Tuesday, May 31, 2016

โรคสะเก็ดเงิน...รักษาได้

โรคสะเก็ดเงิน...รักษาได้
http://www.youtube.com/watch?v=gdfNRUNc1UU

ความลับ สเตียรอยด์ สะเก็ดเงิน สุดแสนทรมาน (การรักษา) (Psoriasis)

เรื่องเงินๆทองๆ ใครๆก็รักใครก็ชอบ แต่สำหรับโรคที่มีคำว่าเงินผสมอยู่ด้วยนี้ กลับเป็นที่น่ารังเกียจของคนโดยทั่วไป ใครๆก็ไม่อยากมี ไม่อยากเป็น เดิมทีเราเรียกผื่นชนิดว่า”โรคเรื้อนกวาง” เป็นผื่นผิวหนังที่มีลักษณะ ขุยสีขาว(สีเงิน)อยู่บนผื่นแดง ขอบผื่นชัดเจน ส่วนใหญ่มักเป็นที่ศีรษะ เข่า ข้อศอก รวมถึงเล็บ และพบที่อวัยวะเพศได้ แต่จริงๆแล้วก็เป็นได้ทุกที่ โดยเฉพาะที่ที่กดทับหรือสามารถเกาได้สะดวก

สาเหตุที่พบบ่อยๆคือ

1.การกดทับ หรือการเกา(Koebner phenomenon)
2.ยาบางชนิดเช่น สารสเตียรอยด์ ยารักษาโรคหัวใจเช่นB-blocker
3.อาการติดเชื้อบางอย่าง เช่นโรคหวัด ก็สามารถกระตุ้นให้สะเก็ดเงินลุกลามได้
4.แอลกอฮอล์
5.ความเครียด
ในปัจจุบันเชื่อว่าเกี่ยวข้องกับสาเหตุทางพันธุกรรมมากขึ้น โดยมักมีหลายๆสาเหตุ

ส่งเสริมให้โรคกำเริบลุกลามมากขึ้นได้ในคนๆเดียว
ยาหรือวิธีการรักษาโรคที่มีในปัจจุบัน ไม่สามารถแก้ที่ต้นเหตุของโรคได้ เพียงบรรเทาอาการซึ่งพอหยุดยา ผื่นจะเห่อมากขึ้น และผลข้างเคียงอันเกิดจากยาเหล่านี้ก็มีมากมาย เช่นผิวบาง ผิวแพ้ง่าย ผื่นลุกลามมากกว่าเดิมหลายเท่าตัว
ล่าสุดเดือน ในงานประชุม AAD แพทย์ผิวหนังทั่วโลกมาสัมมนาวิชาการที่อเมริกาจำนวนมาก มีการกล่าวถึงยาBiologic Treatment อย่างกว้างขวาง ซึ่งให้ผลการรักษาที่หายเร็วมาก แต่ไม่หายขาด พอหยุดยาก็จะเห่อใหม่อย่างรวดเร็ว
และราคาแพงมาก ผลข้างเคียงก็อาจทำให้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นเช่นวัณโรค หรือการติดเชื้อในกระแสเลือด รวมทั้งพบความเสี่ยงของการเป็นมะเร็งต่อมน้ำเหลืองสูงขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ถ้าใช้ยานี้ในกลุ่มเด็กและวัยรุ่น ซึ่งUS FDA ได้สั่งห้ามการใช้ยาRaptiva :ซึ่งอยู่ในกลุ่มยาชีวภาพ(Biological agent)เป็นการถาวรแล้ว
โรคนี้จำเป็นต้องรีบรักษาแต่เนิ่นๆ และต้องดูแลตนเองให้ถูกวิธี มิฉะนั้น โรคเรื้อนกวางอาจลุกลามจนเป็นโรคเรื้อรังที่ยากต่อการเยียวยา บางรายอาจมีอาการปวดข้อ ข้อต่อกระดูกติด บวมแดง โรคเบาหวาน โรคหัวใจแทรกซ้อน อาจพบโรคตามระบบของร่างกาย(systemic disease) อื่นๆร่วมด้วย ซึ่งการรักษายากมากขึ้นอีกหลายเท่าตัว
ทางโรงพยาบาลแม่ฟ้าหลวง (กทม.) ได้เล็งเห็นถึงความสำคัญของผู้ป่วยเป็นหลัก จึงนำนวัตกรรมใหม่ เช่น เลเซอร์รักษา, การฉายแสงรักษา และวิตามินธรรมชาติสูตรเฉพาะหลายชนิดมารักษาสะเก็ดเงิน เพื่อผู้ป่วยจะสามารถดูแลตนเองจนหายขาดได้ด้วยตนเอง ซึ่งผลเป็นที่ติดตามต่อไป

จากรูปด้านบนเป็นคนไข้สะเก็ดเงินหลายๆคน ที่ต้นแขนใช้ยาสเตียรอยด์ทา เป็นๆหายๆหลายปี พอหยุดยาจะเห่อมากกว่าเดิม และมีโรคติดเชื้ออื่นๆแทรกซ้อน และอีกท่านเป็นที่คอ ลักษณะเป็นตุ่มหนอง(pustular psoriasis) ซึ่งแพทย์ผิวหนังจะทราบกันดีอยู่แล้ว ปัจจุบันคนไข้นี้ผื่นหายสนิทแล้ว


https://www.facebook.com/permalink.php?story_fbid=788467444524613&id=604854409552585

สิ่งที่ทำให้ฝ่ามือ แตก แสบเมื่อโดนน้ำ นูนหนาและแห้งกร้านขนาดนี้.?? คือสิ่งที่หมอโดยทั่วไปม้กจะจ่ายให้คนไข้ประจำๆครับ รองมาจากสเตียรอยด์ ยาตัวนี้....ที่คนไข้คนนี้ใช้ ไม่ใช่ครีมสเตียรอยด์ ทางการแพทย์เรียกว่าอยู่ในกลุ่ม nonsteroid Topical Calcineurin Inhibitors อาทิเช่น Elidel, Protopic

http://www.medscape.com/viewarticle/767932_10

ากที่เคยเป็นผู้ป่วยสะเก็ดเงินค่อนข้างหนักมา รู้จักโรคนี้มา ร่วม 2 ปึ ปัจจุบันก็ถือว่าหายค่ะ สำหรับตัวเองแล้วเข้าใจว่าเป็นเรื่องภูมิต้านทานของตัวเอง ทั้งอารมณ์และความเครียด ความกดดันหลายๆอย่าง รวมทั้งยาที่รักษาตัวเอง คือเป็นคนไข้มะเร็งด้วย ต้องทานยากดภูมิอีก รวมกันหลายๆอย่าง สะเก็ดเงินก็เลยมาเยี่ยมเยียน มาทำความรู้จัก ที่ว่าค่อนข้าวหนักคือ เป็นที่ผิวภายนอก ศรีษะ ในรูหู และภายในด้วย ซึ่งแรกๆที่เป็น หมอสูตินารี ก็งงมาก ว่าคืออะไร หาสาเหตุไม่เจอ เพลียง่าย ตัวร้อนบ่อยๆ คือ อ่อนแอครบสูตรเลยค่ะ ทรมานมาก มาพูดถึงการรักษานะคะ **คุณหมอจรัสศักดิ์ใช้เลเซอร์สำหรับผิวภายนอก รวมทั้งศรีษะ ผิวภายนอกตอบสนองดีมาก แต่ที่ศรีษะ ไม่ค่อยได้ผลค่ะ จึงตัดสินใจว่าเราต้องช่วยคุณหมอรักษาตัวเอง ปรับเปลี่ยนชีวิต ทุกอย่าง อาหาร อารมณ์ การพักผ่อนสำคัญมากๆ เข้านอนก่อน 3 ทุ่ม งดอาหารที่แพ้ เช่น กาแฟ แอลกอฮอล์ เนื้อวัว อาหารทะลทุกชนิด ผักผลไม้มียางก็งด ของดอง งดเลยนะคะได้ผลดีมาก อะไรที่คนสุขภาพดีเขาทำกัน ก็ทำตามนั้นแหละค่ะ แรกๆก็ลำบากนะ กาแฟก็กินไม่ได้ ส้มตำมะละกอ ตำไทยปู ก็กินไม่ได้ ผัดผักบุ้งก็ไม่ไดั อาหารทะเลอีก มีอยู่ช่วงหนึ่ง หยุดงานเพื่อ มาดูแลตัวเอง ดีมากเลย ทำกับข้าวกินเอง ใช้แต่ของ ออแกนิคส์ ใส่เกลือ นิดหน่อย ไม่ใส่ซีอิ้ว น้ำปลา หายเลยค่ะ ผิวพรรณดีมาก ๆ กลับมาสวยเหมือนเดิม แฮ่ แฮ่ เป็นกำลังใจให้ทุกคนนะคะ ท่องไว้ค่ะว่า ต้องทำให้ได้ ค่ารักษาแพง เราต้องรักษาเราเองค่ะ คุณหมอ ช่วยรักษาได้ที่ปลายเหตุค่ะ. ทุกวันนี้กลับมาทำงานปกติ แต่ก็ต้องท่องไว้อย่างนี้แหละค่ะ กลัวไม่สวย ไม่ยากจ่ายค่ารักษา ....หวังว่าคงเป็นประโยชน์บ้างนะคะ อยากให้ช่วยแชร์ให้คนไข้ใหม่ ด้วยค่ะ...เป็นกำลังใจให้ทุกคนค่ะ ***จากน.ส.จอมรัตนะ จันทร์กระจ่าง(แปลและแชร์)

โรคสะเก็ดเงิน .... ทำไงดี ...

*****วิธีดูแลตนเอง
1) ออกกำลังกายอย่างน้อย 15 นาที อาทิตย์อย่างน้อยละ 4 วัน
2) พักผ่อนให้พอเพียง งดนำสัตว์เลี้ยงไว้ในบ้าน
3) เลี่ยงอาหารทีกล่าวแล้ว ให้กินอาหารที่มีฤทธิ์เย็น เช่น ผักผลไม้, สะเดา,น้ำใบบัวบก, ย่านาง, เก็กฮวย, จับเลี้ยง, น้ำถั่วเขียว
4) ฝึกจิต คิดบวก ใจแจ่มใส คลายเครียดให้ถูกวิธี
5)ห้ามแกะเกาผิวหนัง
6)งดใช้สเตียรอยด์ทุกชนิด ทั้งกิน ฉีด หรือ ทา
****อาหารที่ควรหลีกเลี่ยง -เหล้า เบียร์,บุหรี่,กาแฟ
-ของหมักดอง ปูดอง ,ปูม้า, ปลาร้า หอยแครง , ซอสต่างๆ รวมถึงนมเปรี้ยว,แหนมฯลฯ
- อาหารรสจัด,เค็มจัด(ปูเค็ม ปลาเค็ม),เผ็ดจัด, อาหารรสหวาน,เปรี้ยวจัดและมีรสมันจัด
- อาหารทอด เช่น ถั่วทอด ไก่ทอด,ปาท่องโก๋ - อาหารทะเล กุ้ง หอย ปู ปลากระเบน หมึก
- เนื้อสัตว์ที่ย่อยยาก เช่น เนื้อวัว, หน่อไม้, ข้าวเหนียว ปลาที่ไม่มีเกล็ดเช่นปลาไหล
- อาหารที่มีกลูเตนสูง,ข้าวสาลี,ข้าวโอ๊ด,ข้าวบาร์เลย์,ข้าวไรน์
- หลีกเลี่ยงอาหารที่มีส่วนผสมของไขมันทรานส์,ครีมเทียม,ของหวาน,ไอศกรีม,ผงชูรส,ช๊อคโกแลต,วัตถุกันเสีย โดยเฉพาะอาหารกระป๋อง
-ผลไม้ที่ทำให้ร้อนในเช่นทุเรียน,ขนุน,ลองกอง,ลิ้นจี่,ลำใย,องุ่น,สัปะรด,สตรอเบอรี่ฯลฯ
*****อาหารที่กินได้

กลุ่มคาร์โบไฮเดรต ข้าวซ้อมมือ ข้าวกล้องเหลือง

กลุ่มโปรตีน ถั่วขาว ถั่วเขียว ถั่วเหลือง ถั่วลันเตา ถั่วโชเล่ย์ขาว ลูกเดือย เห็ดฟาง เห็ดนางฟ้า เห็ดหูหนู เห็ดขอนขาว เห็ดลม(เห็ดบด) เห็ดตาโล่ เห็ดตีนตุ๊กแก

กลุ่มผักฤทธิ์เย็น กระหล่ำดอก ก้านตรง กวางตุ้ง ผักกาดฮ่องเต้ ผักกาดขาว ผักกาดหอม หยวกกล้วย ปลีกล้วย ก้านกล้วย หัวไช้เท้า (ผักกาดหัว) ก้างปลา ข้าวโพด ดอกสลิด (ดอกขจร) ฝัก/ยอด/ดอกแค ใบเตย ผักติ้ว ตังโอ๋ ใบ/ยอดตำลึง ถั่วงอก บัวบก สายบัว ผักบุ้ง บล็อกเคอรี่ บวบ ปวยเล้ง ผักปลัง พญายอ (เสลดพังพอนตัวเมีย) ฟักทองอ่อน ยอดหรือดอกฟักทอง ยอดฟักข้าว ยอดฟักแม้ว ฟัก แฟง แตงต่างๆ มะเขือเปราะ มะเขือลาย มะเขือยาว มะเขือเทศ มะเดื่อ มะอึก ใบมะยม ใบมะขาม มะละกอสุก มังกรหยก มะรุม ย่านางเขียว-ขาว รางจืด ว่านกาบหอย ว่านหางจระเข้ ว่านมหากาฬ ทูน (ตูน) ว่านง็อก (ใบหูลิง) ผักว่าน ใบส้มป่อย ส้มเสี้ยว ส้มรม ส้มกบ หมอน้อย ผักหวานป่า ผักหวานบ้าน เหงือกปลาหมอ ผักโหบแหบ อ่อมแซบ (เบญจรงค์) ยอดอีสึก (ขุนศึก) อีหล่ำ

กลุ่มผลไม้ฤทธิ์เย็น กล้วยน้ำว้าสุก กล้วยหักมุก แก้วมังกร แคนตาลูป ชมพู่ เชอรี่ แตงโม แตงไทย ทับทิมขาว ลูกท้อ มังคุด มะยม มะขวิด มะดัน มะม่วง มะละกอ มะขามดิบ น้ำมะนาว น้ำมะพร้าว สาลี่ ส้มโอ ส้มเช้ง ส้มซ่า ส้มเกลี้ยง สมอไทย มะข้ามป้อม ลูกหยี หมากเม่า หมากผีผ่วย แอปเปิ้ล

https://www.facebook.com/604854409552585/photos/a.779357352102289.1073741829.604854409552585/812683215436369/

●●●¤¤¤*ตอนเป็นเเรกๆผมใช้สเตียรอยด์ผิวบางมากเห็นเส้นเลือดเลยครับ..เเต่พอมารักษากับคุณหมอจรัสศักดิ์ก็ต้องหยุด ใช้สเตียรอยด์เลย..ผลคือผิวดีขึ้น..เเข็งเเรงขึ้นจริงๆครับ....ขอบคุณ..คุณหมอครับ.**.A.คุณชาย บ...ดีขึ้นเพราะตั้งใจจริง เอาจริง สม่ำเสมอ ยินดีด้วยครับ ที่คุมอาการของผื่นได้ดีมากแล้ว แต่ความจริงผื่นของคุณชายบ... กว่าจะหายดี ก็มี ตั้ง 3 ระยะ 3 ตำแหน่ง 1ลำตัว 2 ปลายมือ และ3ใบหน้า คุณชาย บ...พอจะเล่าให้เพื่อนๆพี่น้องให้ฟัง ด้วยได้มั้ยครับ..? *คุณชาย บ.มาเล่า... Q***เเชร์สู่กันฟังนะครับ
ผมเป็นสะเก็ดเงินมาหลายปีครับ ใช้สเตียรอยด์มาตลอด ตอนหลังรับข่าวสารทางเน๊ตว่าฉายเเสงเเล้วหายได้..โดยไม่ต้องใช้ยาสเตียรอยด์ก็เลยตั้งใจมารักษาเพื่อเลิกยา เนื่องจากผิวบางมาก.เห็นผิวแดงๆ จึงมา.รักษาโดยการฉายNUVB - Narrow band UVB - ประมาณ 2เดือน กว่าๆ
ในระยะที่1 °°° ที่ตัว เเขนเเละ ขาหายหมด... คุณหมอว่าที่มือจะหายช้าสักหน่อยเเต่ผมก็ไม่กล้าบอกคุณหมอว่าผมยังมีใช้สเตียรอยด์ **ที่มืออยู่..กลัวโดนว่าครับ(ไม่หายสักกะทีเพราะยังใช้สเตียรอยด์อยู่)
°°°ระยะที่2 ผมตัดสินใจไม่ใช้สเตียรอยด์ที่มือเเล้วเพราะมั่นใจว่าที่อื่นหายได้ที่มือก็หายได้คือยอมแระ..แม้มือจะน่าเกลียดอย่างไร..ทนเอาประมาณ1เดือน.ใส่เสื้อแขนยาวก็ปิดไม่มิด...ทนๆๆ...ในที่สุดอาการที่ผุดออกมามากก็ลดลงเเละหายไปในที่สุด คุณหมอเห็นเเล้วยังบอกดีขึ้นมากเเละบอกอีกว่าดีใจด้วยนะครับ...ผมฟังเเล้วดีใจกับคำชมคุณหมอ♡♡
ระยะที่3°°°
มาเลิกสเตียรอยด์ที่ใบหน้า..คือ ผมใช้ครีมบำรุงใบหน้า จากคลินิกชื่อดัง ตอนเเรกไม่รู้ว่าที่หน้าผมใช้สเตียรอยด์อยู่เเต่สังเกตุว่าทำไมหน้ามีจุดถึงเเดงไม่หายสักทีทั้งที่เปิดหน้าฉายเเสง..พอดีอ่านใบประกาศที่รพ.เเม่ฟ้าหลวงว่าใครที่ใช้ยาทาสิวอาจจะมีส่วนผสมยาสเตียรอยด์อยู่เเละผิวจะไม่เเข็งเเรง จึงมาดูยาที่ตัวเองใช้เเล้วเอาไปถามที่คลินิกที่รักษามา ปรากฎว่ามียาสเตียรอยด์ผสมอยู่ด้วยจริงๆ...เลยเอามาปรึกษาคุณหมอจรัสศักดิ์..เเนะนำให้เลย ..ผมเลยตัดใจเลิกใช้ยาตัวนี้..เเละก็ฉายตามปกติสัปดาห์ละ1ครั้ง ต้องถอนยาอีกประมาณ1เดือนก็ดีขึ้นเเละหายครับ...
ขอบคุณหมอครับ..เเละขอให้ทุกคนสู้สู้เเละหายไวไวนะครับ..เเละสังเกตุยาที่ได้รับมาทาเเละทานด้วยนะครับ..จะใช้ยาอะไรลองปรึกษาคุณหมอของพวกเรา..ดีที่สุดครับ...ด้วยความห่วงใยครับ♡♡♡¤¤¤♡♡♡

https://www.facebook.com/604854409552585/photos/a.779357352102289.1073741829.604854409552585/842483582456332/

นำ “ว่านมหากาฬ” มาสกัดเป็นครีมทาเพื่อรักษาโรค “สะเก็ดเงิน” แทนการใช้ยาผสมสเตียรอยด์ โดยว่านมหากาฬมีฤทธิ์ลดอักเสบบวมยุบดีมาก

สารสกัดจากมะขามป้อมและโทงเทง มีตัวยาที่มีฤทธิ์ใกล้เคียงกับว่านมหากาฬ เพียงแต่มีฤทธิ์น้อยกว่าจึงนำมาเป็นส่วนผสมของครีมทาหน้าเพื่อรักษาสิว ฝ้า จุดด่างดำบนใบหน้าแทน โดยเน้นสารต้านอนุมูลอิสระ

คนที่ติดสเตียรอยด์มากๆ ใช้ยากดภูมิมานาน ถ้าหากหยุดการใช้สเตียรอยด์ในทันทีจะมีผลต่อการใช้ในระยะแรกจะมีการปะทุขึ้นมา เนื่องจากสเตียรอยด์และยากดภูมิตัวเดิมจะกดอาการไว้ หลังหยุดใช้ก็จะมีผื่นขึ้นมา แล้วจะเจอตัวยาจากว่านมหากาฬก็จะไปต่อสู้กัน จากนั้นก็จะค่อยทุเลาลงและหายไปในที่สุด

น้ำหลืองเสีย น้ำเหลืองภายในมันพุ ผู้ป่วยจะต้องออกกำลังกาย ดื่มน้ำเยอะๆ ไม่กินของแสลง

อาบแดดอ่อนๆตอนเช้า หรือ เย็น วันละ 15 นาที

..................
6 คุณค่าจากแสงแดดอ่อนๆ
แสงแดดแรงกล้าทำร้ายผิวหนัง แต่... แสงแดดอ่อนๆ กลับมีประโยชน์ต่อผิวหนัง – ร่างกาย – จิตใจ แบบที่อาหารอะไรก็สู้ไม่ได้... ตื่นเช้าๆ หรือไปเดินเล่นตอนเย็น เพื่อรับแสงแดดอ่อนๆ กันเถอะ...

ระวัง! ต้องเป็น “แดดเช้า” หรือ “แดดเย็น” เท่านั้น! ห้ามโดนแสงแดดจัด เป็นเวลานาน เพราะอาจทำให้เป็นมะเร็งผิวหนังได้ โดยเฉพาะในเวลา 10.00 - 14.00 น. ซึ่งเป็นเวลาแดดจัดมาก * ทั้งนี้เวลาแต่ละประเทศ ไม่เหมือนกัน เป็นการประมาณเท่านั้น เมืองไทยบางวันอาจมีแดดแรงตั้งแต่ 8.30 น. ต้องดูที่ความเหมาะสมนะคะ

ประโยชน์จากแสงแดดอ่อนๆ มีดังนี้คือ

1. แสงแดดให้วิตามิน ดี ซึ่งช่วยในการดูดซึมแคลเซียม เป็นประโยชน์ต่อกระดูกและฟันและช่วยในการย่อยอาหาร การได้รับแสงแดดในช่วงเช้าหรือช่วงเย็นทุกวัน จะทำให้ร่างกายสามารถสร้างวิตามิน ดี
ตามที่ร่างกายต้องการได้ครบทั้งหมด ไปนั่งสมาธิ นั่งๆ นอนๆ พักผ่อนสบายๆ หรือเดิน – วิ่ง - ออกกำลังกาย ก็ได้ประโยชน์ทั้งนั้น

2. แสงแดดช่วยให้อารมณ์แจ่มใส การวิจัยพบว่า ผู้หญิงกลุ่มที่อยู่ในแถบประเทศหนาว มีแสงสว่างน้อย เป็นเวลายาวนาน จะเกิดอารมณ์ซึมเศร้า ที่เกิดตามฤดูกาล แสดงให้เห็นว่า แสงแดดมีผลกระทบต่อระบบประสาทและอารมณ์ เพราะแสงแดดช่วยให้สมองหลั่งฮอร์โมนเอนดอร์ฟิน เป็นสารความสุขสุขที่ช่วยให้รู้สึกสบายนั่นเอง

3. แสงแดดทำให้ผิวหนังแข็งแรงขึ้น ต้านทานโรค ลดอาการอักเสบติดเชื้อได้ อาทิ โรคสะเก็ดเงิน แผลแมลงสัตว์กัดต่อย หรือแม้กระทั่ง สิว

4. แสงแดดช่วยเสริมสร้างระบบภูมิต้านทาน ด้วยการช่วยเพิ่มความสามารถของเม็ดเลือดแดง ในการลำเลียงออกซิเจน เมื่อได้รับออกซิเจนอย่างเต็มที่ เซลล์ต่างๆ ในร่างกายจะทำงานได้ดีขึ้น

5. แสงแดดช่วยลดน้ำหนัก โดยไปกระตุ้นอัตราเผาผลาญอาหารของร่างกาย ช่วยให้เผาผลาญแคลอรีได้บ้าง แต่ไม่ได้เผาผลาญมากขนาดที่จะทำให้คุณกินอาหารเต็มพิกัด แล้วจะไปตากแดด เพื่อเผาผลาญพลังงานได้หมด โปรดอย่าเข้าใจผิด น้ำหนักจะลดมากน้อยขึ้นอยู่กับการเลือกกิน และอื่นๆ ด้วย

6. แสงแดดช่วยลดอาการตัวเหลืองในเด็กแรกเกิดได้ โดยพาเด็กไปตากแดดอ่อนๆ ในตอนเช้า และให้ดื่มน้ำมากๆ อาการตัวเหลืองจะหายไปในที่สุด

ลุกจากเก้าอี้ เดินออกกลางแจ้งไปรับประโยชน์ของแสงแดดจากธรรมชาติทุกวันๆ เริ่มต้นตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปเลยนะคะ เพื่อสุขภาพที่ดีของตัวเราเอง

***** *****

หนังสือชื่อ “...อย่าให้หมอฆ่าคุณ...”
https://th-th.facebook.com/ThairathFan/posts/881024381965030

.....นี่คือ สุดยอด หนังสือสุขภาพ ที่ขายดีที่สุดในญี่ปุ่น ยอดขายมุ่งสู่ 2 ล้านเล่ม และยังแรงไม่หยุดในตอนนี้

....."ผมเป็นหมอมา 40 ปีแล้ว พูดได้เต็มปากว่า ยิ่งใครไปหาหมอบ่อยๆ ชีวิตก็ยิ่งจะสั้นลงได้ง่ายๆ จากยาและกระบวนการรักษา สิ่งสำคัญ อาจไม่ใช่ศรัทธา หรือ ความเชื่อในการรักษาทางการแพทย์ แต่อยากให้ คุณไตร่ตรองอย่างเป็นเหตุเป็นผล มากกว่าครับ"
-- นายแพทย์ คนโด มะโกะโตะ บุคคลเกียรติคุณแห่งญี่ปุ่น ผู้เชี่ยวชาญด้านรังสีรักษา ผู้บุกเบิกการรักษามะเร็งเต้านมโดยไม่ตัดทิ้ง --

.....หนังสือเล่มนี้ เขียนโดย แพทย์ประจำภาควิชารังสีวิทยา คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเคโอ ผู้ได้รับรางวัลเกียรติคุณแห่งญี่ปุ่น ในฐานะผู้บุกเบิก การรักษามะเร็งเต้านม โดยไม่ตัดทิ้ง

.....แต่คุณหมอคนโด ไม่ได้เขียนหนังสือ เกี่ยวกับ วิธีรับมือกับโรคมะเร็งเท่านั้น แต่ยังให้ความรู้ สุขภาพแบบองค์รวม ในมุมมองที่คุณคาดไม่ถึงมาก่อน เป้าหมายของคุณหมอ ก็คือให้ คุณห่างไกลยา และ การรักษาที่ไม่จำเป็น

=...น่าสนใจจากในเล่ม...=

.....*..90 % ของผู้ป่วยโรคมะเร็งในญี่ปุ่น หากปล่อยเนื้อร้ายทิ้งไว้ จะมีชีวิตอยู่ได้อย่างแข็งแรง มากกว่า การเข้ารับการรักษา

.....*..ยาต้านมะเร็ง หรือ เคมีบำบัด (คีโม) เป็นพิษที่ร้ายแรง มีฤทธิ์แค่ “...ทำก้อนเนื้อร้ายเล็กลง ชั่วคราว...” ไม่ได้ช่วย รักษา หรือ มีประโยชน์ ในการยื้อชีวิตออกไป แต่อย่างใด

.....*..มีการปรับมาตรฐาน ค่าความดันโลหิตสูงสุดจาก 160 มิลลิเมตรปรอท ลงมาเป็น 140 ในปี 2000 และ 130 ในปี 2008 ทำให้อยู่ดีๆ คนจำนวนมาก ก็กลายเป็น “...ผู้ป่วยความดันโลหิตสูง...” ทั้งหมดนี้เอื้ออำนวย ต่อ ธุรกิจขายยาลดความดัน ล้วนๆ

.....*..มะเร็ง ที่ไม่สร้างความเจ็บปวด แม้จะปล่อยไว้ก็มีไม่น้อย เช่น มะเร็งกระเพาะอาหาร มะเร็งทางเดินอาหาร มะเร็งตับ มะเร็งปากมดลูก เป็นต้น

.....*..ก้อนมะเร็ง มีทั้งของจริงและของปลอม แต่ไม่ว่าจะจริง หรือ ปลอม วิธีรักษาด้วย การผ่าตัด หรือ ทำคีโม จะเปล่าประโยชน์เสีย 90 %

.....*..ก้อนมะเร็ง ไม่ได้ทำให้เราต้องทุกข์ทรมาน จนกระทั่งเสียชีวิตหรอก แต่สาเหตุคือ “...กระบวนการรักษามะเร็ง...” ต่างหาก

.....*..ยาลดคอเลสเตอรอล ที่ขายกันทั่วโลก (ยาประเภท Statins) มีโอกาส ป้องกันโรค ได้น้อยยิ่งกว่า การถูกล้อตเตอรี่ ในอเมริกา คณะกรรมการที่รณรงค์ ให้ลดค่ามาตรฐาน ของไขมันไม่ดี (LDL Cholesterol) เพื่อให้คนจำนวนมากขึ้น ถูกวินิจฉัยว่า ป่วย รับเงินจากธุรกิจยาถึง 8 ใน 9 คน จนเกิดการประท้วง

.....*..คนร่างกายแข็งแรง ควรหลีกเลี่ยงการฉายรังสี (เอ๊กซเรย์) และการทำซีทีสแกน แม้ครั้งเดียว ก็เสี่ยงที่จะทำให้เป็นมะเร็ง

.....*..หากไม่รักษามะเร็ง เราก็สามารถควบคุม ความเจ็บปวดได้เบ็ดเสร็จเด็ดขาด สติอยู่ครบถ้วน ไม่มีการเลอะเลือน จนถึงวาระสุดท้ายของชีวิต ซึ่งจะจากไปอย่างสงบ และเมื่อเทียบกันแล้ว หัวสมองปลอดโปร่งกว่ามาก และไม่ต้องสูญเสียกิจกรรม อย่าง “...การเดินเล่น...” ด้วย

.....*..การบำรุงร่างกาย และ สมอง จำเป็นต้องได้รับไขมัน และ โปรตีน อย่างเพียงพอ แต่ไม่ต้องไปกินอาหารเสริมใดๆ เพียงกินไข่ และดื่มนม ทุกวันก็เพียงพอแล้ว

.....*..ทุกคนควรเขียน “...พินัยกรรมชีวิต...” ไว้ หมายถึง เอกสารแสดงเจตจำนงว่า อยากให้รักษาอย่างไรช่วงก่อนจะเสียชีวิต ควรเขียนออกมาอย่างเป็นรูปธรรมที่สุด เช่น “...ไม่จำเป็นต้องฝืนให้อาหารเช่นสอดท่อให้อาหารผ่านทางจมูก...” “...ถ้าใส่เครื่องช่วยหายใจครบ 1 สัปดาห์แล้วยังไม่ได้สติ ให้ถอดเครื่องออกเลย...”

.....หนังสือชื่อ “...อย่าให้หมอฆ่าคุณ...” เขียนโดย Kondo Makotoนี่


Psoriasis Future
โดย อ.นพ.จรัสศักดิ์ เรืองพีระกุล
รพ.มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง กรุงเทพฯ

https://www.youtube.com/watch?v=qao04k86Q-M
https://www.youtube.com/watch?v=EPbz877rwxI
การรักษาแผลสะเก็ดเงินภายนอก(ผิว)ใช้อยู่ 2 วิธี

1) ใช้ยาทาผิวที่มีส่วนผสมของสเตียรอยด์ 0.1% ใช้ไม่เกิน 10 วัน (ถ้ามากกว่านี้จะมีผลข้างเคียง ผิวหนังบาง ติดเชื้อง่าย ไหม้ มีสิว ระคายเคือง ผิวหนังแห้งแตก ต่อมใต้ผิวหนังอักเสบ สีดล้ำ และร่างกายจะขาดโปแตสเซียม) ทางเฉพาะบริเวณที่เป็นสะเก็ดเงินเท่านั้น ทาวันละ 2-3 ครั้ง หลังจากสะเก็ดเงินบางลงหยุดใช้

ถ้าไม่ใช้สเตียรอยด์ทา ยังมียากลุ่มอื่นที่ไม่ใช้สเตียรอยด์ แต่มีราคาแพง เช่น โปรโทปิค (PROTOPIC) ยาอิริเดล (ELIDEL) แทนได้ประสิทธิภาพเทียบเท่าสเตียรอยด์ ชนิดอ่อนและปานกลางเท่านั้น นับว่าเป็นทางเลือกได้อีกทางที่ช่วยระงับอาการคันได้

2) ใช้น้ำมันมะพร้าวทาผิวต่อเนื่อง ทาได้บ่อยๆ ผิวหนังจะชุ่มชื้นเข้าอาการสะเก็ดเงินจะควบคุมได้ดี และใช้น้ำมันมะพร้าวบริสุทธิ์ทาได้ตลอด

.....................................................

ผู้ป่วยสะเก็ดเงินส่วนหนึ่งจะมีผื่นที่ศีรษะซึ่งอาจเป็นอาการแสดงเริ่มแรก หรือเป็นในภายหลังก็ได้ ผื่นสะเก็ดเงินที่ศีรษะมีความรุนแรงแตกต่างกันได้หลายระดับ ดังนั้นการดูแลรักษาจึงแตกต่างกันตามความรุนแรง

การรักษาสะเก็ดเงินที่ศีรษะ : ควรเลือกใช้ยาให้เหมาะกับความรุนแรงของพื้นที่ศีรษะ ดังนี้

• ความรุนแรงน้อย - สระผมด้วยแชมพูน้ำมันดิน โดยนวดทิ้งไว้ 5 นาทีแล้วล้างออก

- ทาผื่นที่ศีรษะด้วย ยาสเตียรอยด์ชนิดสารละลาย

• ความรุนแรงมาก – หมักด้วยน้ำมันมะกอกข้ามคืน เพื่อช่วยให้ขุยและสะเก็ดนุ่ม

- สระผมด้วยแชมพูน้ำมันดินวันเว้นวัน โดยนวดทิ้งไว้ 5 นาทีแล้วล้างออก

- ทาผื่นที่ศีรษะด้วย ยาสเตียรอยด์ชนิดครีมน้ำนม

• ผื่นรุนแรงและมีน้ำเหลือง – ชะแผลด้วยน้ำเกลือ วันละ 3-4 ครั้งจนน้ำเหลืองแห้ง แล้วใช้น้ำมันมะกอกหรือ baby oil ทาเสริมเพื่อเพิ่มการดูดซึมของยา

วิธีการทายา

• ใช้หวีแสกเส้นผมทีละส่วน แล้วทายาที่หนังศีรษะบริเวณรอยแสก

เทคนิคการทายาให้มีประสิทธิภาพ

ทายาให้ถูกที่,ถูกตำแหน่ง
ทาถูกวิธี
ทาตรงตามเวลา (คือ ทาวันละ 2 ครั้ง)
ทาต่อเนื่อง เป็นเวลานานพอ
สรุป
การรักษาสะเก็ดเงินจะต้องอาศัยการดูแลแบบองค์รวม คือต้องหลีกเลี่ยงสาเหตุที่กระตุ้นให้โรคกำเริบ เช่นความเครียด พักผ่อนน้อย เป็นหวัดเจ็บคอ การแกะเกา การดื่มสุรา เป็นต้น การรักษาโดยใช้ยา เป็นเพียงส่วนหนึ่งในการรักษาเท่านั้น

คำถามจากการประชุม

1. แชมพูน้ำมันดิน ต้องใช้ต่อเนื่องหรือไม่?
ควรสระผมด้วยน้ำมันดินอย่างต่อเนื่องจนผื่น ขุย และสะเก็ดบนศีรษะลดลง โดยทั่วไปใช้วันเว้นวัน ถ้าอาการดีขึ้น ก็ลดความถี่ลง อาจใช้สลับกับแชมพูอื่นได้

2. สามารถใช้น้ำอุ่นสระผม ได้หรือไม่?

ได้ แต่ไม่ควรร้อนมาก เพราะน้ำร้อนทำให้หลอดเลือดขยาย และทำให้เม็ดเลือดขาวซึ่งก่อให้เกิดการอักเสบมาที่ผิวหนังเพิ่มขึ้นด้วย

3. โรคสะเก็ดเงิน เป็นสาเหตุทำให้ผมร่วงได้หรือไม่?

สะเก็ดเงินมีพยาธิสภาพเกิดที่ผิวหนังชั้นนอก (หนังกำพร้าและหนังแท้ส่วนบน) แต่ รากผมอยู่ในชั้นลึกจึงไม่เกิดการอักเสบด้วย ผมจึงไม่ร่วง

ในกรณีที่เกาจนผมร่วง ผมจะขึ้นใหม่ได้ เพราะเซลล์ที่สร้างรากผมยังอยู่

4. การไดร์ผม ดัดผม ทำให้โรคสะเก็ดเงินกำเริบได้หรือไม่?

ถ้าร้อนเล็กน้อยไม่เป็นไร แต่ถ้าร้อนมาก ทำให้หลอดเลือดขยายตัว เม็ดเลือดขาวมาที่ผิวหนังมากขึ้น

5. ถ้าหนังศีรษะเป็นปกติแล้ว จำเป็นต้องใช้แชมพูน้ำมันดินเพื่อควบคุมอาการหรือไม่?

ไม่จำเป็นต้องสระผมด้วยแชมพูน้ำมันดินตลอดไปดูตามอาการอักเสบที่หนังศีรษะ ว่าเป็นมากหรือน้อย แล้วสระผมด้วยแชมพูน้ำมันดินรวมกับทายาครีมสเตียรอยด์ เมื่ออาการหนังศีรษะอักเสบสงบ อาจใช้แชมพูน้ำมันดินสระเป็นครั้งคราว เช่น สัปดาห์ละ 1-2 ครั้ง เป็นต้น

6. ควรเลือกใช้น้ำมันมะกอกหรือ baby oil ?

ใช้ชนิดไหนก็ได้ ขึ้นกับความชอบของแต่ละบุคคล แต่ baby oil บางชนิดผสมเครื่องหอม อาจทำให้เกิดผื่นแพ้สัมผัสได้

7. อยากทราบความสัมพันธ์ของโรคผิวหนังอักเสบ (seborrheic dermatitis) กับโรคสะเก็ดเงิน?

Seborrheic dermatitis เป็นโรคผิวหนังอักเสบในบริเวณที่มีต่อมไขมัน เช่น ศีรษะ หน้าหน้าอก หลังส่วนบน สะดือ หัวเหน่า และรักแร้ โรคสะเก็ดเงินก็เป็นใน บริเวณ เหล่านี้ได้

ผู้ป่วยบางคนสงสัยเป็นผิวหนังอักเสบ seborrheic dermatitis เมื่อติดตามต่อไป อาจ เป็น seborrheic dermatitis หรือเป็นสะเก็ดเงินก็ได้ แต่ถ้าเป็นตำแหน่งที่มีต่อมไขมันมากๆ ไม่เป็นที่อื่นเลยจะสงสัยเป็น seborrheic dermatitis มากกว่า ถ้าเป็นโรคสะเก็ดเงินผื่นมักเกิดได้ทุกตำแหน่งของผิวหนัง

ที่มา http://www.si.mahidol.ac.th/project/psoria/quiz/quiz05.htm


https://www.facebook.com/saked.1/posts/655628424521466
Photo

ผู้ที่ป่วยเป็นโรคสะเก็ดเงิน ห้ามรับประทานอาหารดังต่อไปนี้โดยเด็ดขาด
1. อาหารทะเล เช่น ปลาหมึก กุ้ง ปู ส่วนปลาต่างๆ สามารถรับประทานได้ แต่ห้ามรับประทานปลาที่ไม่มีเกล็ด เช่น ปลาดุก ปลาไหล
2. ถั่วต่างๆ เช่น ถั่วลิสง ถั่วเขียว (ถั่วเหลืองรับประทานได้)
3. ของหมักดอง เช่น ผลไม้ดอง ปูดอง ปลาร้า ผักกาดดอง
4. อาหารรสจัดต่างๆ เช่น เปรี้ยวจัด เผ็ดจัด เค็มจัด (ปูเค็ม ปลาเค็ม)
5. สัตว์ปีก เช่น เป็ด ห่าน
6. เครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ เช่น เหล้า เบียร์
7. อื่นๆ ได้แก่ หน่อไม้ เนื้อวัว ข้าวเหนียว ขนุนสุกๆ


ดูแลอย่างไรเมื่อเป็นโรคสะเก็ดเงิน (Psoriasis) - กายภาพบําบัด
http://www.กายภาพบําบัด.com//article/ดูแลอย่างไรเมื่อเป็นโรคสะเก็ดเงิน-psoriasis

http://www.pumedin.com/index.php?lay=boardshow&ac=webboard_show&WBntype=1&No=1226657

http://www.si.mahidol.ac.th/project/psoria/quiz/quiz05.htm

http://www.balavi.com/webboard/QAview.asp?id=1966

การรักษาแผลสะเก็ดเงินด้วยโภชนาการและการปฏิบัติตอนเช้าและก่อนนอน
 
1) ตื่นเช้าทำ OIL PULLING 15-20 นาที
2) ตามด้วยการดื่มน้ำ 1-2 แก้ว
3) รับประทานสิ่งต่างๆเหล่านี้วันละ 2-3 เวลาก่อนอาหาร
    - น้ำมันมะพร้าวบริสุทธิ์ (ไม่แต่งกลิ่นสังเคราะห์ เพราะมีสารเคมี)  
    - กระเทียมสด หรือกระเทียมอัดเม็ด (อิมมิวนีท็อป 2000)          
    - เลซิติน (ไวทัล-เอ็ม)                                                                         
    - น้ำมันตับปลา                                                                         
    - บริวเวอร์ยีสต์                                                                        
    - ขมิ้นชัน                                                                               
    - N-ACETYLCYSTEIN (NAC LONG),(MUCIL)
    - Evening Primrose Oil (EPO)
4) อาหารแต่ละมื้อให้ดูอาหารที่ควรหลีกเลี่ยง และทานอาหารที่ควรรับประทาน อย่าลืมการดื่มน้ำที่ถูกต้อง
5) ออกกำลังกายอย่างน้อย 15 นาที อาทิตย์ละ 3 ครั้ง
6) พักผ่อนให้สบาย ฝึกมองโลกในแง่บวก จิตแจ่มใส ผ่อนคลาย
7) เพิ่มอาหารที่มีฤทธิ์เย็น เช่น ผักผลไม้, แตงกวา, ฟัก, ถั่วต้ม+เห็ดหูหนูขาว หรือเครื่องดื่มที่มีฤทธิ์เย็น เช่น น้ำใบบัวบก, ย่านาง, เก็กฮวย, จับเลี้ยง, น้ำถั่วเขียว เพื่อดับร้อนในร่างกาย ดื่มแทนน้ำทุกวันจะดีมาก ไม่ใส่น้ำตาล หรือน้ำตาลน้อย 

http://www.naturalmind.co.th/index.aspx?ContentID=ContentID-090623082919391


โรคสะเกิดเงิน จะเป็นผื่นแดงนูนหนา มีขุยสะเก็ดเป็นแผ่นๆ บนผื่นเหล่านั้น บางรายมีขุยสะเก็ดสะท้อนแสงดูคล้ายมีโลหะรวมอยู่ และมักเกิดบริเวณที่มีการเสียดสี เช่น ศอก เข่า หลัง บนหนังศีรษะ แนวไรผม เล็บผิดปกติ ไม่ค่อยพบผื่นบริเวณใบหน้า กรณีที่เป็นไม่มาก มักทำให้เข้าใจว่าเป็นผื่นแดงเนื่องจากภูมิแพ้ แต่หากผู้ป่วยโรคสะเก็ดเงินดูแลไม่ถูกต้องผื่นอาจลามไปทั้งตัว

ถ้ามีขุยสะเก็ดแผ่นใหญ่ เลยออกมานอกชายผม ใต้ฐานของขุยสะเก็ดมีผื่นแดง และผมไม่ร่วง เหล่านี้ไม่ใช่แค่รังแคธรรมดา แต่มักเป็นสะเก็ดเงิน

 แต่ที่ผู้ป่วยควรระวัง คือ อาการทางข้อ คนไทยที่เป็นโรคนี้ ร้อยละ 20 มีอาการรุนแรง เพราะเป็นโรคถึงข้อต่อกระดูก ส่งผลให้ข้อเสียรูป บิดเบี้ยว ถ้าไม่รักษาอาจทำให้ผิวบวมออก ข้อติดขัด งอไม่ได้ ปวด เสี่ยงพิการ ที่สำคัญ ความผิดปติที่ลงไประดับข้อต่อของผู้ป่วยสะเก็ดเงิน จะแตกต่างกับผู้ป่วยรูมาตอยด์ คือ ผู้ป่วยรูมาตอยด์จะไม่มีลักษณะของเล็บที่ผิดปกติ


อาการที่พบ ผู้ป่วยมีผื่นตุ่มนูนแดง อักเสบมีน้ำเหลืองเยิ้ม บริเวณด้านหน้าลำตัว ด้านข้างลำตัว ด้านหลังของลำตัว แขน แข้ง ขาและหนังศีรษะ รู้สึกตึงผิว คันพอทน และผู้ป่วยเล่าว่าครั้งนี้มีอาการรุนแรงมากกว่าทุกครั้ง ป่วยและรักษาที่โรงพยาบาลในกรุงเทพฯ (แผนปัจจุบัน) นานเกิน ๑๐ ปี ไม่หายขาดเป็นๆ หายๆ ด้วยการใช้ยาทาและแชมพูสระผม และยาที่เคยใช้หมด ไม่ได้ไปรักษาที่ไหน

วิธีการรักษา

๑.ให้ใช้น้ำหมักชีวภาพสมุนไพรรางจืดนานเกิน ๖ เดือนขึ้นไป ทาบริเวณที่มีตุ่ม ผื่นแดง อักเสบ หลังทำความสะอาดร่างกายหรือหลังอาบน้ำ วันละ ๒ ครั้ง (เช้า-เย็น)

๒.ใช้ชาชงสมุนไพรรางจืดแห้ง ต้มดื่มวันละ ๒-๓ ครั้ง (เช้า-เย็น)หรือดื่มแทนน้ำทั้งวัน

    สรุปผลการรักษาโรคสะเก็ดเงิน ด้วยสมุนไพรไทยรางจืด :  พบว่าการใช้น้ำหมักสมุนไพรรางจืดทาและดื่มชาชงสมุนไพรรางจืด อาการโรคระยะที่มีอาการลุกลามหรือที่มีอาการรุนแรง สามารถรักษาโรคสะเก็ดเงินให้โรคสงบลงได้จนถึงขณะนี้ (ตามรูปถ่ายแนบท้าย)

   ระยะเวลาการศึกษา :  ระยะเวลา ๙ เดือน  ๖ วัน (ช่วงเวลาตั้งแต่ ๑๗ พฤศจิกายน ๒๕๕๕ – ๒๒ สิงหาคม ๒๕๕๖)

http://www.r2rthailand.org/knowledge/1427

ลำดับอาการที่แสดงถึงสภาพผิวหนังที่เริ่มมีปัญหาหรืออาการผิวแห้ง มี 3 ระดับ ได้แก่ 
1.ผิวแห้งทั่วไป ผิวจะแห้งตึงและคันเล็กน้อย พบเวลาอากาศเปลี่ยนแปลง 
2.ผิวแห้งปานกลาง พบในผู้เป็นโรคผิวหนังหรือสัมผัสกับสารระคายเคืองอย่างต่อเนื่อง บริเวณฝ่ามือ ฝ่าเท้า แขน ขา จะลอกเป็นขุยหรือสะเก็ดเล็กน้อย แดงและคัน และ 
3.ผิวแห้งมาก ผิวหนังลอกเป็นขุยเป็นสะเก็ด ตึงปริแตกเป็นแผล แดงบวมคันหรือแสบ มักเกิดจากโรคผิวหนังเรื้อรังหรือโรคภูมิแพ้รุนแรง โรคจากพันธุกรรม อาทิ โรคสะเก็ดเงิน หรือสัมผัสสารระคายเคืองเป็นเวลานาน

เคล็ดลับการดูแลผิวในช่วงฤดูหนาวทำง่ายๆ ได้ทุกวัน อาทิ ทาโลชั่นให้ความชุ่มชื่นอย่างน้อยวันละ 2 ครั้ง หลังอาบน้ำเสร็จทันทีภายใน 3-5 นาที, 
รับประทานอาหารและดื่มน้ำอย่างเพียงพอ อาทิ วิตามินอี ไข่ไก่ ปลา เนื้อวัว หมู ถั่วต่างๆ พืชผักต่างๆ 
ไม่ควรอาบน้ำอุ่นจัดหรืออาบน้ำนานเกินไป ซึ่งจะทำให้ผิวแห้ง

เรื่องผิวๆ ต้องใส่ใจ

http://www.prachachat.net/news_detail.php?newsid=1415858508

การเจาะ เช่น การเจาะหู เจาะสะดือ เจาะลิ้น หน้า อวัยวะเพศ หัวนม  ผลเสียจากการสัก เจาะ  อาจทำให้เกิดการติดเชื้อแบคทีเรีย ทำให้เป็นฝี หนอง โรคบาดทะยัก วัณโรค ผิวหนัง ตับอักเสบ ซิฟิลิส เอดส์ หรือเกิดอาการแพ้ เช่น แพ้โลหะ ที่ใช้เจาะ ใส่ เช่น แพ้นิเกิ้ล แพ้สีที่ใช้สัก  บางคนอาจเกิดแผลเป็น หรือเกิอกาการกำเริบของโรคผิวหนัง ที่มีอยู่ก่อน เช่น สะเก็ดเงิน โรคผิวหนังอักเสบ นอกจากนี้หากต้องการลบรอยสักจะเจ็บมากกว่าและเสียค่าใช้จ่ายมากกว่า

http://www.prachachat.net/news_detail.php?newsid=1371546641

ประโยชน์ของน้ำมันปลา

 ลดระดับของไตรกลีเซอร์ไรด์ในเลือด และเพิ่มระดับของเอชดีแอลโคเลสเตอรอล ซึ่งเป็นไขมันที่ดี 

ป้องกันการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือด โดยลดการเกาะตัวกันของเกล็ดเลือด ทำให้เลือดไม่เกาะตัวเป็นลิ่ม เลือดจึงไหลเวียนได้ดีขึ้น

ลดความดันโลหิต

บรรเทาอาการอักเสบ ปวด บวมของโรคปวดข้ออักเสบรูมาตอยด์
 
บำรุงระบบประสาทและสมอง ทำให้ความจำและความสามารถในการเรียนรู้เพิ่มมากขึ้น
 
ลดการอักเสบของโรคสะเก็ดเงินหรือโรคเรื้อนกวาง


http://www.thaihealth.or.th/healthcontent/article/17557

การรักษาโรค “ภูมิแพ้-ภูมิเพี้ยน” ด้วยวิถีทางโภชนาการ
        - น้ำมันมะพร้าว+กระเทียมเป็น SUPER ANTIOXIDANT ช่วยเพิ่มภูมิต้านทานอย่างสูงเรียกว่ากรดอัลฟ่าไลไปอิด  
        - การดื่มน้ำให้ถูกต้องและพอสำหรับร่างกาย 
        - น้ำเอนไซม์มี 2 ชนิด 1.ได้จากผักสด+ผลไม้ / 2.น้ำหมักชีวภาพ ช่วยกำจัดสารพิษ และช่วยย่อยอาหาร (ผู้ป่วยภูมิแพ้หรือสะเก็ดเงินจะมีอาการกรดในกระเพาะอาหารไม่เพียงพอ)  
        - ข้าวกล้อง มีอิโนซิตอส ลดการอักเสบ (เลี่ยงข้าวขาว)  
        - ผักตำลึง,ใบบัวบก,ย่านาง คั้นเป็นเครื่องดี่มมีฤทธิ์เย็นและมีเอนไซม์ย่อยแป้ง  
        - มะละกอดิบ มีเอนไซม์ย่อยโปรตีน  
        - ผักสด+ผลไม้ ทานสดมีเอนไซม์เพิ่มพลังชีวิต  
        - เน้นอาหารจากธรรมชาติ RAW FOOD ไม่ผ่านการปรุงแต่งหรือปรุงแต่งให้น้อยที่สุด  
        - วิตามินและเกลือแร่ ช่วยต้านอนุมูลอิสระ  
        - อาหารที่ย่อยง่ายและเคี้ยวอาหารให้นานขึ้น  
        - สาหร่ายทะเลช่วยส่งเสริมการทำงานไทรอยด์ (เพิ่มภูมิต้านทาน)

http://www.naturalmind.co.th/index.aspx?ContentID=ContentID-110131133627561

ได้กินกันหรือยัง

ประโยชน์ของมังคุด ประโยชน์เปลือกมังคุด สรรพคุณของมังคุด ราชินีผลไม้ไทย
ช่วยปรับสมดุลร่างกาย-คลายร้อน

มังคุด...สรรพคุณเหลือล้น

คนไทยรู้จักการนำธัญพืชต่างๆ จากธรรมชาติมาใช้ในการดูแลป้องกันและรักษาสุขภาพมาตั้งแต่อดีต“มังคุด” ผลไม้ไทยที่ขึ้นชื่อลือชาด้านความอร่อย จนผู้คนให้สมญานามว่า “ราชินีผลไม้ไทย” ก็เป็นหนึ่งในผลไม้ไทยที่นอกเหนือจากความอร่อยแล้ว ยังอุดมไปด้วยสารอาหารที่มีคุณค่าในการป้องกันและรักษาสุขภาพให้กับผู้คนมายาวนาน

จากการศึกษาและวิจัยทางวิทยาศาสตร์ เพื่อค้นหาสารสกัดจากมังคุด พบว่าผลมังคุดมีสารแซนโทน (Xanthone) มากกว่า 40 ชนิด สารแซนโทนนั้นเป็นสารประกอบตามธรรมชาติที่สามารถพบได้ในผักและผลไม้ ในธรรมชาติสารแซนโทนมีมากกว่า 200 ชนิด

ปัจจุบันทางวิทยาศาสตร์การแพทย์ให้ความสนใจในการศึกษาและวิจัยถึงคุณประโยชน์อันน่ามหัศจรรย์ของสารประกอบจากธรรมชาติชนิดนี้อย่างแพร่หลาย

กลุ่มนักวิจัยชั้นนำในไทยก็มีการศึกษาและวิจัยสารสกัดจากมังคุดอย่างต่อเนื่องมากว่า 31 ปีที่แล้ว คณะนักวิจัยไทย นำโดย ศ.ดร.พิเชษฐ์ วิริยะจิตรา นักวิจัยชื่อดัง และหนึ่งในผู้ร่วมก่อตั้งศูนย์วิจัยและพัฒนามังคุดไทย ค้นพบว่าแซนโทนที่มีสรรพคุณสูงสุด คือ GM-1 ซึ่งเป็นสารที่มีความปลอดภัยกว่าสารที่ให้รสเปรี้ยวในส้มถึง 5 เท่า

สาร GM-1 มีสรรพคุณในการป้องกันและรักษาโรคมากมาย อาทิ การระงับการเจริญเติบโตของเชื้อแบคทีเรีย และยังมีประสิทธิภาพในการฆ่าแบคทีเรียได้เทียบเท่ายาปฏิชีวนะราคาแพง การป้องกันและต้านการอักเสบได้ โดยมีประสิทธิภาพถึง 3 เท่าของแอสไพริน การระงับอาการปวด และลดอาการแพ้ได้ การต้านอนุมูลอิสระได้ดี

ช่วยป้องกันโรคหัวใจ ซึ่งมีสาเหตุที่เกิดจาก LDL Cholesterol Oxidation อีกทั้งยังพบว่า สารสกัดจากมังคุดยังช่วยยับยั้งการเจริญและฆ่าเซลล์มะเร็งในร่างกาย โดยไม่สร้างความเสียหายให้กับเซลล์ดีที่อยู่รอบๆ และสามารถระงับการเจริญของเชื้อวัณโรคและเชื้อ HIV ได้

นักวิทยาศาสตร์การแพทย์จากหลากหลายสาขาวิชาการ และการวิจัยทางวิทยาศาสตร์การแพทย์นอกกรอบของศูนย์วิจัยและพัฒนามังคุดไทย โดยได้รับการส่งเสริมและสนับสนุนงบประมาณจากองค์การมหาชน สำนักงานพัฒนาการวิจัยการเกษตรและบริษัทมหาชน ทำให้เกิดปฏิบัติการวิจัยต่อยอดเชิงปฏิบัติของสารสกัดธรรมชาติจากมังคุด หรือเรียกกันว่า Operation BIM

ปฏิบัติการสร้างภูมิคุ้มกันสมดุล หรือ “Operation BIM” คือ ปฏิบัติการวิจัยต่อยอดเชิงประยุกต์ของผลการวิจัยสรรพคุณของผลไม้และธัญพืชหลากชนิด แล้วนำมาผสมกันให้เกิดการเสริมประสิทธิภาพ จนเกิดเป็นสารอาหารที่ช่วยปรับระดับภูมิคุ้มกันให้สมดุลที่มีประสิทธิภาพ ปลอดภัยและไร้ผลข้างเคียง อันจะส่งผลให้ประชากรโลกสามารถมีอายุยืนและมีความสุขมากขึ้น พร้อมทั้งยังช่วยให้มีผู้คนมีสุขภาพดียิ่งขึ้นด้วย

ทั้งนี้ เพราะร่างกายสามารถป้องกันสารแปลกปลอมจากภายนอกที่ทำลายสุขภาพ และก่อให้เกิดโรคร้าย เช่น สารเคมีอันตราย เชื้อรา เชื้อแบคทีเรีย เชื้อไวรัส ตลอดจนเซลล์มะเร็ง และร่างกายสามารถลดอาการผิดปกติ ซึ่งเกิดขึ้นจากสภาวะแพ้ภูมิตัวเอง ที่ส่งผลให้เกิดปัญหาทางผิวหนัง สะเก็ดเงิน กระเพาะและลำไส้อักเสบ ข้อเข่าเสื่อม เบาหวาน อาการแพ้ หัวใจ ตับและไตทำงานผิดปกติ หอบหืด สันนิบาต อาการชัก เป็นต้น

BIM หรือ Balancing Immune เป็นการนำสารธรรมชาติจากผลไม้และธัญพืชหลากหลายมาเสริมประสิทธิภาพกับสาร GM–1 จากมังคุด จนเกิดผลกระตุ้นการหลั่ง Interleukin 2 (อินเตอร์ลิวคิน 2) ซึ่งเป็นชีวโมเลกุลที่เพิ่มภูมิคุ้มกันในร่างกายให้มากขึ้นได้อย่างมหัศจรรย์ แต่ไม่มากเกินไปจนเกิดผลข้างเคียง และเป็นผลจากการลดการหลั่ง Interleukin 1 ซึ่งเป็นชีวโมเลกุลที่ทำให้เกิดการแพ้ภูมิตัวเองได้อย่างมีประสิทธิภาพสูง แล้วยังสามารถลดความผิดปกติที่เกิดจากการแพ้ภูมิตัวเองได้อีกด้วย

ที่ผ่านมาสำนักงานอาหารและยาของสหรัฐอเมริกาได้อนุญาตให้ใช้ Interleukin 2 เป็นยาฉีดเข้าเส้นเลือดและเข้าใต้ผิวหนัง เพื่อรักษามะเร็งขั้นสุดท้าย หลังจากการทดสอบจนแน่ใจว่ามีประสิทธิภาพสูง ปลอดภัย และไร้ผลข้างเคียงแล้ว ทางศูนย์วิจัยและพัฒนามังคุดแห่งชาติจึงจดทะเบียนกับสำนักงานอาหารและยา

“องค์การมหาชนประสานนักวิทยาศาสตร์การแพทย์ระดับโลกจากมหาวิทยาลัยชั้นนำของรัฐจากเหนือจรดใต้ ร่วมงานวิจัยปฏิบัติการ “BIM” เพื่อหวังสร้างสุขภาพที่ดีถ้วนหน้าของประชากรโลก ส่งผลให้เกิดอุตสาหกรรมที่ยั่งยืนที่ใช้ผลไม้และธัญพืชในประเทศไทยเป็นวัตถุดิบ และเกิดมาตรการที่สามารถยกระดับราคาของผลผลิตทางธรรมชาติเหล่านี้อย่างถาวรต่อเนื่อง

ความสำเร็จในครั้งนี้เป็นความภาคภูมิใจของคณะนักวิจัยไทย ในการประกาศให้วงการวิทยาศาสตร์การแพทย์ระดับโลกประจักษ์ว่า ผลิตภัณฑ์จากงานวิจัยของคนไทย สามารถพัฒนาผลิตภัณฑ์สุขภาพที่มีคุณภาพเป็นหนึ่ง ไม่เป็นสองรองใครในโลกแห่งวิทยาการ” ศ.ดร.พิเชษฐ์ กล่าว

มังคุด...ช่วยคลายร้อน

อากาศร้อนอย่างนี้ ผลไม้ที่ช่วยคลายร้อนได้เป็นอย่างดีก็คือ มังคุด สารแทนนินที่มีในเปลือกมังคุดมีฤทธิ์ฆ่าเชื้อได้ สามารถนำมาสกัดเป็นเครื่องสำอางสมานผิวได้ผลดีทีเดียว แทนนินนั้นนอกจากมีคุณสมบัติช่วยในการสมานแผล และยับยั้งการเจริญเติบโตของแบคทีเรียที่ทำให้เกิดแผล ฝี หนองแล้ว แทนนินยังสามารถใช้เป็นสารกันบูดในอาหารได้อีกด้วย

สารสกัดจากเปลือกมังคุดมีคุณสมบัติยับยั้งเชื้อแบคทีเรียที่ก่อสิวได้ และยังออกฤทธิ์ต้านเชื้อสิวอักเสบได้ดี นอกจากนี้ยังพบว่าสารสกัดเปลือกมังคุดสามารถออกฤทธิ์ต้านสารอนุมูลอิสระ ซึ่งเป็นสาเหตุการเกิดรอยแผลเป็นของสิวอักเสบสูงถึงร้อยละ 77.8% แสดงให้เห็นว่า สารสกัดจากเปลือกมังคุดสามารถนำมาพัฒนาใช้เป็นผลิตภัณฑ์ในการป้องกันและรักษาสิวอักเสบได้
เราก็จะมีผลิตภัณฑ์ดีๆ ราคาไม่แพงที่เป็นสมุนไพรไทยแท้ใช้กัน

BY น้าอ้วน บ้านเกษตรพอเพียง
https://www.facebook.com/nuttawudk/posts/848801251800130:0
Photo


Zinc กะสิวและผิวพรรณ
November 16, 2010 at 10:16am

<!- - Last Update : 12 มีนาคม 2552 13:59:03 น .- ->Zinc กะสิว

 
Zinc เป็นแร่ธาตุชนิดหนึ่งที่ช่วยรักษาบาดแผลในร่างกาย และช่วยให้ร่างกายดำรงความสมดุลในผู้ใหญ่ และช่วยทำให้เกิดความเจริญเติบโตในเด็ก ควบคุมฮอร์โมน สังเคราะห์โปรตีน ช่วยสร้างเซลล์ เสริมภูมิคุ้มกัน zinc ประกอบด้วยเอ็นไซม์ที่ควบคุมกระบวนการเผาผลาญ ป้องกันการเกิดอนุมูลอิสระโดยปัจจัยต่าง ๆ

 
หน้าที่ของ Zinc ที่น่าสนใจก็คือการช่วยควบคุมอาการผิดปกติของผิวและช่วยในการรักษาบาดแผล มีผลการศึกษามากมายเกี่ยวกับผลที่ได้และขอบเขตในการรักษาของ Zinc แม้ว่าทฤษฎีผลที่ได้รับของ zinc กับสิวจะยังไม่เป็นที่รู้จักแพร่หลาย จากการศึกษาพบว่าการรับประทาน zinc ประมาณ 4 สัปดาห์ แสดงให้เห็นถึงการลดจำนวนของสิวผด สิวตุ่มหนอง ยังมีบทความจำนวนมากและข้อความต่าง ๆ ที่แสดงให้เห็นถึงผลที่ได้จากการรักษาสิวและปัญหาผิวอื่น ๆ ด้วย zinc และยังช่วยทำให้ต่อมผลิตไขมันบนใบหน้าทำงานเป็นปกติ การศึกษาเกี่ยวกับคลินิกพบว่าผู้ป่วยจะได้รับ zinc ในรายที่มี zinc ไม่เพียงพอในการรักษาบาดแผลต่าง ๆ และยังมีการทดสอบระดับความเข้มของ zinc ที่ควรได้รับการทดสอบ เนื่องจากการใช้ zinc ในปริมาณที่มากเกินไปอาจทำให้เป็นพิษได้ การวิจัยพบว่าได้มีการใช้ zinc เพื่อความงามด้านผิวพรรณโดยไม่ระมัดระวังถึงระดับความเข้มของ zinc ด้วย

 
อาการของ zinc ในร่างกายน้อยสัมพันธ์กันกับการเกิดโรคต่าง ๆ เช่น ภาวการณ์ติดสุรา โรคไต ลำไส้ผิดปกติ พบว่าได้มีรายงานเกี่ยวกับคนอ้วนที่ได้เข้ารับการผ่าตัดลำไส้และมีภาวะ zinc ไม่เพียงพอ

 
ความเจ็บปวดและบาดแผลบนผิวหนังนั้นเป็นอาการอย่างหนึ่งของภาวะขาดแคลน zinc และยังมีอาการอื่น ๆ ร่วมด้วย เช่น ผมร่วง โรคเรื้อนกวาง แม้แต่ในรายที่ขาดแคลน zinc ไม่มากก็ยังสามารถเป็นโรคเกี่ยวกับน้ำเหลือง หรือภาวะ T-cells ในเลือดต่ำในการจัดการกับเชื้อโรค และลดความสามารถของภูมิคุ้มกัน

 
การได้รับ zinc ในปริมาณที่มากไปก็ทำให้เกิดปัญหาได้ การใช้อาหารเสริมในปริมาณของ zinc ที่ 150-450 มก.ต่อวันอาจทำให้เป็นพิษได้ และยังสัมพันธ์กับภาวะของธาติ ทองแดง (copper) ในร่างกายต่ำ เปลี่ยนแปลงการทำงานของธาตุเหล็ก (iron) ลดการทำงานของภูมิคุ้มกัน และลดระดับของ HDL (คอเลสเตอรอลที่ดี มีประโยชน์) อาการก็คือ อาจเกิดภาวะคลื่นไส้ อาเจียน ท้องเสีย ง่วงซึม เพลีย

 
บางที่แนะนำให้กิน zinc ในปริมาณต่อวันที่ 25-40 มก. ในผู้ใหญ่ และ23-34 มก. ในวัยรุ่น เพื่อช่วยรักษาสิว เรื้อนกวาง โรซาเซีย และสะเก็ดเงิน ปริมาณที่แจ้งเป็นปริมาณที่มากที่สุดต่อวันและไม่ควรเกินจากนั้น (ที่มาจาก RDI) และสามารถใช้ต่อเนื่องได้ถึงสามเดือนหรือมากกว่านั้นเพื่อดูผลที่ได้ เมื่อใช้ zinc ในระยะยาว (มากกว่า 1 เดือน) ควรจะใช้ทองแดง (copper) เสริมด้วยในการใช้แต่ละครั้ง ที่ปริมาณ 2-3 มก. ให้ใช้ทองแดงตามหลังจาก zinc 2 ชั่วโมง เพื่อป้องกันปัญหาการดูดซึม ปริมาณอาหารเสริมธาตุเหล็กที่มากเกิน (เกิน 25 มก.) อาจทำให้การดูดซึมของ zinc ลดลง

 
Zinc อาจมีปฎิกิริยาต่อยาปฏิชีวนะบางตัวเช่น เตตร้าซัยคลิน ไมโนซัยคลิน เป็นต้น หากต้องใช้ยาเหล่านี้ร่วมด้วย ควรใช้ zinc ตามหลังโดยเว้นระยะห่างจากยาปฎิชีวนะดังกล่าว 2 ชั่วโมง เพื่อไม่ให้เกิดปัญหา ไม่ควรใช้ zinc หากคุณมีอาการปวดท้อง หรือลำไส้อักเสบ ควรพบแพทย์หากใช้ zinc เกินกว่าปริมาณที่กำหนดต่อวัน

 
อาหารเสริม zinc นั้นจะให้ผลดีที่สุดหากกินก่อนอาหารอย่างน้อย 1 ชั่วโมง หรือ 2 ชั่วโมงหลังอาหาร อย่างไรก็ดี หากรับประทานอาหารเสริมสังกะสีแล้วมีอาการปวดท้อง คุณอาจต้องรับประทานพร้อมอาหาร และควรแจ้งให้ผู้ดูแลสุขภาพของคุณทราบด้วยว่าคุณรับประทานอาหารเสริมสังกะสีพร้อมอาหาร ไม่ควรรับประทานสังกะสีร่วมกับอาหารที่มีแคลเซียมหรือฟอสฟอรัสสูง เพราะอาจทำให้การดูดซึมสังกะสีลดลง

 
อีกอย่างหนึ่งคือถ้าใครท้องหรือจะท้อง หรือกำลังให้นมลูก ควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชก่อนรับประทานนะครับเพื่อความปลอดภัย

 
##เพิ่มเติม ข้อมูลจากกองโภชนาการ ประเทศไทย พ.ศ. 2546##

 
ประเทศไทยได้รับการจัดให้มีความเสี่ยงต่อภาวะขาดธาตุสังกะสีในระดับปานกลาง ส่วนการกำหนดปริมาณธาตุสังกะสีที่ควรได้รับประจำวันสำหรับคนไทย ได้อาศัยกรอบแนวคิดและเกณฑ์ของคณะกรรมการนานาชาติด้านโภชนาการของธาตุสังกะสี (International Zinc Nutrition Consultative Group, IZiNCG) http://www.izincg.org/ โดยคำนวณปริมาณธาตุสังกะสีที่ร่างกายควรได้รับเพื่อทดแทนส่วนที่สูญเสียประจำวัน รวมกับปริมาณที่ร่างกายต้องการเพิ่มขึ้นเพื่อการเจริญเติบโต หรือการทดแทนเซลล์และเนื้อเยื่อที่หมดอายุไป จากนั้นจึงพิจารณาจัดปรับด้วยระดับการดูดซึมธาตุสังกะสีในอาหารแบบผสมผสาน (mixed diet) และค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน ด้วยเกณฑ์ดังกล่าวนี้ปริมาณธาตุสังกะสีที่ควรได้รับประจำวันสำหรับผู้ใหญ่ชายและหญิง คือ 13 และ 7 มิลลิกรัมตามลำดับ สำหรับปริมาณสูงสุดของสังกะสีที่รับได้ในแต่ละวันโดยไม่พบอาการเป็นพิษ สำหรับผู้ใหญ่ทั้งชายและหญิง กำหนดไว้ที่ 40 มิลลิกรัม 

 
เรียบเรียงและแปลโดย Acnethai.com 

หมายเหตุ : เยี่ยมชม คณะกรรมการนานาชาติด้านโภชนาการของธาตุสังกะสี (International Zinc Nutrition Consultative Group, IZiNCG) ได้ที่ http://www.izincg.org/


https://www.facebook.com/notes/mybacin-zinc/zinc-กะสิวและผิวพรรณ/161367257234353
Photo
Shared publicly







    No comments:

    Post a Comment