประสงค์
ห่วงอนามัยที่นิยม คือ ห่วงเคลือบฮอร์โมนโปรเจสเตอโรน สามารถใช้กับหญิงที่มีประจำเดือนมาก อายุเกิน 40 ปี
สำหรับแผ่นแปะคุมกำเนิดนั้น 1 แผ่นแปะได้นาน 1 สัปดาห์ ต้องแปะต่อเนื่อง 3 สัปดาห์ เว้น 1 สัปดาห์ เพื่อให้มีรอบเดือน แปะตรงส่วนไหนของร่างกายก็ได้ยกเว้นที่หัวนม อาจเป็นการกระตุ้นการผลิตฮอร์โมนมากเกินไป
“การคุมกำเนิดแต่ละวิธีมี ข้อเด่น ข้อด้อยต่างกัน ช่วง 3 เดือนแรกต้องใจเย็นไม่ว่าจะเลือกวิธีใดจะมีผลกระทบข้างเคียงไม่มากก็น้อย ขึ้นกับแต่ละบุคคลบางคนน้ำหนักเพิ่มเล็กน้อย ปวดหัวเล็กน้อย คลื่นไส้อาเจียน หลังจาก 3 เดือนร่างกายจะปรับตัวดีขึ้น ดังนั้น 3 เดือนแรกต้องขยันพบแพทย์จะได้ตรวจภายใน ตรวจมะเร็งปากมดลูก
ดังนั้น ควรพบแพทย์ก่อนเริ่มต้นรับประทานยาคุมกำเนิด ถ้ามีข้อห้ามเหล่านี้อาจต้องเลือกวิธีใส่ห่วงอนามัยแทน
ห่วงอนามัยใส่ในโพรงมดลูก มีทั้งชนิดห่วงทองแดง ไม่ต้องกลัวฟ้าผ่าเพราะร่างกายเป็นฉนวนป้องกันอยู่แล้ว ส่วนผู้ที่ปวดท้องเวลามีประจำเดือน และเลือดประจำเดือนมากไม่แนะนำให้ใส่ห่วง เพราะมีความเสี่ยงที่จะเกิดผลข้างเคียงไม่พึงประสงค์
ห่วงอนามัยที่นิยม คือ ห่วงเคลือบฮอร์โมนโปรเจสเตอโรน สามารถใช้กับหญิงที่มีประจำเดือนมาก อายุเกิน 40 ปี
สำหรับแผ่นแปะคุมกำเนิดนั้น 1 แผ่นแปะได้นาน 1 สัปดาห์ ต้องแปะต่อเนื่อง 3 สัปดาห์ เว้น 1 สัปดาห์ เพื่อให้มีรอบเดือน แปะตรงส่วนไหนของร่างกายก็ได้ยกเว้นที่หัวนม อาจเป็นการกระตุ้นการผลิตฮอร์โมนมากเกินไป
“การคุมกำเนิดแต่ละวิธีมี ข้อเด่น ข้อด้อยต่างกัน ช่วง 3 เดือนแรกต้องใจเย็นไม่ว่าจะเลือกวิธีใดจะมีผลกระทบข้างเคียงไม่มากก็น้อย ขึ้นกับแต่ละบุคคลบางคนน้ำหนักเพิ่มเล็กน้อย ปวดหัวเล็กน้อย คลื่นไส้อาเจียน หลังจาก 3 เดือนร่างกายจะปรับตัวดีขึ้น ดังนั้น 3 เดือนแรกต้องขยันพบแพทย์จะได้ตรวจภายใน ตรวจมะเร็งปากมดลูก
no plus ones
no comments
no shares
การติดเชื้อไวรัสตับอักเสบซีส่วนใหญ่มักผ่านผิวหนังหรือเยื่อเมือกของร่างกายบริเวณที่มีบาดแผล ดังนั้นจึงควรหลีกเลี่ยงการใช้ของมีคมร่วมกัน เช่น อุปกรณ์ที่ใช้โกนหนวดและขน กรรไกรตัดเล็บ และเครื่องมือทำความสะอาดช่องปากและฟัน ไวรัสตับอักเสบ ซี ไม่ติดต่อจากการสัมผัส การรับประทานอาหาร และดื่มน้ำ ร่วมกัน
ไวรัสตับอักเสบ ซี สามารถติดต่อจากผู้ป่วยที่เป็นพาหะได้หลายทาง ได้แก่ การฉีดสารเสพติดเข้าร่างกายโดยใช้เข็มร่วมกัน การสักผิวหนัง การรับเลือดและผลิตภัณฑ์จากเลือดจากผู้บริจาคเลือดที่เป็นพาหะ นอกจากนี้ยังพบว่าไวรัสตับอักเสบซีสามารถติดต่อทางเพศสัมพันธ์ และจากมารดาที่เป็นพาหะสู่ทารกขณะคลอด
การติดเชื้อไวรัสตับอักเสบซี ยังเป็นปัญหาที่สำคัญในประเทศไทย ทำให้เกิดภาวะตับอักเสบเรื้อรัง จนผู้ป่วยบางรายมีการดำเนินโรคจนเกิดตับแข็ง ที่ร้ายกว่านั้นพบว่าผู้ป่วยที่ติดเชื้อไวรัสตับอักเสบซีเรื้อรัง จะมีความเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งตับ
http://www.manager.co.th/QOL/ViewNews.aspx?NewsID=9570000109305
ไวรัสตับอักเสบ ซี สามารถติดต่อจากผู้ป่วยที่เป็นพาหะได้หลายทาง ได้แก่ การฉีดสารเสพติดเข้าร่างกายโดยใช้เข็มร่วมกัน การสักผิวหนัง การรับเลือดและผลิตภัณฑ์จากเลือดจากผู้บริจาคเลือดที่เป็นพาหะ นอกจากนี้ยังพบว่าไวรัสตับอักเสบซีสามารถติดต่อทางเพศสัมพันธ์ และจากมารดาที่เป็นพาหะสู่ทารกขณะคลอด
การติดเชื้อไวรัสตับอักเสบซี ยังเป็นปัญหาที่สำคัญในประเทศไทย ทำให้เกิดภาวะตับอักเสบเรื้อรัง จนผู้ป่วยบางรายมีการดำเนินโรคจนเกิดตับแข็ง ที่ร้ายกว่านั้นพบว่าผู้ป่วยที่ติดเชื้อไวรัสตับอักเสบซีเรื้อรัง จะมีความเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งตับ
http://www.manager.co.th/QOL/ViewNews.aspx?NewsID=9570000109305
no plus ones
no comments
no shares
ใช้บำรุงตับ ลดอาการตับอักเสบ สร้างความสมดุลของไขมันในตับ หมอยาชาวจีนเชื่อว่า ถ้ากินลูกใต้ใบติดต่อกันหนึ่งสัปดาห์จะช่วยกำจัดพิษออกจากตับ มีผลทำให้สายตาดี บำรุงตับ รักษาอาการดีซ่าน
แก้ไข้ แก้อักเสบ แก้ปวดเมื่อย ควบคุมระดับน้ำตาล แก้ร้อนใน ขับเหงื่อ ขับปัสสาวะ แก้อาการติดเชื้อในทางเดินปัสสาวะ
ห้ามใช้ในคนท้อง เพราะลูกใต้ใบเป็นยาขับประจำเดือน
ลูกใต้ใบเป็นกลุ่มสมุนไพร ลดไข้ ซึ่งจากลักษณะตัวยาเย็น ถ้ากินติดต่อกันนานๆจะมีอาการอ่อนเพลีย ความดันโลหิตต่ำได้ค่ะ และมีสารสำคัญคือ โปรแตสเซียม ซึ่งจะช่วยขับปัสสาวะ จึงไม่ควรรับประทานติดต่อกันนานๆค่ะ รับประทานเป็นยาแก้อาการได้ค่ะ แต่ถ้าจะให้รับประทานต่อเนื่องเป็นเดือนๆ ไม่แนะนำค่ะ หรืออาจจะรับประทานสลับกับยาสมุนไพรตัวอื่นก็น่าจะดีกว่าค่ะ
http://thaiherbtherapy.com/Herbs/Herb_Phyllanthus_Niruri.html
https://www.facebook.com/abhaiherbshop/posts/508430642527098
แก้ไข้ แก้อักเสบ แก้ปวดเมื่อย ควบคุมระดับน้ำตาล แก้ร้อนใน ขับเหงื่อ ขับปัสสาวะ แก้อาการติดเชื้อในทางเดินปัสสาวะ
ห้ามใช้ในคนท้อง เพราะลูกใต้ใบเป็นยาขับประจำเดือน
ลูกใต้ใบเป็นกลุ่มสมุนไพร ลดไข้ ซึ่งจากลักษณะตัวยาเย็น ถ้ากินติดต่อกันนานๆจะมีอาการอ่อนเพลีย ความดันโลหิตต่ำได้ค่ะ และมีสารสำคัญคือ โปรแตสเซียม ซึ่งจะช่วยขับปัสสาวะ จึงไม่ควรรับประทานติดต่อกันนานๆค่ะ รับประทานเป็นยาแก้อาการได้ค่ะ แต่ถ้าจะให้รับประทานต่อเนื่องเป็นเดือนๆ ไม่แนะนำค่ะ หรืออาจจะรับประทานสลับกับยาสมุนไพรตัวอื่นก็น่าจะดีกว่าค่ะ
http://thaiherbtherapy.com/Herbs/Herb_Phyllanthus_Niruri.html
https://www.facebook.com/abhaiherbshop/posts/508430642527098
no plus ones
no comments
no shares
มูลนิธิโรคตับ และโรงพยาบาลทั่วประเทศ ตรวจไวรัสตับอักเสบบีฟรี
ระหว่างวันที่ 28-31 กรกฎาคม 2557 โรงพยาบาลละ 100 คน สามารถรองรับการตรวจได้ จำนวน 9,000 คน ดังนั้น จึงขอเชิญชวนผู้สนใจที่เกิดก่อนปี พ.ศ. 2535 และยังไม่เคยตรวจมาก่อน เข้ารับการตรวจไวรัสตับอักเสบบีฟรี ทั้งนี้ ผู้สนใจสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ มูลนิธิโรคตับ โทร.02-255-3051 หรือดูข้อมูลจากเว็บไซต์ มูลนิธิโรคตับ www.thailiverfoundation.org
http://www.thailiverfoundation.org/th/cms/detail.php?id=189
ภาคเหนือ
เชียงราย : เชียงรายประชานุเคราะห์*, โอเวอร์บรุ๊ค
แพร่ : แพร่-ราม
นครสวรรค์ : ปากน้ำโพ, ศรีสวรรค์
พิษณุโลก : กรุงเทพ พิษณุโลก, อินเตอร์เวชการ พิษณุโลก
ลำปาง : เขลางค์นคร-ราม
ระหว่างวันที่ 28-31 กรกฎาคม 2557 โรงพยาบาลละ 100 คน สามารถรองรับการตรวจได้ จำนวน 9,000 คน ดังนั้น จึงขอเชิญชวนผู้สนใจที่เกิดก่อนปี พ.ศ. 2535 และยังไม่เคยตรวจมาก่อน เข้ารับการตรวจไวรัสตับอักเสบบีฟรี ทั้งนี้ ผู้สนใจสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ มูลนิธิโรคตับ โทร.02-255-3051 หรือดูข้อมูลจากเว็บไซต์ มูลนิธิโรคตับ www.thailiverfoundation.org
http://www.thailiverfoundation.org/th/cms/detail.php?id=189
ภาคเหนือ
เชียงราย : เชียงรายประชานุเคราะห์*, โอเวอร์บรุ๊ค
แพร่ : แพร่-ราม
นครสวรรค์ : ปากน้ำโพ, ศรีสวรรค์
พิษณุโลก : กรุงเทพ พิษณุโลก, อินเตอร์เวชการ พิษณุโลก
ลำปาง : เขลางค์นคร-ราม
no plus ones
no comments
no shares
Public
ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับไวรัสตับอักเสบบี และซี Hepatitis B & C in Thailand
no plus ones
no comments
no shares
ผู้ติดเชื้อไวรัสตับอักเสบซีต้องได้รับการรักษา
ด้วยยาใหม่ "โซฟอสบูเวียร์" ยาเม็ดละ 3 หมื่น ต้องกินทุกวันเป็นเวลา 3 เดือน
เรื่องนี้เป็นเรื่องของยาใหม่ ที่บริษัทมีต้นทุนในการวิจัยยา ไม่เหมือนยา COPY หรือ ยาเลียนแบบ ที่ไม่มีต้นทุนงานวิจัย
ตัวอย่างเช่นยา SIDERGRA ขององค์การเภสัชกรรม ที่สามารถผลิดยาเลียนแบบในราคาถูก แต่ไม่มีผลงานวิจัยยืนยันว่าได้ผลต่างจากยาหลอกมากน้อยขนาดไหน มีเพียงการทำ B.E. (Bioequivalence study) เทียบกับยาต้นแบบ ซึ่งจนปัจจุบันนี้ ยาดังกล่าว ก็ยังไม่เข้าโรงพยาบาลจุฬา
สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ http://chn.ge/1Fv2jka
ด้วยยาใหม่ "โซฟอสบูเวียร์" ยาเม็ดละ 3 หมื่น ต้องกินทุกวันเป็นเวลา 3 เดือน
เรื่องนี้เป็นเรื่องของยาใหม่ ที่บริษัทมีต้นทุนในการวิจัยยา ไม่เหมือนยา COPY หรือ ยาเลียนแบบ ที่ไม่มีต้นทุนงานวิจัย
ตัวอย่างเช่นยา SIDERGRA ขององค์การเภสัชกรรม ที่สามารถผลิดยาเลียนแบบในราคาถูก แต่ไม่มีผลงานวิจัยยืนยันว่าได้ผลต่างจากยาหลอกมากน้อยขนาดไหน มีเพียงการทำ B.E. (Bioequivalence study) เทียบกับยาต้นแบบ ซึ่งจนปัจจุบันนี้ ยาดังกล่าว ก็ยังไม่เข้าโรงพยาบาลจุฬา
สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ http://chn.ge/1Fv2jka
no plus ones
no comments
no shares
ไวรัสตับอักเสบบีและซี ภัยเงียบในสังคมไทย _ ข่าวSpringnews
no plus ones
no comments
no shares
**ลูกใต้ใบ รักษาไวรัสตับ ไขมันพอกตับ ตับอักเสบ***
เรื่องน่ารู้ของลูกใต้ใบ : ยาแก้ไข้ บำรุงตับ ไต และแก้นิ่ว
ลูกใต้ใบ...สมุนไพร แก้ไข้ ของผองชน ลูกใต้ใบเป็นสมุนไพรที่คนส่วนใหญ่รู้จักดี เพราะขึ้นในทุกพื้นที่ทุกภาคของประเทศไทย ซึ่งในสายตาของหมอยาแล้วลูกใต้ใบเป็นสมุนไพรที่พื้นๆ มาก เวลาเดินเก็บยาด้วยกันแล้ว พ่อหมอมักจะเดินผ่านเลยเพราะคิดว่าเรารู้แล้วเสมอ แต่เมื่อหยิบขึ้นมาถาม หมอยาทุกภาคทุกถิ่นจะใช้ลูกใต้ใบเหมือนๆ กัน คือ ส่วนใหญ่ใช้เป็นยาแก้นิ่ว แก้โรคตับ แก้ปวดเมื่อย แก้เบาหวาน ส่วนแม่ๆ ชาวบ้านธรรมดา และไกด์หนุ่มที่เมืองเสียมราฐ
ในประเทศกัมพูชา ไกด์หนุ่มที่ย่างกุ้ง ในประเทศพม่า เมื่อชี้ไปที่ลูกใต้ใบ ทุกคนรู้กันดีว่าสมุนไพรชนิดนี้มีไว้ต้มกิน แก้ไข้ ลูกใต้ใบเป็นสมุนไพรที่แพร่กระจายอยู่ในหลายๆ ประเทศ ทั้งในบราซิล เปรู หมู่เกาะคาริบเบียน สหรัฐอเมริกา อินเดีย ไทย ลาว พม่า เขมร แต่ละพื้นถิ่นที่มีลูกใต้ใบ
จะใช้ประโยชน์ทางยาจากสมุนไพรชนิดนี้เหมือนๆ กัน
ลูกใต้ใบ…สมุนไพรแก้ไข้ แก้อักเสบ แก้ปวดเมื่อย ลูกใต้ใบเป็นสมุนไพรที่
พระธุดงค์ตากแห้งพกติดกาย ชงเป็นชายามเดินธุดงค์เพื่อใช้แก้ไข้ที่เกิดจากสาเหตุต่างๆ อาทิ ไข้หวัด ไข้หวัดใหญ่ ไข้จากการเปลี่ยนแปลงของอากาศ ไข้จากอ่อนเพลีย ไข้จับสั่น รวมทั้งแก้ท้องเสียได้ดีนัก ชาวบ้านในหลายพื้นที่นิยมตากลูกใต้ใบให้แห้งเก็บใส่โหลไว้ชงเป็นชากินเพื่อแก้ไข้ แก้ปวดข้อ แก้อักเสบ
แก้ปวด มีรายงานการวิจัยพบว่าลูกใต้ใบมีฤทธิ์ในการแก้ไข้ แก้อักเสบได้ สอดคล้องกับการใช้ตามภูมิปัญญาชาวบ้าน
ลูกใต้ใบ…สมุนไพรบำรุงตับ ลดอาการตับอักเสบสร้างความสมดุลของไขมันในตับ หมอยาคนจีนเชื่อว่าถ้ากินลูกใต้ใบติดต่อกันหนึ่งสัปดาห์จะช่วยกำจัดพิษออกจากตับ มีผลทำให้สายตาดี บำรุงตับ รักษาอาการดีซ่าน ซึ่งก็คล้ายๆ กับหมอยาพื้นบ้านไทยและหมออายุรเวทอินเดียที่มีความเชื่อว่า ลูกใต้ใบเกิดมาเพื่อตับ ใช้ต้มกินเป็นยาแก้ดีซ่าน แก้ตับอักเสบตัวเหลือง ตาเหลือง
ซึ่งมีรายงานการศึกษาวิจัยพบว่า สารสกัดจากลูกใต้ใบมีฤทธิ์ป้องกันไม่ให้ตับถูกทำลายจากสารพิษ เช่น เหล้า รักษาอาการอักเสบของตับทั้งประเภทเฉียบพลันและเรื้อรัง ลูกใต้ใบยังช่วยปรับไขมันในตับให้เป็นปกติ
ลูกใต้ใบยังเหมาะที่จะใช้ทำเป็นชาสมุนไพรให้กับคนไข้ที่เป็นมะเร็งตับ เพราะมีรายงานการศึกษาวิจัยพบว่า น้ำต้มของลูกใต้ใบทำให้หนูที่เป็นมะเร็งตับมีอายุยืนยาวขึ้น ด้วยกลไกที่ทำให้เซลล์มะเร็งเติบโตช้าลงแต่ไม่ได้ฆ่าเซลล์มะเร็งโดยตรง
ลูกใต้ใบ…สมุนไพรของผู้ป่วยเบาหวานลูกใต้ใบ เป็นสมุนไพรยอดนิยมของผู้ป่วยเบาหวาน หมอยาและชาวบ้านในหลายประเทศ รวมทั้งประเทศไทย เชื่อว่าลูกใต้ใบเป็นสมุนไพรช่วยคุมระดับน้ำตาลในคนเป็นโรคเบาหวานได้ ซึ่งมีการศึกษาวิจัยทางเภสัชวิทยาพบว่าสารสกัดของลูกใต้ใบมีฤทธิ์ลดระดับน้ำตาลในเลือดได้
ข้อแนะนำ...สำหรับการใช้ในผู้ป่วยเบาหวาน หากจะใช้สมุนไพรต้องรับประทานยาแผนปัจจุบันตามคำสั่งแพทย์และมีการตรวจวัดระดับน้ำตาลในเลือดอย่างสม่ำเสมอ ซึ่งมีรายงานที่แสดงให้เห็นว่าลูกใต้ใบช่วยเสริมฤทธิ์ของยาเบาหวาน
ลูกใต้ใบ…สมุนไพร ขับปัสสาวะ ขับนิ่ว
หมอยาทั่วทุกภาคจะใช้ลูกใต้ใบในการเป็นยาขับนิ่วมีรายงานการศึกษาสมัยใหม่ว่าลูกใต้ใบมีสรรพคุณเป็นยาขับปัสสาวะ ซึ่งมีประโยชน์ในการขับนิ่ว และลดความดัน ฤทธิ์ในการขับนิ่วนั้น มิใช่หมอยาพื้นบ้านไทยเท่านั้นที่รู้จักใช้ ในสเปน เรียกลูกใต้ใบว่า Chanca piedra มีความหมายว่า นักทุบหิน หรือทำให้หินเป็นชิ้นเล็กๆ (Stone breaker or Shatter stone) ในบราซิลเรียกลูกใต้ใบว่า Quebra-pedra หรือ Arranca-pedras ซึ่งมีความหมายในทำนองเดียวกัน หมอยาพื้นบ้านในแถบลุ่มน้ำอเมซอนนิยมใช้ลูกใต้ใบ ต้มกินในการรักษานิ่วทั้งนิ่วในถุงน้ำดีและนิ่วในไต มีรายงานการศึกษาพบว่าลูกใต้ใบมีฤทธิ์ทั้งป้องกันและกำจัดนิ่ว
ลูกใต้ใบ เป็นสมุนไพรที่จัดว่ามีการใช้กับระบบทางเดินปัสสาวะมากที่สุดชนิดหนึ่ง โดยมีการนำไปใช้รักษาอาการมีไข่ขาวในปัสสาวะ อาการติดเชื้อในทางเดินปัสสาวะ ทางเดินปัสสาวะอักเสบ ใช้ในการขับปัสสาวะ ลดอาการบวม และขับกรดยูริคออกทางปัสสาวะ ซึ่งช่วยในคนเป็นโรคเก๊าท์
ลูกใต้ใบ เป็นสมุนไพรที่น่าเสียดายว่าหาง่าย ใช้ง่าย เพียงแค่ต้มกินก็ใช้ได้แล้ว ใช้กันมานานทั่วทั้งโลกจนกลายเป็นธุรกิจการลงทุน ในด้านการวิจัยนั้นมักจะลงทุนเพื่อประโยชน์ทางการค้า เป็นความลับทางธุรกิจมากกว่าจะลงทุนวิจัยเพื่อประชาชน เพื่อให้ประชาชนได้ใช้ประโยชน์อย่างกว้างขวาง และในความนึกคิดของคนทั่วไป สมุนไพรมักจะเป็นอะไรที่ต้องออกจากห้องทดลอง อยู่ในรูปแบบของผลิตภัณฑ์สำเร็จรูปสวยงาม ทั้งที่จริงๆ แล้วสมุนไพรเป็นสิ่งที่อยู่ใกล้ตัว ทำเองได้ พึ่งตนเองได้
ข้อควรระวัง ห้ามใช้ในคนท้อง เพราะลูกใต้ใบเป็นยาขับประจำเดือน
ที่มา : หน่วยปฏิบัติการวิจัยเคมีสารสนเทศ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
ด้านงานวิจัย รายงานการวิจัยฤทธิ์ของสมุนไพรใต้ใบทั้งหลาย Phyllanthus amarus พอจะสรุปได้ดังต่อไปนี้
1. ฤทธิ์ต้านไวรัสตับอักเสบ มีรายงานการศึกษาวิจัยฤทธิ์ต้านไวรัสตับอักเสบบี (Hepatitis B virus, HBV) ของสารสกัดของ P. amarus ในห้องปฏิบัติการ และมีการศึกษาวิจัยต่อเนื่องถึงกลไกการออกฤทธิ์ ซึ่งพบว่ามีได้หลายกลไกการออกฤทธิ์ เช่น การยับยั้ง HBV DNA polymerase, ยับยั้ง HBV mRNA transcription & replication เป็นต้น และมีรายงานการวิจัยในคนหลายรายงาน ซึ่ง The Cochrane Hepato-Biliary Group ได้สรุปผลงานวิจัยที่เป็น randomized controlled trial (RCT) ของพืชสกุล Phyllanthus ในโรคตับอักเสบเรื้อรังไว้ มีเพียง 5 รายงานที่มีคุณภาพดี สรุปได้ว่าPhyllanthus sp. ให้ผลบวกต่อการ clearance ของ serum HbsAg เมื่อเทียบกับ placebo หรือเมื่อไม่ให้การรักษาไม่มีความแตกต่างในการ clearance ของ serum HBsAg, HBeAg, HBV DNA ระหว่าง Phyllanthus sp. กับ interferon (IFN) Phyllanthus sp. ให้ผลดีกว่า non-specific treatment หรือยาจากสมุนไพรอื่นๆ ในการ clearance ของ serum HBsAg, HBeAg, HBV DNA และ
การกลับมาเป็นปกติของค่า liver enzymesการใช้ Phyllanthus sp. ร่วมกับ IFN จะให้ผลดีกว่า IFN อย่างเดียวในการ clearance ของ serum HbeAg และ HBV DNAไม่พบ serious adverse event สรุปได้ว่า Phyllanthus sp. อาจมี positive effect ด้าน antiviral activity และต่อ liver biochemistryในโรคตับอักเสบบีแบบเรื้อรัง อย่างไรก็ตาม หลักฐานที่มียังไม่หนักแน่นพอเนื่องจากคุณภาพของวิธีวิจัยและความแตกต่างของสมุนไพรที่นำมาวิจัย จึงควรมีงานวิจัยในขนาดใหญ่ต่อไปในอนาคต
2. ฤทธิ์ยับยั้งเชื้อเอชไอวี สารสกัดด้วยน้ำและสารสกัดด้วยแอลกอฮอล์ของ P. amarus มีฤทธิ์แรงในการยับยั้ง HIV-1 replication โดยสารออกฤทธิ์อยู่ในกลุ่ม gallotannins โดยสาร geraniin และ corilagin มีฤทธิ์แรงที่สุด นอกจากนี้ สารสกัดทั้งสองและสาร geraniin ยังสามารถยับยั้ง virus uptake ได้ 70-75% รวมทั้งยับยั้ง HIV-1 reverse transcriptase ด้วย
3. ฤทธิ์ต้านไวรัสหัวเหลือง (Yellow head virus, YHV) ในกุ้งกุลาดำ นักวิจัยของกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ได้ร่วมมือกับสถาบันวิจัยการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำชายฝั่ง จังหวัดสงขลา ทำการวิจัยฤทธิ์ของสารสกัดสมุนไพรลูกใต้ใบชนิด P. urinaria ที่ผสมในอาหารในการป้องกันการติดเชื้อ YHV ในกุ้งกุลาดำ โดยเอากุ้งมาฉีดเชื้อ YHV พบว่ากุ้งที่ได้รับอาหารที่ผสมสารสกัดสมุนไพรมีอัตราการรอดตายสูง และสามารถฟื้นเป็นปกติได้ เมื่อเทียบกับกลุ่มควบคุมที่ไม่พบอัตราการรอดเลย
4. ฤทธิ์ต้านอักเสบ สารสกัดของ P. amarus มีฤทธิ์ต้านอักเสบโดยการยับยั้ง endotoxin-induced nitric oxide synthase (iNOS), cyclooxygenase (COX-2) และ tumor necrosis factor-alpha (TNF-) และสารสกัดด้วยน้ำและสารสกัดด้วยเมธานอลมีฤทธิ์ต้านอักเสบโดยลดการบวมของอุ้งเท้าหนูได้
5. ฤทธิ์ antioxidant และต้านอนุมูลอิสระ สารสกัดด้วยเมธานอลของ P. amarus มีฤทธิ์ antioxidant สามารถยับยั้ง lipid peroxidation และต้านอนุมูลอิสระได้เมื่อศึกษาในหลอดทดลอง
6. ฤทธิ์ลดการเจ็บปวดและอาการบวม สารสกัดด้วยแอลกอฮอล์ผสมกับน้ำ (hydroalcoholic extract) มีฤทธิ์ต้านอาการเจ็บปวดจากการได้รับสารต่างๆ เช่น acetic acid, formalin หรือ capsiacin และสารสกัดด้วยเฮกเซนสามารถต้านอาการบวมและอาการเจ็บปวดในหนูที่ได้รับ Complete Freund’s adjuvant ฉีดเข้าอุ้งเท้าได้
7. ฤทธิ์ต้านการเกิดแผลของกระเพาะอาหาร สารสกัดด้วยเมธานอลของ P. amarus สามารถลดอัตราตาย พื้นที่ที่เกิดแผลในกระเพาะอาหาร และอาการเลือดออก เนื่องจากได้รับเอธานอลได้
8. ฤทธิ์ต้านอาการท้องเสีย สารสกัดด้วยน้ำของ P. amarus สามารถลดการเคลื่อนตัวของอาหารในลำไส้หนูถีบจักร ชะลอการเกิดท้องเสีย และจำนวนครั้งที่ถ่ายหลังจากได้รับน้ำมันละหุ่ง
9. ฤทธิ์ลดน้ำตาลในเลือด สารสกัดด้วยเมธานอลของ P. amarus มีฤทธิ์ลดน้ำตาลในเลือดในหนูที่ถูกทำให้เป็นเบาหวานด้วยการฉีดสาร alloxan
10. ฤทธิ์ต้านการก่อกลายพันธุ์ สารสกัดด้วยเมธานอลของ P. amarus มีฤทธิ์ต้านการก่อกลายพันธุ์ของสาร 2-acetaminofluorene (2-AFF),aflatoxin B1,sodium azide,N-methyl-N-nitro-N-nitrosoguanidineและ4-nitro-O-phenylenediamine เมื่อศึกษาด้วยAmes test
11. ฤทธิ์ต้านเนื้องอกและต้านมะเร็ง สารสกัดด้วยน้ำของ P. amarus สามารถต้านการเกิดมะเร็ง sarcoma ในหนูที่ได้รับสารก่อมะเร็ง 20-methylcholanthrene และยืดอายุของหนูที่ได้รับการปลูกถ่ายเซลล์มะเร็ง Dalton’s lymphoma ascites และ Ehrlich Ascites carcinoma และทำให้ก้อนเนื้องอกมีขนาดเล็กลง
12. ฤทธิ์คุมกำเนิด เมื่อป้อนสารสกัดด้วยแอลกอฮอล์ของ P. amarus ทั้งต้นแก่หนูถีบจักรเพศเมีย ในขนาด 100 มก./กก. 30 วัน พบว่ามีผลต่อระดับเอนไซม์ 3 beta & 17 beta hydroxy steroid dehydrogenase ทำให้หนูไม่ตั้งท้องเมื่อเลี้ยงรวมกับหนูเพศผู้
ที่มา : กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์
การทดลองใช้ยาสมุนไพรรักษาไวรัสตับอักเสบ
พืชสมุนไพรหลายชนิดมีฤทธิ์ยับยั้งการสังเคราะห์ดีเอ็นเอของไวรัสชนิดนี้ และสารสกัดของลูกใต้ใบหรือมะขามป้อมดิน แพทย์ชาวอเมริกันและอินเดียได้ร่วมกันทำการทดลองพบว่า ยาสมุนไพรที่ใช้สืบต่อกันมามากกว่า 2,000 ปี สามารถรักษาโรคไวรัสตับอักเสบชนิด บี ได้ผลดี
การทดลองนี้เป็นความร่วมมือระหว่างคณะแพทย์จากสถาบันวิจัยมะเร็งแห่ง
ฟิลาเดลเฟีย สหรัฐอเมริกา และคณะแพทย์อินเดียแห่งเมืองมีคราสได้ศึกษาวิจัยพืชสมุนไพรชนิดต่างๆ ที่มีการใช้รักษาอาการดีซ่านมาตั้งแต่โบราณ
โดยได้นำพืชสมุนไพรกว่า 1,000 ชนิดที่ใช้กันทั่วโลกมาทดสอบความสามารถในการยับยั้งปฏิกิริยาของเอนไซม์ที่ใช้ในการสังเคราะห์สารดีเอ็นเอ ซึ่งจำเป็นในการเพิ่มจำนวนของเชื้อไวรัสตับอักเสบ บี ในร่างกายของผู้ป่วย
จากการทดลองพบว่า พืชสมุนไพรหลายชนิดมีฤทธิ์ยับยั้งการสังเคราะห์ดีเอ็นเอของไวรัสชนิดนี้ และสารสกัดของมะขามป้อมดิน (บางแห่งเรียก ลูกใต้ใบ หญ้าใต้ใบขาว) มีฤทธิ์สูงสุด การทดลองทางคลินิกในมีคราสทำโดยให้แคปซูลยาสมุนไพร 200 มิลลิกรัมน้ำหนักแห้งแก่ผู้ป่วยไวรัสตับอักเสบ บี 37 คน วันละครั้ง 30 วันติดต่อกันพร้อมกับให้ยาหลอกซึ่งภายในแคปซูลบรรจุน้ำตาลแล็กโทสแทน 23 คน หลังจากนั้นเจาะเลือดผู้ป่วยมาตรวจหาเชื้อไวรัส พบว่าผู้ป่วย 22 คน (ร้อยละ 59) ไม่มีเชื้อไวรัสในกระแสเลือด ในขณะที่ผู้ป่วยที่ได้รับยาหลอกเพียง 1 คนที่ไม่พบเชื้อไวรัสในกระแสเลือด และภายหลังการติดตามผลการรักษาต่อไปอีก 9 เดือน พบว่า ผู้ป่วยทั้ง 22 คน ยังคงตรวจไม่พบเชื้อไวรัสในกระแสเลือดต่อไป
แพทย์พบว่า ผู้ป่วยที่ได้รับการรักษาแต่ไม่ได้ผลยังพบเชื้อไวรัสอยู่นั้น เนื่องจากผู้ป่วยกลุ่มนั้นเพิ่งได้รับเชื้อไวรัสใหม่ๆ จึงยังคงมีเชื้อไวรัสจำนวนมากมายในระยะเพิ่มจำนวนอย่างรวดเร็ว จึงควรจะให้ยาในขนาดที่สูงขึ้นอีก การใช้มะขามป้อมดินในการรักษาอาการดีซ่านนี้ ได้กล่าวไว้ครั้งแรกในตำราอายุรเวทอินเดียมานานกว่า 2,000 ปีแล้ว และสารสกัดจากพืชนี้ได้มีการใช้รักษาอาการดีซ่านในประเทศจีน ฟิลิปปินส์ คิวบา ไนจีเรีย กวม แอฟริกาตะวันออกและตะวันตก อเมริกาใต้และอเมริกากลาง และพืชในตระกูลนี้กว่า 900 ชนิด พบขึ้นอยู่ทั่วไปในเขตร้อน
(จาก Herbal drug succeed in hepatitis trials. Far East Health 2531;11:8)
ร.ศ.จันทร์เพ็ญ วิวัฒน์
เรื่องน่ารู้ของลูกใต้ใบ : ยาแก้ไข้ บำรุงตับ ไต และแก้นิ่ว
ลูกใต้ใบ...สมุนไพร แก้ไข้ ของผองชน ลูกใต้ใบเป็นสมุนไพรที่คนส่วนใหญ่รู้จักดี เพราะขึ้นในทุกพื้นที่ทุกภาคของประเทศไทย ซึ่งในสายตาของหมอยาแล้วลูกใต้ใบเป็นสมุนไพรที่พื้นๆ มาก เวลาเดินเก็บยาด้วยกันแล้ว พ่อหมอมักจะเดินผ่านเลยเพราะคิดว่าเรารู้แล้วเสมอ แต่เมื่อหยิบขึ้นมาถาม หมอยาทุกภาคทุกถิ่นจะใช้ลูกใต้ใบเหมือนๆ กัน คือ ส่วนใหญ่ใช้เป็นยาแก้นิ่ว แก้โรคตับ แก้ปวดเมื่อย แก้เบาหวาน ส่วนแม่ๆ ชาวบ้านธรรมดา และไกด์หนุ่มที่เมืองเสียมราฐ
ในประเทศกัมพูชา ไกด์หนุ่มที่ย่างกุ้ง ในประเทศพม่า เมื่อชี้ไปที่ลูกใต้ใบ ทุกคนรู้กันดีว่าสมุนไพรชนิดนี้มีไว้ต้มกิน แก้ไข้ ลูกใต้ใบเป็นสมุนไพรที่แพร่กระจายอยู่ในหลายๆ ประเทศ ทั้งในบราซิล เปรู หมู่เกาะคาริบเบียน สหรัฐอเมริกา อินเดีย ไทย ลาว พม่า เขมร แต่ละพื้นถิ่นที่มีลูกใต้ใบ
จะใช้ประโยชน์ทางยาจากสมุนไพรชนิดนี้เหมือนๆ กัน
ลูกใต้ใบ…สมุนไพรแก้ไข้ แก้อักเสบ แก้ปวดเมื่อย ลูกใต้ใบเป็นสมุนไพรที่
พระธุดงค์ตากแห้งพกติดกาย ชงเป็นชายามเดินธุดงค์เพื่อใช้แก้ไข้ที่เกิดจากสาเหตุต่างๆ อาทิ ไข้หวัด ไข้หวัดใหญ่ ไข้จากการเปลี่ยนแปลงของอากาศ ไข้จากอ่อนเพลีย ไข้จับสั่น รวมทั้งแก้ท้องเสียได้ดีนัก ชาวบ้านในหลายพื้นที่นิยมตากลูกใต้ใบให้แห้งเก็บใส่โหลไว้ชงเป็นชากินเพื่อแก้ไข้ แก้ปวดข้อ แก้อักเสบ
แก้ปวด มีรายงานการวิจัยพบว่าลูกใต้ใบมีฤทธิ์ในการแก้ไข้ แก้อักเสบได้ สอดคล้องกับการใช้ตามภูมิปัญญาชาวบ้าน
ลูกใต้ใบ…สมุนไพรบำรุงตับ ลดอาการตับอักเสบสร้างความสมดุลของไขมันในตับ หมอยาคนจีนเชื่อว่าถ้ากินลูกใต้ใบติดต่อกันหนึ่งสัปดาห์จะช่วยกำจัดพิษออกจากตับ มีผลทำให้สายตาดี บำรุงตับ รักษาอาการดีซ่าน ซึ่งก็คล้ายๆ กับหมอยาพื้นบ้านไทยและหมออายุรเวทอินเดียที่มีความเชื่อว่า ลูกใต้ใบเกิดมาเพื่อตับ ใช้ต้มกินเป็นยาแก้ดีซ่าน แก้ตับอักเสบตัวเหลือง ตาเหลือง
ซึ่งมีรายงานการศึกษาวิจัยพบว่า สารสกัดจากลูกใต้ใบมีฤทธิ์ป้องกันไม่ให้ตับถูกทำลายจากสารพิษ เช่น เหล้า รักษาอาการอักเสบของตับทั้งประเภทเฉียบพลันและเรื้อรัง ลูกใต้ใบยังช่วยปรับไขมันในตับให้เป็นปกติ
ลูกใต้ใบยังเหมาะที่จะใช้ทำเป็นชาสมุนไพรให้กับคนไข้ที่เป็นมะเร็งตับ เพราะมีรายงานการศึกษาวิจัยพบว่า น้ำต้มของลูกใต้ใบทำให้หนูที่เป็นมะเร็งตับมีอายุยืนยาวขึ้น ด้วยกลไกที่ทำให้เซลล์มะเร็งเติบโตช้าลงแต่ไม่ได้ฆ่าเซลล์มะเร็งโดยตรง
ลูกใต้ใบ…สมุนไพรของผู้ป่วยเบาหวานลูกใต้ใบ เป็นสมุนไพรยอดนิยมของผู้ป่วยเบาหวาน หมอยาและชาวบ้านในหลายประเทศ รวมทั้งประเทศไทย เชื่อว่าลูกใต้ใบเป็นสมุนไพรช่วยคุมระดับน้ำตาลในคนเป็นโรคเบาหวานได้ ซึ่งมีการศึกษาวิจัยทางเภสัชวิทยาพบว่าสารสกัดของลูกใต้ใบมีฤทธิ์ลดระดับน้ำตาลในเลือดได้
ข้อแนะนำ...สำหรับการใช้ในผู้ป่วยเบาหวาน หากจะใช้สมุนไพรต้องรับประทานยาแผนปัจจุบันตามคำสั่งแพทย์และมีการตรวจวัดระดับน้ำตาลในเลือดอย่างสม่ำเสมอ ซึ่งมีรายงานที่แสดงให้เห็นว่าลูกใต้ใบช่วยเสริมฤทธิ์ของยาเบาหวาน
ลูกใต้ใบ…สมุนไพร ขับปัสสาวะ ขับนิ่ว
หมอยาทั่วทุกภาคจะใช้ลูกใต้ใบในการเป็นยาขับนิ่วมีรายงานการศึกษาสมัยใหม่ว่าลูกใต้ใบมีสรรพคุณเป็นยาขับปัสสาวะ ซึ่งมีประโยชน์ในการขับนิ่ว และลดความดัน ฤทธิ์ในการขับนิ่วนั้น มิใช่หมอยาพื้นบ้านไทยเท่านั้นที่รู้จักใช้ ในสเปน เรียกลูกใต้ใบว่า Chanca piedra มีความหมายว่า นักทุบหิน หรือทำให้หินเป็นชิ้นเล็กๆ (Stone breaker or Shatter stone) ในบราซิลเรียกลูกใต้ใบว่า Quebra-pedra หรือ Arranca-pedras ซึ่งมีความหมายในทำนองเดียวกัน หมอยาพื้นบ้านในแถบลุ่มน้ำอเมซอนนิยมใช้ลูกใต้ใบ ต้มกินในการรักษานิ่วทั้งนิ่วในถุงน้ำดีและนิ่วในไต มีรายงานการศึกษาพบว่าลูกใต้ใบมีฤทธิ์ทั้งป้องกันและกำจัดนิ่ว
ลูกใต้ใบ เป็นสมุนไพรที่จัดว่ามีการใช้กับระบบทางเดินปัสสาวะมากที่สุดชนิดหนึ่ง โดยมีการนำไปใช้รักษาอาการมีไข่ขาวในปัสสาวะ อาการติดเชื้อในทางเดินปัสสาวะ ทางเดินปัสสาวะอักเสบ ใช้ในการขับปัสสาวะ ลดอาการบวม และขับกรดยูริคออกทางปัสสาวะ ซึ่งช่วยในคนเป็นโรคเก๊าท์
ลูกใต้ใบ เป็นสมุนไพรที่น่าเสียดายว่าหาง่าย ใช้ง่าย เพียงแค่ต้มกินก็ใช้ได้แล้ว ใช้กันมานานทั่วทั้งโลกจนกลายเป็นธุรกิจการลงทุน ในด้านการวิจัยนั้นมักจะลงทุนเพื่อประโยชน์ทางการค้า เป็นความลับทางธุรกิจมากกว่าจะลงทุนวิจัยเพื่อประชาชน เพื่อให้ประชาชนได้ใช้ประโยชน์อย่างกว้างขวาง และในความนึกคิดของคนทั่วไป สมุนไพรมักจะเป็นอะไรที่ต้องออกจากห้องทดลอง อยู่ในรูปแบบของผลิตภัณฑ์สำเร็จรูปสวยงาม ทั้งที่จริงๆ แล้วสมุนไพรเป็นสิ่งที่อยู่ใกล้ตัว ทำเองได้ พึ่งตนเองได้
ข้อควรระวัง ห้ามใช้ในคนท้อง เพราะลูกใต้ใบเป็นยาขับประจำเดือน
ที่มา : หน่วยปฏิบัติการวิจัยเคมีสารสนเทศ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
ด้านงานวิจัย รายงานการวิจัยฤทธิ์ของสมุนไพรใต้ใบทั้งหลาย Phyllanthus amarus พอจะสรุปได้ดังต่อไปนี้
1. ฤทธิ์ต้านไวรัสตับอักเสบ มีรายงานการศึกษาวิจัยฤทธิ์ต้านไวรัสตับอักเสบบี (Hepatitis B virus, HBV) ของสารสกัดของ P. amarus ในห้องปฏิบัติการ และมีการศึกษาวิจัยต่อเนื่องถึงกลไกการออกฤทธิ์ ซึ่งพบว่ามีได้หลายกลไกการออกฤทธิ์ เช่น การยับยั้ง HBV DNA polymerase, ยับยั้ง HBV mRNA transcription & replication เป็นต้น และมีรายงานการวิจัยในคนหลายรายงาน ซึ่ง The Cochrane Hepato-Biliary Group ได้สรุปผลงานวิจัยที่เป็น randomized controlled trial (RCT) ของพืชสกุล Phyllanthus ในโรคตับอักเสบเรื้อรังไว้ มีเพียง 5 รายงานที่มีคุณภาพดี สรุปได้ว่าPhyllanthus sp. ให้ผลบวกต่อการ clearance ของ serum HbsAg เมื่อเทียบกับ placebo หรือเมื่อไม่ให้การรักษาไม่มีความแตกต่างในการ clearance ของ serum HBsAg, HBeAg, HBV DNA ระหว่าง Phyllanthus sp. กับ interferon (IFN) Phyllanthus sp. ให้ผลดีกว่า non-specific treatment หรือยาจากสมุนไพรอื่นๆ ในการ clearance ของ serum HBsAg, HBeAg, HBV DNA และ
การกลับมาเป็นปกติของค่า liver enzymesการใช้ Phyllanthus sp. ร่วมกับ IFN จะให้ผลดีกว่า IFN อย่างเดียวในการ clearance ของ serum HbeAg และ HBV DNAไม่พบ serious adverse event สรุปได้ว่า Phyllanthus sp. อาจมี positive effect ด้าน antiviral activity และต่อ liver biochemistryในโรคตับอักเสบบีแบบเรื้อรัง อย่างไรก็ตาม หลักฐานที่มียังไม่หนักแน่นพอเนื่องจากคุณภาพของวิธีวิจัยและความแตกต่างของสมุนไพรที่นำมาวิจัย จึงควรมีงานวิจัยในขนาดใหญ่ต่อไปในอนาคต
2. ฤทธิ์ยับยั้งเชื้อเอชไอวี สารสกัดด้วยน้ำและสารสกัดด้วยแอลกอฮอล์ของ P. amarus มีฤทธิ์แรงในการยับยั้ง HIV-1 replication โดยสารออกฤทธิ์อยู่ในกลุ่ม gallotannins โดยสาร geraniin และ corilagin มีฤทธิ์แรงที่สุด นอกจากนี้ สารสกัดทั้งสองและสาร geraniin ยังสามารถยับยั้ง virus uptake ได้ 70-75% รวมทั้งยับยั้ง HIV-1 reverse transcriptase ด้วย
3. ฤทธิ์ต้านไวรัสหัวเหลือง (Yellow head virus, YHV) ในกุ้งกุลาดำ นักวิจัยของกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ได้ร่วมมือกับสถาบันวิจัยการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำชายฝั่ง จังหวัดสงขลา ทำการวิจัยฤทธิ์ของสารสกัดสมุนไพรลูกใต้ใบชนิด P. urinaria ที่ผสมในอาหารในการป้องกันการติดเชื้อ YHV ในกุ้งกุลาดำ โดยเอากุ้งมาฉีดเชื้อ YHV พบว่ากุ้งที่ได้รับอาหารที่ผสมสารสกัดสมุนไพรมีอัตราการรอดตายสูง และสามารถฟื้นเป็นปกติได้ เมื่อเทียบกับกลุ่มควบคุมที่ไม่พบอัตราการรอดเลย
4. ฤทธิ์ต้านอักเสบ สารสกัดของ P. amarus มีฤทธิ์ต้านอักเสบโดยการยับยั้ง endotoxin-induced nitric oxide synthase (iNOS), cyclooxygenase (COX-2) และ tumor necrosis factor-alpha (TNF-) และสารสกัดด้วยน้ำและสารสกัดด้วยเมธานอลมีฤทธิ์ต้านอักเสบโดยลดการบวมของอุ้งเท้าหนูได้
5. ฤทธิ์ antioxidant และต้านอนุมูลอิสระ สารสกัดด้วยเมธานอลของ P. amarus มีฤทธิ์ antioxidant สามารถยับยั้ง lipid peroxidation และต้านอนุมูลอิสระได้เมื่อศึกษาในหลอดทดลอง
6. ฤทธิ์ลดการเจ็บปวดและอาการบวม สารสกัดด้วยแอลกอฮอล์ผสมกับน้ำ (hydroalcoholic extract) มีฤทธิ์ต้านอาการเจ็บปวดจากการได้รับสารต่างๆ เช่น acetic acid, formalin หรือ capsiacin และสารสกัดด้วยเฮกเซนสามารถต้านอาการบวมและอาการเจ็บปวดในหนูที่ได้รับ Complete Freund’s adjuvant ฉีดเข้าอุ้งเท้าได้
7. ฤทธิ์ต้านการเกิดแผลของกระเพาะอาหาร สารสกัดด้วยเมธานอลของ P. amarus สามารถลดอัตราตาย พื้นที่ที่เกิดแผลในกระเพาะอาหาร และอาการเลือดออก เนื่องจากได้รับเอธานอลได้
8. ฤทธิ์ต้านอาการท้องเสีย สารสกัดด้วยน้ำของ P. amarus สามารถลดการเคลื่อนตัวของอาหารในลำไส้หนูถีบจักร ชะลอการเกิดท้องเสีย และจำนวนครั้งที่ถ่ายหลังจากได้รับน้ำมันละหุ่ง
9. ฤทธิ์ลดน้ำตาลในเลือด สารสกัดด้วยเมธานอลของ P. amarus มีฤทธิ์ลดน้ำตาลในเลือดในหนูที่ถูกทำให้เป็นเบาหวานด้วยการฉีดสาร alloxan
10. ฤทธิ์ต้านการก่อกลายพันธุ์ สารสกัดด้วยเมธานอลของ P. amarus มีฤทธิ์ต้านการก่อกลายพันธุ์ของสาร 2-acetaminofluorene (2-AFF),aflatoxin B1,sodium azide,N-methyl-N-nitro-N-nitrosoguanidineและ4-nitro-O-phenylenediamine เมื่อศึกษาด้วยAmes test
11. ฤทธิ์ต้านเนื้องอกและต้านมะเร็ง สารสกัดด้วยน้ำของ P. amarus สามารถต้านการเกิดมะเร็ง sarcoma ในหนูที่ได้รับสารก่อมะเร็ง 20-methylcholanthrene และยืดอายุของหนูที่ได้รับการปลูกถ่ายเซลล์มะเร็ง Dalton’s lymphoma ascites และ Ehrlich Ascites carcinoma และทำให้ก้อนเนื้องอกมีขนาดเล็กลง
12. ฤทธิ์คุมกำเนิด เมื่อป้อนสารสกัดด้วยแอลกอฮอล์ของ P. amarus ทั้งต้นแก่หนูถีบจักรเพศเมีย ในขนาด 100 มก./กก. 30 วัน พบว่ามีผลต่อระดับเอนไซม์ 3 beta & 17 beta hydroxy steroid dehydrogenase ทำให้หนูไม่ตั้งท้องเมื่อเลี้ยงรวมกับหนูเพศผู้
ที่มา : กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์
การทดลองใช้ยาสมุนไพรรักษาไวรัสตับอักเสบ
พืชสมุนไพรหลายชนิดมีฤทธิ์ยับยั้งการสังเคราะห์ดีเอ็นเอของไวรัสชนิดนี้ และสารสกัดของลูกใต้ใบหรือมะขามป้อมดิน แพทย์ชาวอเมริกันและอินเดียได้ร่วมกันทำการทดลองพบว่า ยาสมุนไพรที่ใช้สืบต่อกันมามากกว่า 2,000 ปี สามารถรักษาโรคไวรัสตับอักเสบชนิด บี ได้ผลดี
การทดลองนี้เป็นความร่วมมือระหว่างคณะแพทย์จากสถาบันวิจัยมะเร็งแห่ง
ฟิลาเดลเฟีย สหรัฐอเมริกา และคณะแพทย์อินเดียแห่งเมืองมีคราสได้ศึกษาวิจัยพืชสมุนไพรชนิดต่างๆ ที่มีการใช้รักษาอาการดีซ่านมาตั้งแต่โบราณ
โดยได้นำพืชสมุนไพรกว่า 1,000 ชนิดที่ใช้กันทั่วโลกมาทดสอบความสามารถในการยับยั้งปฏิกิริยาของเอนไซม์ที่ใช้ในการสังเคราะห์สารดีเอ็นเอ ซึ่งจำเป็นในการเพิ่มจำนวนของเชื้อไวรัสตับอักเสบ บี ในร่างกายของผู้ป่วย
จากการทดลองพบว่า พืชสมุนไพรหลายชนิดมีฤทธิ์ยับยั้งการสังเคราะห์ดีเอ็นเอของไวรัสชนิดนี้ และสารสกัดของมะขามป้อมดิน (บางแห่งเรียก ลูกใต้ใบ หญ้าใต้ใบขาว) มีฤทธิ์สูงสุด การทดลองทางคลินิกในมีคราสทำโดยให้แคปซูลยาสมุนไพร 200 มิลลิกรัมน้ำหนักแห้งแก่ผู้ป่วยไวรัสตับอักเสบ บี 37 คน วันละครั้ง 30 วันติดต่อกันพร้อมกับให้ยาหลอกซึ่งภายในแคปซูลบรรจุน้ำตาลแล็กโทสแทน 23 คน หลังจากนั้นเจาะเลือดผู้ป่วยมาตรวจหาเชื้อไวรัส พบว่าผู้ป่วย 22 คน (ร้อยละ 59) ไม่มีเชื้อไวรัสในกระแสเลือด ในขณะที่ผู้ป่วยที่ได้รับยาหลอกเพียง 1 คนที่ไม่พบเชื้อไวรัสในกระแสเลือด และภายหลังการติดตามผลการรักษาต่อไปอีก 9 เดือน พบว่า ผู้ป่วยทั้ง 22 คน ยังคงตรวจไม่พบเชื้อไวรัสในกระแสเลือดต่อไป
แพทย์พบว่า ผู้ป่วยที่ได้รับการรักษาแต่ไม่ได้ผลยังพบเชื้อไวรัสอยู่นั้น เนื่องจากผู้ป่วยกลุ่มนั้นเพิ่งได้รับเชื้อไวรัสใหม่ๆ จึงยังคงมีเชื้อไวรัสจำนวนมากมายในระยะเพิ่มจำนวนอย่างรวดเร็ว จึงควรจะให้ยาในขนาดที่สูงขึ้นอีก การใช้มะขามป้อมดินในการรักษาอาการดีซ่านนี้ ได้กล่าวไว้ครั้งแรกในตำราอายุรเวทอินเดียมานานกว่า 2,000 ปีแล้ว และสารสกัดจากพืชนี้ได้มีการใช้รักษาอาการดีซ่านในประเทศจีน ฟิลิปปินส์ คิวบา ไนจีเรีย กวม แอฟริกาตะวันออกและตะวันตก อเมริกาใต้และอเมริกากลาง และพืชในตระกูลนี้กว่า 900 ชนิด พบขึ้นอยู่ทั่วไปในเขตร้อน
(จาก Herbal drug succeed in hepatitis trials. Far East Health 2531;11:8)
ร.ศ.จันทร์เพ็ญ วิวัฒน์
one plus one
1
no comments
no shares
ลูกใต้ใบ ช่วยคนไทย ห่างไกลโรคตับ ตอนที่ 5
คำถามฮิต เกี่ยวกับลูกใต้ใบ และโรคตับ พร้อมแล้วครับ
..............................................................
1.ลูกใต้ใบ ช่วยเรื่องการฟื้นฟูตับได้จริงหรือ
สรรพคุณที่โดดเด่นที่สุดของลูกใต้ใบ อ้างอิงจากงานวิจัยของ มหาวิทยาลัยนราธิวาสราชนครินทร์ ว่าด้วยเรื่องสรรพคุณและการทดลองของลูกใต้ใบ พบว่าสามารถช่วยฟื้นฟูตับจากสภาวะต่างๆ ได้ครับ เช่น ตับแข็งจากสุรา ไวรัส และ ไขมันพอกตับ
2.อะไรเป็นสาเหตุของมะเร็งตับ
แต่ก่อนเราจะเข้าใจกันว่า สาเหตุหลักของโรคมะเร็งตับ จะมาจากสุรา หรือแอลกอฮอล์ที่เราดื่มเข้าไปเป็นหลัก
แต่ระยะหลัง วงการแพทย์ตระหนักแล้วว่า ไม่ใช่ผู้ที่ดื่มสุราเท่านั้น ที่มีความเสี่ยงในการเกิดโรคตับแข็ง
และลุกลามไปเป็นมะเร็งตับ แต่ผู้ที่เป็นไวรัสตับอักเสบ และผู้ที่มีคลอเรสเตอรอลในเลือดสูง
จนเป็นไขมันพอกตับ ก็มีความเสี่ยงในการเป็นมะเร็งตับไม่แพ้กันครับ
3.ไวรัสตับอักเสบ เกี่ยวอะไรกับมะเร็งตับ
ไวรัสตับอักเสบบีทำให้เกิดการอักเสบของเซลล์ตับและทำให้เซลล์ตับตาย หากเป็นเรื้อรังจะเกิดพังผืด ตับแข็ง และมะเร็งตับได้ จากหลักฐานการศึกษาในปัจจุบันบ่งชี้ว่าการติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบีเป็นปัจจัยเสี่ยงที่สำคัญที่สุดในการเกิดมะเร็งตับ ซึ่งเป็นโรคมะเร็งที่พบมากที่สุดในคนไทย
4.ทำไมลูกใต้ใบจึงช่วยผู้ป่วยโรคไวรัสตับอักเสบได้
จากงานวิจัยอีกเช่นกัน ลูกใต้ใบ สามารถยับยั้งการแบ่งเซลล์ของไวรัสตับอักเสบได้
จึงช่วยให้ร่างกายมีโอกาสที่จะฟื้นฟูสภาพตับได้ดีขึ้น และรักษาสมดุลของร่างกาย
5.ลูกใต้ใบสามารถยับยั้งเชื้อ HIV ได้จริงหรือไม่
ในงานวิจัย โดยการใช้สารสกัดด้วยน้ำ และแอลกอฮอล์ของ P.amarus หรือลูกใต้ใบ จากการทดลองพบว่า
มีฤทธิ์ในการยับยั้ง HIV-1 โดยสารออกฤทธิ์อยู่ในกลุ่ม gallotannin โดยสาร ellagitannins, geraniin และ corilagin มีฤทธิ์แรงที่สุด นอกจากนี้ ยังสามารถยับยั้ง HIV ได้ประมาณ 30% และมีผลยับยั้ง HIV ทั้งใน in vitro แบะ in vivo
...........................................................................................
https://www.facebook.com/khaolaor/posts/1215109791848283
คำถามฮิต เกี่ยวกับลูกใต้ใบ และโรคตับ พร้อมแล้วครับ
..............................................................
1.ลูกใต้ใบ ช่วยเรื่องการฟื้นฟูตับได้จริงหรือ
สรรพคุณที่โดดเด่นที่สุดของลูกใต้ใบ อ้างอิงจากงานวิจัยของ มหาวิทยาลัยนราธิวาสราชนครินทร์ ว่าด้วยเรื่องสรรพคุณและการทดลองของลูกใต้ใบ พบว่าสามารถช่วยฟื้นฟูตับจากสภาวะต่างๆ ได้ครับ เช่น ตับแข็งจากสุรา ไวรัส และ ไขมันพอกตับ
2.อะไรเป็นสาเหตุของมะเร็งตับ
แต่ก่อนเราจะเข้าใจกันว่า สาเหตุหลักของโรคมะเร็งตับ จะมาจากสุรา หรือแอลกอฮอล์ที่เราดื่มเข้าไปเป็นหลัก
แต่ระยะหลัง วงการแพทย์ตระหนักแล้วว่า ไม่ใช่ผู้ที่ดื่มสุราเท่านั้น ที่มีความเสี่ยงในการเกิดโรคตับแข็ง
และลุกลามไปเป็นมะเร็งตับ แต่ผู้ที่เป็นไวรัสตับอักเสบ และผู้ที่มีคลอเรสเตอรอลในเลือดสูง
จนเป็นไขมันพอกตับ ก็มีความเสี่ยงในการเป็นมะเร็งตับไม่แพ้กันครับ
3.ไวรัสตับอักเสบ เกี่ยวอะไรกับมะเร็งตับ
ไวรัสตับอักเสบบีทำให้เกิดการอักเสบของเซลล์ตับและทำให้เซลล์ตับตาย หากเป็นเรื้อรังจะเกิดพังผืด ตับแข็ง และมะเร็งตับได้ จากหลักฐานการศึกษาในปัจจุบันบ่งชี้ว่าการติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบีเป็นปัจจัยเสี่ยงที่สำคัญที่สุดในการเกิดมะเร็งตับ ซึ่งเป็นโรคมะเร็งที่พบมากที่สุดในคนไทย
4.ทำไมลูกใต้ใบจึงช่วยผู้ป่วยโรคไวรัสตับอักเสบได้
จากงานวิจัยอีกเช่นกัน ลูกใต้ใบ สามารถยับยั้งการแบ่งเซลล์ของไวรัสตับอักเสบได้
จึงช่วยให้ร่างกายมีโอกาสที่จะฟื้นฟูสภาพตับได้ดีขึ้น และรักษาสมดุลของร่างกาย
5.ลูกใต้ใบสามารถยับยั้งเชื้อ HIV ได้จริงหรือไม่
ในงานวิจัย โดยการใช้สารสกัดด้วยน้ำ และแอลกอฮอล์ของ P.amarus หรือลูกใต้ใบ จากการทดลองพบว่า
มีฤทธิ์ในการยับยั้ง HIV-1 โดยสารออกฤทธิ์อยู่ในกลุ่ม gallotannin โดยสาร ellagitannins, geraniin และ corilagin มีฤทธิ์แรงที่สุด นอกจากนี้ ยังสามารถยับยั้ง HIV ได้ประมาณ 30% และมีผลยับยั้ง HIV ทั้งใน in vitro แบะ in vivo
...........................................................................................
https://www.facebook.com/khaolaor/posts/1215109791848283
no plus ones
no comments
no shares
ลูกใต้ใบ...สมุนไพรบำรุงตับ
กระทรวงสาธารณสุขเปิดเผยว่า ปัจจุบันนี้คนไทยมีอัตราการเสียชีวิตจากโรคเกี่ยวกับตับสูงที่สุดในโลก โดยเฉลี่ยชาย = 36.9 ต่อประชากร 100,000 คน และหญิง = 15.2 ต่อประชากร 100,000 คน ไม่ว่าจะเป็นโรคมะเร็งตับ โรคไวรัสตับอักเสบบี ภาวะสะสมไขมันในตับ ตับแข็ง เป็นต้น โดยแต่ละวันมีผู้ป่วยรายใหม่เฉลี่ยถึง 30 รายทั่วประเทศ ทั้งยังมีแนวโน้มมากขึ้นเรื่อยๆ
มีการกล่าวถึงสมุนไพร "ลูกใต้ใบ" ซึ่งมีผลช่วยบำรุงตับ ลดอาการตับอักเสบ และมีสรรพคุณทางยาอื่นๆ มากมายไว้ในหนังสือบันทึกของแผ่นดิน ดังนี้
"ลูกใต้ใบ" มีชื่อวิทยาศาสตร์ Phyllanthus amarus Schumach & Thonn อยู่ในวงศ์ EUPHORBIACEAE เป็นสมุนไพรที่แพร่กระจายอยู่ในหลายๆ ประเทศ เช่น บราซิล เปรู หมู่เกาะแคริบเบียน สหรัฐอเมริกา อินเดีย ไทย ลาว พม่า เขมร และเป็นสมุนไพรที่คนไทยส่วนใหญ่รู้จักดี เพราะขึ้นในทุกพื้นที่ทุกภาคของประเทศไทย ในแต่ละพื้นถิ่นที่มีลูกใต้ใบ หมอยาจะมีการใช้ลูกใต้ใบเหมือนๆ กัน คือ ใช้เป็นยาแก้นิ่ว แก้โรคตับ แก้ปวดเมื่อย แก้เบาหวาน
สรรพคุณที่เกี่ยวกับตับของลูกใต้ใบ คือ ใช้บำรุงตับ ลดอาการตับอักเสบ สร้างความสมดุลของไขมันในตับ หมอยาชาวจีนเชื่อว่า ถ้ากินลูกใต้ใบติดต่อกันหนึ่งสัปดาห์จะช่วยกำจัดพิษออกจากตับ มีผลทำให้สายตาดี บำรุงตับ รักษาอาการดีซ่าน ซึ่งก็คล้ายกับหมอยาพื้นบ้านไทยและหมออายุรเวทอินเดีย ที่มีควมเชื่อว่า ลูกใต้ใบเกิดมาเพื่อตับ ใช้ต้มกินเป็นยาเพื่อแก้ดีซ่าน แก้ตับอักเสบตัวเหลือง ตาเหลือง ซึ่งมีรายงานการศึกษาวิจัยพบว่าสารสกัดจากลูกใต้ใบมีฤทธิ์ป้องกันไม่ให้ตับถูกทำลายจากสารพิษ เช่น เหล้า ช่วยรักษาอาการอักเสบของตับทั้งประเภทเฉียบพลันและเรื้อรัง ช่วยปรับไขมันในตับให้เป็นปกติ และเหมาะที่จะใช้ทำเป็นชาสมุนไพรให้แก่คนไข้ที่เป็นมะเร็งตับ เพราะมีรายงานการศึกษาวิจัยพบว่า น้ำต้มของลูกใต้ใบทำให้หนูที่เป็นมะเร็งตับมีอายุยืนยาวขึ้น ด้วยกลไกที่ทำให้เซลล์มะเร็งเติบโตช้าลง แต่ไม่ได้ฆ่าเซลล์มะเร็งโดยตรง
นอกจากนี้ ลูกใต้ใบยังมีอีกหลายสรรพคุณแก้โรค ชาวบ้านในหลายพื้นที่นิยมตากลูกใต้ใบให้แห้ง เก็บใส่โหลไว้ชงเป็นชากินเพื่อแก้ไข้ แก้อักเสบ แก้ปวดเมื่อย
ลูกใต้ใบ ยังเป็นสมุนไพรยอดนิยมของผู้ป่วยเบาหวาน เนื่องจากสามารถช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในผู้ที่เป็นโรคเบาหวานได้ โดยมีการศึกษาวิจัยทางเภสัชวิทยาพบว่า สารสกัดของลูกใต้ใบมีฤทธิ์ลดระดับน้ำตาลในเลือดได้ แต่ต้องรับประทานยาแผนปัจจุบันตามคำสั่งแพทย์ และมีการตรวจวัดระดับน้ำตาลในเลือดอย่างสม่ำเสมอ
สรรพคุณของลูกใต้ใบอีกประการหนึ่งคือ เป็นสมุนไพรที่จัดว่ามีการใช้กับระบบทางเดินปัสสาวะมากที่สุดชนิดหนึ่ง โดยมีการนำไปใช้รักษาอาการมีไข่ขาวในปัสสาวะ อาการติดเชื้อในทางเดินปัสสาวะ ทางเดินปัสสาวะอักเสบ ใช้ในการขับปัสสาวะ ลดอาการบวม และขับกรดยูริคออกทางปัสสาวะ ซึ่งช่วยในผู้ที่เป็นโรคเกาต์
ตำรับยาแก้ไข้ แก้ดีซ่าน แก้ร้อนใน ขับเหงื่อ ขับปัสสาวะ แก้อาการติดเชื้อในทางเดินปัสสาวะ
นำลูกใต้ใบสดๆ ทั้ง 5 (ต้น ใบ ดอก ผล ราก) จำนวน 1 กำมือ (ถ้าต้นแห้งให้กะเหลือประมาณครึ่งหนึ่ง) ผสมน้ำ 3 แก้ว ต้ม เคี่ยวให้เหลือ 1 แก้ว กินครั้งละ 1/2-1 แก้ว วันละ 3-4 เวลาก่อนอาหาร
ตำรับยาแก้ปวดหลังปวดเอว บำรุงร่างกาย แก้หวัด แก้เบาหวาน
ใช้ลูกใต้ใบทั้ง 5 ล้างน้ำสะอาด สับเป็นชิ้นเล็กๆ ตากแดดให้แห้ง ใส่หม้อดินต้ม ดื่มน้ำยาต่างน้ำชา
ตำรับยาแก้ปวดเข่า ข้ออักเสบ
ลูกใต้ใบทั้ง 5 กับดอกหญ้าขาวทั้งห้า ต้มน้ำกิน
ตำรับยาแก้ไข้ทับระดู
นำลูกใต้ใบทั้ง 5 ล้างน้ำให้สะอาด ตำละเอียด ผสมสุรา คั้นเฉพาะน้ำยา กินครั้งละ 1 ถ้วยชา
ตำรับยาแก้นิ่ว
ลูกใต้ใบทั้ง 5 จำนวน 1 กำมือ ตำพอแหลก คั้นน้ำให้ได้ครึ่งถ้วยชา เอาสารส้มขนาดปลายนิ้วก้อยละลายลงไป ดื่มให้หมดครั้งละครึ่งถ้วยชา วันละ 3 เวลาก่อนอาหาร ดื่มติดต่อกันให้ได้ 3 วัน จากนั้นใช้ลูกใต้ใบทั้ง 5 จำนวน 1 กำมือ ต้มกับน้ำตาลทรายแดงให้พอหวาน ดื่มต่างน้ำติดต่อกันอีก 3 วัน ขึ้นวันที่ 7 ดื่มน้ำอ้อยสด วันละ 1 ขวดน้ำปลา อีก 3 วัน เพื่อล้างนิ่วเป็นขั้นสุดท้าย รวม 1 รอบ การรักษาเป็นเวลา 9 วัน
ตำรับยาแก้ประจำเดือนมามากกว่าปกติ
ใช้รากสดต้นลูกใต้ใบ ตำผสมกับน้ำซาวข้าวกิน
ตำรับยาขับประจำเดือน
ใช้ต้นลูกใต้ใบต้มกินขับประจำเดือน
ตำรับยาแก้นมหลง
หญิงที่คลอดบุตรแล้วน้ำนมที่เคยไหลหยุดไหล และมีอาการปวดเต้านมร่วมด้วย เรียกอาการนี้ว่า นมหลง ถ้าปล่อยไว้จะกลายเป็นฝีที่นมได้ วิธีใช้ คือ เอาลูกใต้ใบทั้ง 5 จำนวน 1 กำมือ ตำผสม เหล้าขาว คั้นเอาน้ำกิน 1 ถ้วยชา เอากากพอก ทำเพียงครั้งเดียว ไม่กี่นาที นมจะไหลออกมา
เครดิต คมชัดลึก ออนไลน์
..................................................................................
แต่ถ้าหากไม่สะดวกที่จะทำรับประทานเอง เรามีทางเลือกให้ท่านที่สนใจสุขภาพของตับ และเพื่อเป็นทางเลือก สำหรับการใช้สมุนไพร เพื่อบำบัดอาการต่างๆ ข้างต้น
ขอแนะนำผลิตภัณฑ์สมุนไพรคุณภาพ ของ ขาวละออเภสัช นำเสนอสูตรตำรับยา ลูกใต้ใบ ครับ
ด้วยภูมิปัญญาด้านการแพทย์แผนไทย ของขาวละออเภสัช ที่สืบต่อมาอย่างยาวนาน 86 ปี
ผสมผสานสูตรตำรับ จากขาวละออเภสัช ที่มีตัวยาเสริมฤทธิ์ ต้านฤทธิ์ ตัวยาช่วย ตามกลไกของสูตรตำรับยา แพทย์แผนไทย
ซึ่งมั่นใจได้ว่า จะทำให้ผู้บริโภคสมุนไพร บริโภคด้วยความปลอดภัย ไม่ได้รับผลกระทบข้างเคียง
จากการใช้สมุนไพรเป็นเวลานาน เหมือนสมุนไพรที่ตำๆ บดๆ ใส่แคปซูล ซึ่งเป็นสมุนไพรเดี่ยวเป็นหลัก จึงมีราคาถูก เพราะทำง่าย ไม่มีขั้นตอนที่ยุ่งยาก
จึงอยากให้ผู้บริโภคสมุนไพรคุณภาพทุกท่าน ศึกษาสักนิดก่อนตัดสินใจเลือกใช้สมุนไพร เพื่อเสริม สุขภาพต่างๆครับ
คุณภาพของขาวละออ มาจากประสบการณ์ที่ยาวนานในการทำสินค้าตามตำรับยา ซึ่งมีคุณภาพ
และวางใจได้ถึงความรู้ความเชี่ยวชาญเฉพาะด้าน ที่ขาวละออสั่งสมมาอย่างยาวนาน
เราจึงมั่นใจได้ว่า
เลือกสมุนไพรคุณภาพ เลือกขาวละออเภสัช
ขอบคุณ
www.kloshop.com
www.khaolaor.com
www.facebook.com/khaolaor
www.facebook.com/kloshop
www.lazada.co.th/khaolaor
http://goo.gl/92hSwB
https://www.facebook.com/khaolaor/posts/1140308319328431
กระทรวงสาธารณสุขเปิดเผยว่า ปัจจุบันนี้คนไทยมีอัตราการเสียชีวิตจากโรคเกี่ยวกับตับสูงที่สุดในโลก โดยเฉลี่ยชาย = 36.9 ต่อประชากร 100,000 คน และหญิง = 15.2 ต่อประชากร 100,000 คน ไม่ว่าจะเป็นโรคมะเร็งตับ โรคไวรัสตับอักเสบบี ภาวะสะสมไขมันในตับ ตับแข็ง เป็นต้น โดยแต่ละวันมีผู้ป่วยรายใหม่เฉลี่ยถึง 30 รายทั่วประเทศ ทั้งยังมีแนวโน้มมากขึ้นเรื่อยๆ
มีการกล่าวถึงสมุนไพร "ลูกใต้ใบ" ซึ่งมีผลช่วยบำรุงตับ ลดอาการตับอักเสบ และมีสรรพคุณทางยาอื่นๆ มากมายไว้ในหนังสือบันทึกของแผ่นดิน ดังนี้
"ลูกใต้ใบ" มีชื่อวิทยาศาสตร์ Phyllanthus amarus Schumach & Thonn อยู่ในวงศ์ EUPHORBIACEAE เป็นสมุนไพรที่แพร่กระจายอยู่ในหลายๆ ประเทศ เช่น บราซิล เปรู หมู่เกาะแคริบเบียน สหรัฐอเมริกา อินเดีย ไทย ลาว พม่า เขมร และเป็นสมุนไพรที่คนไทยส่วนใหญ่รู้จักดี เพราะขึ้นในทุกพื้นที่ทุกภาคของประเทศไทย ในแต่ละพื้นถิ่นที่มีลูกใต้ใบ หมอยาจะมีการใช้ลูกใต้ใบเหมือนๆ กัน คือ ใช้เป็นยาแก้นิ่ว แก้โรคตับ แก้ปวดเมื่อย แก้เบาหวาน
สรรพคุณที่เกี่ยวกับตับของลูกใต้ใบ คือ ใช้บำรุงตับ ลดอาการตับอักเสบ สร้างความสมดุลของไขมันในตับ หมอยาชาวจีนเชื่อว่า ถ้ากินลูกใต้ใบติดต่อกันหนึ่งสัปดาห์จะช่วยกำจัดพิษออกจากตับ มีผลทำให้สายตาดี บำรุงตับ รักษาอาการดีซ่าน ซึ่งก็คล้ายกับหมอยาพื้นบ้านไทยและหมออายุรเวทอินเดีย ที่มีควมเชื่อว่า ลูกใต้ใบเกิดมาเพื่อตับ ใช้ต้มกินเป็นยาเพื่อแก้ดีซ่าน แก้ตับอักเสบตัวเหลือง ตาเหลือง ซึ่งมีรายงานการศึกษาวิจัยพบว่าสารสกัดจากลูกใต้ใบมีฤทธิ์ป้องกันไม่ให้ตับถูกทำลายจากสารพิษ เช่น เหล้า ช่วยรักษาอาการอักเสบของตับทั้งประเภทเฉียบพลันและเรื้อรัง ช่วยปรับไขมันในตับให้เป็นปกติ และเหมาะที่จะใช้ทำเป็นชาสมุนไพรให้แก่คนไข้ที่เป็นมะเร็งตับ เพราะมีรายงานการศึกษาวิจัยพบว่า น้ำต้มของลูกใต้ใบทำให้หนูที่เป็นมะเร็งตับมีอายุยืนยาวขึ้น ด้วยกลไกที่ทำให้เซลล์มะเร็งเติบโตช้าลง แต่ไม่ได้ฆ่าเซลล์มะเร็งโดยตรง
นอกจากนี้ ลูกใต้ใบยังมีอีกหลายสรรพคุณแก้โรค ชาวบ้านในหลายพื้นที่นิยมตากลูกใต้ใบให้แห้ง เก็บใส่โหลไว้ชงเป็นชากินเพื่อแก้ไข้ แก้อักเสบ แก้ปวดเมื่อย
ลูกใต้ใบ ยังเป็นสมุนไพรยอดนิยมของผู้ป่วยเบาหวาน เนื่องจากสามารถช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในผู้ที่เป็นโรคเบาหวานได้ โดยมีการศึกษาวิจัยทางเภสัชวิทยาพบว่า สารสกัดของลูกใต้ใบมีฤทธิ์ลดระดับน้ำตาลในเลือดได้ แต่ต้องรับประทานยาแผนปัจจุบันตามคำสั่งแพทย์ และมีการตรวจวัดระดับน้ำตาลในเลือดอย่างสม่ำเสมอ
สรรพคุณของลูกใต้ใบอีกประการหนึ่งคือ เป็นสมุนไพรที่จัดว่ามีการใช้กับระบบทางเดินปัสสาวะมากที่สุดชนิดหนึ่ง โดยมีการนำไปใช้รักษาอาการมีไข่ขาวในปัสสาวะ อาการติดเชื้อในทางเดินปัสสาวะ ทางเดินปัสสาวะอักเสบ ใช้ในการขับปัสสาวะ ลดอาการบวม และขับกรดยูริคออกทางปัสสาวะ ซึ่งช่วยในผู้ที่เป็นโรคเกาต์
ตำรับยาแก้ไข้ แก้ดีซ่าน แก้ร้อนใน ขับเหงื่อ ขับปัสสาวะ แก้อาการติดเชื้อในทางเดินปัสสาวะ
นำลูกใต้ใบสดๆ ทั้ง 5 (ต้น ใบ ดอก ผล ราก) จำนวน 1 กำมือ (ถ้าต้นแห้งให้กะเหลือประมาณครึ่งหนึ่ง) ผสมน้ำ 3 แก้ว ต้ม เคี่ยวให้เหลือ 1 แก้ว กินครั้งละ 1/2-1 แก้ว วันละ 3-4 เวลาก่อนอาหาร
ตำรับยาแก้ปวดหลังปวดเอว บำรุงร่างกาย แก้หวัด แก้เบาหวาน
ใช้ลูกใต้ใบทั้ง 5 ล้างน้ำสะอาด สับเป็นชิ้นเล็กๆ ตากแดดให้แห้ง ใส่หม้อดินต้ม ดื่มน้ำยาต่างน้ำชา
ตำรับยาแก้ปวดเข่า ข้ออักเสบ
ลูกใต้ใบทั้ง 5 กับดอกหญ้าขาวทั้งห้า ต้มน้ำกิน
ตำรับยาแก้ไข้ทับระดู
นำลูกใต้ใบทั้ง 5 ล้างน้ำให้สะอาด ตำละเอียด ผสมสุรา คั้นเฉพาะน้ำยา กินครั้งละ 1 ถ้วยชา
ตำรับยาแก้นิ่ว
ลูกใต้ใบทั้ง 5 จำนวน 1 กำมือ ตำพอแหลก คั้นน้ำให้ได้ครึ่งถ้วยชา เอาสารส้มขนาดปลายนิ้วก้อยละลายลงไป ดื่มให้หมดครั้งละครึ่งถ้วยชา วันละ 3 เวลาก่อนอาหาร ดื่มติดต่อกันให้ได้ 3 วัน จากนั้นใช้ลูกใต้ใบทั้ง 5 จำนวน 1 กำมือ ต้มกับน้ำตาลทรายแดงให้พอหวาน ดื่มต่างน้ำติดต่อกันอีก 3 วัน ขึ้นวันที่ 7 ดื่มน้ำอ้อยสด วันละ 1 ขวดน้ำปลา อีก 3 วัน เพื่อล้างนิ่วเป็นขั้นสุดท้าย รวม 1 รอบ การรักษาเป็นเวลา 9 วัน
ตำรับยาแก้ประจำเดือนมามากกว่าปกติ
ใช้รากสดต้นลูกใต้ใบ ตำผสมกับน้ำซาวข้าวกิน
ตำรับยาขับประจำเดือน
ใช้ต้นลูกใต้ใบต้มกินขับประจำเดือน
ตำรับยาแก้นมหลง
หญิงที่คลอดบุตรแล้วน้ำนมที่เคยไหลหยุดไหล และมีอาการปวดเต้านมร่วมด้วย เรียกอาการนี้ว่า นมหลง ถ้าปล่อยไว้จะกลายเป็นฝีที่นมได้ วิธีใช้ คือ เอาลูกใต้ใบทั้ง 5 จำนวน 1 กำมือ ตำผสม เหล้าขาว คั้นเอาน้ำกิน 1 ถ้วยชา เอากากพอก ทำเพียงครั้งเดียว ไม่กี่นาที นมจะไหลออกมา
เครดิต คมชัดลึก ออนไลน์
..................................................................................
แต่ถ้าหากไม่สะดวกที่จะทำรับประทานเอง เรามีทางเลือกให้ท่านที่สนใจสุขภาพของตับ และเพื่อเป็นทางเลือก สำหรับการใช้สมุนไพร เพื่อบำบัดอาการต่างๆ ข้างต้น
ขอแนะนำผลิตภัณฑ์สมุนไพรคุณภาพ ของ ขาวละออเภสัช นำเสนอสูตรตำรับยา ลูกใต้ใบ ครับ
ด้วยภูมิปัญญาด้านการแพทย์แผนไทย ของขาวละออเภสัช ที่สืบต่อมาอย่างยาวนาน 86 ปี
ผสมผสานสูตรตำรับ จากขาวละออเภสัช ที่มีตัวยาเสริมฤทธิ์ ต้านฤทธิ์ ตัวยาช่วย ตามกลไกของสูตรตำรับยา แพทย์แผนไทย
ซึ่งมั่นใจได้ว่า จะทำให้ผู้บริโภคสมุนไพร บริโภคด้วยความปลอดภัย ไม่ได้รับผลกระทบข้างเคียง
จากการใช้สมุนไพรเป็นเวลานาน เหมือนสมุนไพรที่ตำๆ บดๆ ใส่แคปซูล ซึ่งเป็นสมุนไพรเดี่ยวเป็นหลัก จึงมีราคาถูก เพราะทำง่าย ไม่มีขั้นตอนที่ยุ่งยาก
จึงอยากให้ผู้บริโภคสมุนไพรคุณภาพทุกท่าน ศึกษาสักนิดก่อนตัดสินใจเลือกใช้สมุนไพร เพื่อเสริม สุขภาพต่างๆครับ
คุณภาพของขาวละออ มาจากประสบการณ์ที่ยาวนานในการทำสินค้าตามตำรับยา ซึ่งมีคุณภาพ
และวางใจได้ถึงความรู้ความเชี่ยวชาญเฉพาะด้าน ที่ขาวละออสั่งสมมาอย่างยาวนาน
เราจึงมั่นใจได้ว่า
เลือกสมุนไพรคุณภาพ เลือกขาวละออเภสัช
ขอบคุณ
www.kloshop.com
www.khaolaor.com
www.facebook.com/khaolaor
www.facebook.com/kloshop
www.lazada.co.th/khaolaor
http://goo.gl/92hSwB
https://www.facebook.com/khaolaor/posts/1140308319328431
no plus ones
no comments
one share
*การวินิจฉัยโรคไวรัสตับอักเสบบี | โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ *
- เจาะเลือดตรวจค่าการทำงานของตับ (liver function test)
- เจาะเลือดตรวจเชื้อไวรัสตับอักเสบบี
- HBsAg (แอนติเจนไวรัสตับอักเสบบี): ให้ผลบวก แปลว่า ผู้ป่วยกำลังมีเชื้อไวรัสตับอักเสบบี
- Anti-HBS (ภูมิคุ้มกันต่อ HBsAg): ให้ผลบวก แปลว่า ผู้ป่วยมีภูมิคุ้มกันต่อเชื้อไวรัสตับอักเสบบี ภูมิคุ้มกันจะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อผู้ป่วยได้รับการฉีดวัคซีนหรือเคยติดเชื้อไวรัสตับอักเสบและหายจากโรคแล้ว ดังนั้น ผู้ป่วยที่มีภูมิคุ้มกันจึงไม่แพร่เชื้อให้ผู้อื่น และไม่ติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบีอีก
- การวินิจฉัยว่าเป็นไวรัสตับอักเสบบีเรื้อรัง ต้องเจาะเลือดตรวจซ้ำอีกครั้งที่ 6 เดือนหลังจากวินิจฉัยว่าเป็นไวรัสตับอักเสบบีแบบเฉียบพลัน หากพบว่าร่างกายไม่สามารถกำจัดเชื้อไวรัสตับอักเสบบี และไม่สามารถสร้างภูมิคุ้มกันได้ จึงจะวินิจฉัยว่าเป็น “โรคไวรัสตับอักเสบบีเรื้อรัง
- การตัดชิ้นเนื้อจากตับไปตรวจ แพทย์จะใช้เข็มแทงผ่านผิวหนังเพื่อเก็บชิ้นเนื้อจากตับ การตรวจนี้ไม่ได้ทำในผู้ป่วยทุกราย ทำเฉพาะในผู้ป่วยตับอักเสบเรื้อรังที่ต้องการติดตามการดำเนินไปของโรค เช่น ต้องการทราบภาวะพังผืดในตับและการอักเสบของเซลล์ตับ ซึ่งจะมีผลในการเริ่มต้นการรักษา หรือสงสัยมะเร็งตับ เป็นต้น
https://www.bumrungrad.com/th/liver-center-treatment-transplant-bangkok-thailand/conditions/hepatitis-b
- เจาะเลือดตรวจค่าการทำงานของตับ (liver function test)
- เจาะเลือดตรวจเชื้อไวรัสตับอักเสบบี
- HBsAg (แอนติเจนไวรัสตับอักเสบบี): ให้ผลบวก แปลว่า ผู้ป่วยกำลังมีเชื้อไวรัสตับอักเสบบี
- Anti-HBS (ภูมิคุ้มกันต่อ HBsAg): ให้ผลบวก แปลว่า ผู้ป่วยมีภูมิคุ้มกันต่อเชื้อไวรัสตับอักเสบบี ภูมิคุ้มกันจะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อผู้ป่วยได้รับการฉีดวัคซีนหรือเคยติดเชื้อไวรัสตับอักเสบและหายจากโรคแล้ว ดังนั้น ผู้ป่วยที่มีภูมิคุ้มกันจึงไม่แพร่เชื้อให้ผู้อื่น และไม่ติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบีอีก
- การวินิจฉัยว่าเป็นไวรัสตับอักเสบบีเรื้อรัง ต้องเจาะเลือดตรวจซ้ำอีกครั้งที่ 6 เดือนหลังจากวินิจฉัยว่าเป็นไวรัสตับอักเสบบีแบบเฉียบพลัน หากพบว่าร่างกายไม่สามารถกำจัดเชื้อไวรัสตับอักเสบบี และไม่สามารถสร้างภูมิคุ้มกันได้ จึงจะวินิจฉัยว่าเป็น “โรคไวรัสตับอักเสบบีเรื้อรัง
- การตัดชิ้นเนื้อจากตับไปตรวจ แพทย์จะใช้เข็มแทงผ่านผิวหนังเพื่อเก็บชิ้นเนื้อจากตับ การตรวจนี้ไม่ได้ทำในผู้ป่วยทุกราย ทำเฉพาะในผู้ป่วยตับอักเสบเรื้อรังที่ต้องการติดตามการดำเนินไปของโรค เช่น ต้องการทราบภาวะพังผืดในตับและการอักเสบของเซลล์ตับ ซึ่งจะมีผลในการเริ่มต้นการรักษา หรือสงสัยมะเร็งตับ เป็นต้น
https://www.bumrungrad.com/th/liver-center-treatment-transplant-bangkok-thailand/conditions/hepatitis-b
no plus ones
no comments
no shares
โรคมะเร็งตับที่พบมากในประเทศไทยมี 2 ชนิด คือ โรคมะเร็งของเซลล์ตับ และโรคมะเร็งท่อน้ำดีตับ พบมากในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคเหนือ สาเหตุของโรคมะเร็งตับเกิดจากการเป็นพาหะของไวรัสตับอักเสบชนิดบี
ส่วนโรคมะเร็งท่อน้ำดีตับเกิดจากพยาธิใบไม้ตับเป็นสาเหตุสำคัญร่วมกับการกินอาหารที่มีดินประสิวหรือสารไนเตรทและไนไตรท์เช่น ปลาร้า ปลาจ่อม ปลาส้ม แหนมไส้กรอก เบคอน
การดื่มสุราเป็นประจำ การเคี้ยวหมาก สารพิษอะฟลาทอกซิน ซึ่งเกิดจากเชื้อราบางชนิดที่พบในอาหารประเภทถั่ว ข้าวโพด พริกแห้ง รวมถึงไวรัสตับอักเสบชนิดซีก็เป็นปัจจัยเสี่ยงสำคัญทำให้เกิดโรคมะเร็งตับได้อีกด้วย
อาการของโรคมะเร็งตับเริ่มด้วยการเบื่ออาหารโดยไม่มีสาเหตุ แน่นท้อง ท้องผูก ท้องอืด ท้องเฟ้อเป็นประจำ อ่อนเพลีย น้ำหนักลด มีไข้ต่ำเป็นประจำ ปวดหรือเสียดชายโครงขวา อาจคลำพบก้อนในช่องท้อง ตัวเหลือง ตาเหลือง ท้องโต และบวมบริเวณขาทั้ง 2 ข้าง
การป้องกันโรคมะเร็งตับ ได้แก่ การให้วัคซีนไวรัสตับอักเสบชนิดบีในเด็กแรกเกิดทุกคน ป้องกันรักษาโรคพยาธิใบไม้ตับ ปรับเปลี่ยนวิธีการดำเนินชีวิตและพฤติกรรมสุขภาพ กินอาหารที่ถูกต้องตามหลักโภชนาการ กินผัก ผลไม้สดเป็นประจำ หลีกเลี่ยงอาหารที่มีสารก่อมะเร็ง เช่น อาหารที่มีราขึ้น อาหารที่มีดินประสิว (ไนเตรท) และไนไตรท์ อาหารหมักดอง เค็มจัด เผ็ดจัด เนื้อสัตว์รมควัน ปิ้ง ย่าง ทอดจนไหม้เกรียม ไม่กินปลาดิบๆ สุกๆ นอกจากนี้ ควรหลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่ ดื่มสุรา เคี้ยวหมาก
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1448536975
ส่วนโรคมะเร็งท่อน้ำดีตับเกิดจากพยาธิใบไม้ตับเป็นสาเหตุสำคัญร่วมกับการกินอาหารที่มีดินประสิวหรือสารไนเตรทและไนไตรท์เช่น ปลาร้า ปลาจ่อม ปลาส้ม แหนมไส้กรอก เบคอน
การดื่มสุราเป็นประจำ การเคี้ยวหมาก สารพิษอะฟลาทอกซิน ซึ่งเกิดจากเชื้อราบางชนิดที่พบในอาหารประเภทถั่ว ข้าวโพด พริกแห้ง รวมถึงไวรัสตับอักเสบชนิดซีก็เป็นปัจจัยเสี่ยงสำคัญทำให้เกิดโรคมะเร็งตับได้อีกด้วย
อาการของโรคมะเร็งตับเริ่มด้วยการเบื่ออาหารโดยไม่มีสาเหตุ แน่นท้อง ท้องผูก ท้องอืด ท้องเฟ้อเป็นประจำ อ่อนเพลีย น้ำหนักลด มีไข้ต่ำเป็นประจำ ปวดหรือเสียดชายโครงขวา อาจคลำพบก้อนในช่องท้อง ตัวเหลือง ตาเหลือง ท้องโต และบวมบริเวณขาทั้ง 2 ข้าง
การป้องกันโรคมะเร็งตับ ได้แก่ การให้วัคซีนไวรัสตับอักเสบชนิดบีในเด็กแรกเกิดทุกคน ป้องกันรักษาโรคพยาธิใบไม้ตับ ปรับเปลี่ยนวิธีการดำเนินชีวิตและพฤติกรรมสุขภาพ กินอาหารที่ถูกต้องตามหลักโภชนาการ กินผัก ผลไม้สดเป็นประจำ หลีกเลี่ยงอาหารที่มีสารก่อมะเร็ง เช่น อาหารที่มีราขึ้น อาหารที่มีดินประสิว (ไนเตรท) และไนไตรท์ อาหารหมักดอง เค็มจัด เผ็ดจัด เนื้อสัตว์รมควัน ปิ้ง ย่าง ทอดจนไหม้เกรียม ไม่กินปลาดิบๆ สุกๆ นอกจากนี้ ควรหลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่ ดื่มสุรา เคี้ยวหมาก
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1448536975
no plus ones
no comments
no shares
หญ้าลิ้นงู จั่วจิเช่า (จีนแต้จิ๋ว), เสอเสอเฉ่า (จีนกลาง)
ทั้งต้นมีรสขม เป็นยาเย็น ออกฤทธิ์ต่อปอด ตับ และลำไส้ ใช้เป็นยาขับพิษร้อนถอนพิษไข้
ชาวอินเดียจะใช้หญ้าลิ้นงูทั้งต้มนำมาต้มในนมกับน้ำตาลเพื่อใช้เป็นยาบรรเทาอาการปวดแสบปวดร้อนที่หน้าอกอันเนื่องมาจากกรดไหลย้อน และยังใช้เพื่อรักษาโรคตับอักเสบด้วยการใช้ทั้งต้นนำมาต้มเอาน้ำกิน (ทั้งต้น)
เนื่องจากหญ้าลิ้นงูมีคุณสมบัติต้านการอักเสบ ต้านจุลชีพและโปรโตซัว จึงมีการนำมาใช้เพื่อรักษาโรคที่มีอาการอักเสบและติดเชื้อ เช่น คางทูม ทอนซิลอักเสบ หลอดลมอักเสบ ปอดบวม การติดเชื้อบริเวณอุ้งเชิงกราน โรคทาง
เดินปัสสาวะอักเสบ ตับอักเสบ ไส้ติ่งอักเสบเฉียบพลัน ถุงน้ำดีอักเสบ และใช้ฆ่าพยาธิ เป็นต้น (ทั้งต้น)
ทั้งต้นมีรสขม เป็นยาเย็น ออกฤทธิ์ต่อปอด ตับ และลำไส้ ใช้เป็นยาขับพิษร้อนถอนพิษไข้
ชาวอินเดียจะใช้หญ้าลิ้นงูทั้งต้มนำมาต้มในนมกับน้ำตาลเพื่อใช้เป็นยาบรรเทาอาการปวดแสบปวดร้อนที่หน้าอกอันเนื่องมาจากกรดไหลย้อน และยังใช้เพื่อรักษาโรคตับอักเสบด้วยการใช้ทั้งต้นนำมาต้มเอาน้ำกิน (ทั้งต้น)
เนื่องจากหญ้าลิ้นงูมีคุณสมบัติต้านการอักเสบ ต้านจุลชีพและโปรโตซัว จึงมีการนำมาใช้เพื่อรักษาโรคที่มีอาการอักเสบและติดเชื้อ เช่น คางทูม ทอนซิลอักเสบ หลอดลมอักเสบ ปอดบวม การติดเชื้อบริเวณอุ้งเชิงกราน โรคทาง
เดินปัสสาวะอักเสบ ตับอักเสบ ไส้ติ่งอักเสบเฉียบพลัน ถุงน้ำดีอักเสบ และใช้ฆ่าพยาธิ เป็นต้น (ทั้งต้น)
no plus ones
no comments
no shares
สำหรับใครที่มีอาการปวดท้องบ่อยๆ มาลองเช็คตัวเองดูนะคะ ปวดท้องตรงไหนบอกอาการของโรคได้นะคะ
ลักษณะของอาการปวดท้อง โดยส่วนใหญ่จะมี 3 รูปแบบ ที่พบได้บ่อยๆ
1. ลักษณะที่ปวดจำเพาะของท่อทางเดินน้ำดีอุดตัน และ/หรือถุงน้ำดีอักเสบ คือมีลักษณะปวดรุนแรง ต่อเนื่อง ยาวนานเป็นชั่วโมงถึงหลายชั่วโมง ตำแหน่งปวดอยู่ที่ลิ้นปี่และ/หรือชายโครงขวา และมักไม่มีช่วงหายปวด หรือเรียกว่า หรือเรียกว่า Biliary Pain
2. ปวดบิดๆ หรือที่เรียกว่า Colicky Pain เป็นลักษณะปวดท้องที่เป็นพักๆ มีช่วงที่เบาปวดจนเกือบหายสนิท หรือหายสนิท ระยะเวลาปวดเป็นนาที เป็นอาการที่พบบ่อย เช่น ปวดท้องเวลาถ่ายท้องเสีย หรือปวดจากลำไส้บิดเกร็งเวลามีความเครียด เป็นต้น
3. ปวดจากอวัยวะภายในนั้นๆ ที่มีอาการอักเสบเกิดขึ้น มักไม่มีลักษณะจำเพาะ ขึ้นอยู่กับตำแหน่งของอวัยวะนั้นๆ และโรคที่เกิดขึ้น เช่น ตับ ถ้ามีขนาดใหญ่โตขึ้นแบบเฉียบพลัน ไม่ว่าจากสาเหตุโรคตับอักเสบเฉียบพลันจนตับมีขนาดบวมโตก็ทำให้ปวดได้ มักรู้สึกปวดตื้อๆ แน่นจุกด้านขวาบน หรือกรณีที่พบว่ามีก้อนฝีในตับ หรือมีการอักเสบเกิดขึ้นในเนื้อตับก็ทำให้ปวดตื้อ จุกแน่นชายโครงขวา อาจมีจุดกดเจ็บชัดเจนได้เวลากดบริเวณตับที่ชายโครงขวา เป็นต้น โดยทั่วไปมักพบอาการร่วมอื่นๆ ของสาเหตุโรคตับนั้นๆ ด้วย เช่น พบว่ามีอาการตัวและตาเหลืองในกรณีโรคตับอักเสบเฉียบพลัน หรือตรวจพบไข้หนาวสั่นได้ในกรณีโรคฝีในตับ เป็นต้น
http://www.momypedia.com/webboard/8-1044214/ปวดท้องตรงไหนเป็นอาการของโรคอะไรบ้าง/
http://www.bangkokwellnesscenter.com/en/our-article/95-gastroenterology-article/143-อาการปวดท้องเฉียบพลัน-สิ่งสำคัญที่ต้องรู้.html
ลักษณะของอาการปวดท้อง โดยส่วนใหญ่จะมี 3 รูปแบบ ที่พบได้บ่อยๆ
1. ลักษณะที่ปวดจำเพาะของท่อทางเดินน้ำดีอุดตัน และ/หรือถุงน้ำดีอักเสบ คือมีลักษณะปวดรุนแรง ต่อเนื่อง ยาวนานเป็นชั่วโมงถึงหลายชั่วโมง ตำแหน่งปวดอยู่ที่ลิ้นปี่และ/หรือชายโครงขวา และมักไม่มีช่วงหายปวด หรือเรียกว่า หรือเรียกว่า Biliary Pain
2. ปวดบิดๆ หรือที่เรียกว่า Colicky Pain เป็นลักษณะปวดท้องที่เป็นพักๆ มีช่วงที่เบาปวดจนเกือบหายสนิท หรือหายสนิท ระยะเวลาปวดเป็นนาที เป็นอาการที่พบบ่อย เช่น ปวดท้องเวลาถ่ายท้องเสีย หรือปวดจากลำไส้บิดเกร็งเวลามีความเครียด เป็นต้น
3. ปวดจากอวัยวะภายในนั้นๆ ที่มีอาการอักเสบเกิดขึ้น มักไม่มีลักษณะจำเพาะ ขึ้นอยู่กับตำแหน่งของอวัยวะนั้นๆ และโรคที่เกิดขึ้น เช่น ตับ ถ้ามีขนาดใหญ่โตขึ้นแบบเฉียบพลัน ไม่ว่าจากสาเหตุโรคตับอักเสบเฉียบพลันจนตับมีขนาดบวมโตก็ทำให้ปวดได้ มักรู้สึกปวดตื้อๆ แน่นจุกด้านขวาบน หรือกรณีที่พบว่ามีก้อนฝีในตับ หรือมีการอักเสบเกิดขึ้นในเนื้อตับก็ทำให้ปวดตื้อ จุกแน่นชายโครงขวา อาจมีจุดกดเจ็บชัดเจนได้เวลากดบริเวณตับที่ชายโครงขวา เป็นต้น โดยทั่วไปมักพบอาการร่วมอื่นๆ ของสาเหตุโรคตับนั้นๆ ด้วย เช่น พบว่ามีอาการตัวและตาเหลืองในกรณีโรคตับอักเสบเฉียบพลัน หรือตรวจพบไข้หนาวสั่นได้ในกรณีโรคฝีในตับ เป็นต้น
http://www.momypedia.com/webboard/8-1044214/ปวดท้องตรงไหนเป็นอาการของโรคอะไรบ้าง/
http://www.bangkokwellnesscenter.com/en/our-article/95-gastroenterology-article/143-อาการปวดท้องเฉียบพลัน-สิ่งสำคัญที่ต้องรู้.html
one plus one
1
no comments
no shares
"มะเร็งตับ" คร่า 2 คน/ชม. ไม่รักษาตายใน 3-6 เดือน
updated: 26 ก.ค. 2556 เวลา 13:45:43 น.
ประชาชาติธุรกิจออนไลน์
มะเร็งตับมีสาเหตุมาจากไวรัสตับอักเสบบีและไวรัสตับอักเสบซี โรคพยาธิใบไม้ตับ จากการกินปลาน้ำจืดสุกๆ ดิบๆ รวมทั้งยังมีปัจจัยกระตุ้นคือ เหล้า บุหรี่
ส่วนมะเร็งตับอ่อน พบผู้ป่วยไม่มากเพียงปีละ 1,300 ราย ซึ่งมีปัจจัยเสี่ยงมาจากการสูบบุหรี่ การกินอาหารที่มีไขมันสูง ความอ้วน หรือป่วยเป็นโรคเบาหวาน โดยมะเร็งชนิดนี้อาจเกิดจากความผิดปกติของเซลล์ต่อมมีท่อถึงร้อยละ 90 ที่เหลือเป็นชนิดที่เกิดจากต่อมไร้ท่อที่หลั่งอินซูลิน
http://www.prachachat.net/news_detail.php?newsid=1374820820
updated: 26 ก.ค. 2556 เวลา 13:45:43 น.
ประชาชาติธุรกิจออนไลน์
มะเร็งตับมีสาเหตุมาจากไวรัสตับอักเสบบีและไวรัสตับอักเสบซี โรคพยาธิใบไม้ตับ จากการกินปลาน้ำจืดสุกๆ ดิบๆ รวมทั้งยังมีปัจจัยกระตุ้นคือ เหล้า บุหรี่
ส่วนมะเร็งตับอ่อน พบผู้ป่วยไม่มากเพียงปีละ 1,300 ราย ซึ่งมีปัจจัยเสี่ยงมาจากการสูบบุหรี่ การกินอาหารที่มีไขมันสูง ความอ้วน หรือป่วยเป็นโรคเบาหวาน โดยมะเร็งชนิดนี้อาจเกิดจากความผิดปกติของเซลล์ต่อมมีท่อถึงร้อยละ 90 ที่เหลือเป็นชนิดที่เกิดจากต่อมไร้ท่อที่หลั่งอินซูลิน
http://www.prachachat.net/news_detail.php?newsid=1374820820
no plus ones
no comments
no shares
นอกจากที่เราทราบกันดีว่า อาหารอุดมน้ำตาลอย่างขนมหวานและเครื่องดื่มต่างๆ ทั้งอัดลมและไม่อัดลม ทำให้คุณอ้วนแน่ๆ อยู่แล้ว แต่สิ่งที่น้ำตาลสร้างผลกระทบต่ออวัยวะสำคัญของเรา ไม่ว่าจะเป็นตับหรือสมอง คือสิ่งที่เราไม่ค่อยทราบ น้ำตาลในอาหารถือเป็นหนึ่งในตัวอันตรายที่สามารถทำร้ายตับได้ไม่ต่างจากที่เครื่องดื่มแอลกอฮอลทำ
หลายคนป่วยด้วยโรคตับที่เกี่ยวข้องกับพฤติกรรมการดื่มหรือติดเชื้อไวรัสตับอักเสบ แต่ยังมีอาการตับอักเสบอีกแบบหนึ่งที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับเครื่องดื่มแอลกอฮอล เรารู้จักมันในชื่อ ภาวะไขมันสะสมในตับ หรือไขมันพอกตับ (non-alcoholic fatty liver disease: NAFLD) ซึ่งกำลังเป็นโรคที่ชาวอเมริกันประสบอยู่ โดยผู้ที่มีน้ำหนักตัวมากจะค่อนข้างเสี่ยงกับภาวะดังกล่าว อาการนอกเหนือจากนั้นคือ ผู้ป่วยจะพบว่าตนเองจำอะไรไม่ค่อยได้บ่อยขึ้น เพราะสมองส่วนควบคุมความทรงจำมีประสิทธิภาพการทำงานลดลง
American Liver Foundation ให้ข้อมูลว่า ชาวอเมริกัน 1 ใน 4 กำลังป่วยด้วยภาวะ NAFLD และคาดการณ์ว่าตัวเลขอาจพุ่งสูงถึงร้อยละ 40 ภายในปี 2030
http://waymagazine.org/movement/sugarvsliver/
หลายคนป่วยด้วยโรคตับที่เกี่ยวข้องกับพฤติกรรมการดื่มหรือติดเชื้อไวรัสตับอักเสบ แต่ยังมีอาการตับอักเสบอีกแบบหนึ่งที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับเครื่องดื่มแอลกอฮอล เรารู้จักมันในชื่อ ภาวะไขมันสะสมในตับ หรือไขมันพอกตับ (non-alcoholic fatty liver disease: NAFLD) ซึ่งกำลังเป็นโรคที่ชาวอเมริกันประสบอยู่ โดยผู้ที่มีน้ำหนักตัวมากจะค่อนข้างเสี่ยงกับภาวะดังกล่าว อาการนอกเหนือจากนั้นคือ ผู้ป่วยจะพบว่าตนเองจำอะไรไม่ค่อยได้บ่อยขึ้น เพราะสมองส่วนควบคุมความทรงจำมีประสิทธิภาพการทำงานลดลง
American Liver Foundation ให้ข้อมูลว่า ชาวอเมริกัน 1 ใน 4 กำลังป่วยด้วยภาวะ NAFLD และคาดการณ์ว่าตัวเลขอาจพุ่งสูงถึงร้อยละ 40 ภายในปี 2030
http://waymagazine.org/movement/sugarvsliver/
no plus ones
no comments
no shares
No comments:
Post a Comment