Wednesday, May 4, 2016

ต่อมลูกหมากโต

สีน้ำปัสสาวะ 5 แบบ ทำนายดวงชะตาชีวิตช่วงสงกรานต์ ร้อนนี้

1.สีเหลืองใส : จะได้เล่นน้ำสงกรานต์อย่างมีความสุข สุขภาพดี ระบบไตทำงานดี ร่างกายไม่ขาดน้ำ

2.สีเหลืองเข้ม : อาจจะต้องดื่มน้ำเพิ่มเยอะๆหน่อยเพราะร่ายกายขาดน้ำ จะได้เล่นน้ำได้หนุก สดชื่นมากขึ้น

3.สีเหลืองแต่มีฟองมาก : ถ้าเป็นบ่อยๆ หลังหยุดยาวช่วงสงกรานต์ควรไปปรึกษาแพทย์ ตรวจน้ำปัสสาวะและการทำงานของไต อาจเกิดจากมีโปรตีนรั่วจากร่างกายได้

4.สีเหลืองขุ่น : ถ้าแบบนี้ควรรีบไปพบแพทย์ รักษาให้หายก่อนสงกรานต์ เพราะอาจเกิดจากการติดเชื้อน้ำปัสสาวะ รักษาไม่กี่วันก็หาย

5.สีแดงจางหรือแดงเข้ม : มีโอกาสอดเล่นน้ำสงกรานต์สูง เพราะเกิดจากหลายสาเหตุเช่น ติดเชื้อ นิ่ว ต่อมลูกหมากโต มะเร็ง ควรรีบไปพบแพทย์โดยด่วน

ปล.สีน้ำปัสสาวะสามารถทำนายได้ทุกเพศ ทุกวัย ทุกช่วงอายุ และทุกวันเกิดครับ หมอเอ็มฟันธงครับ


https://www.facebook.com/menhealth2016/photos/a.234536793548571.1073741828.129037220765196/257124531289797/?type=3
Shared publicly
    Add a comment...

    ผู้ชายทุกคน!! เสี่ยงเป็น "ต่อมลูกหมากโต"
    .......
    .......
    *ต่อมลูกหมากเป็นอวัยวะเฉพาะผู้ชายที่...ยิ่งอายุมากขึ้น ยิ่งโตมากขึ้นเรื่อยๆ ส่วนมากมักพบในอายุ50ปีขึ้นไป แต่ก็มีบ้างคนที่อายุ40กว่าปีก็เป็นโรคนี้ ส่วนใหญ่มักมีประวัติคนในครอบครัวเป็นด้วยครับ

    *ต่อมลูกหมากอยู่ล้อมรอบท่อปัสสาวะ ดังนั้นถ้าต่อมลูกหมากโตก็จะสามารถเบียดท่อปัสสาวะให้ตีบได้ จึงเป็นที่มาของอาการปัสสาวะผิดปกติครับ

    *อาการของต่อมลูกหมากโตมีดังต่อไปนี้ข้อใดข้อหนึ่ง

    1.ปัสสาวะบ่อย โดยเฉพาะตอนกลางคืนมักรบกวนการนอน

    2.ปัสสาวะขัด ไม่ค่อยพุ่ง ใช้เวลานาน อาจต้องเบ่งปัสสาวะช่วย

    3.กลั้นปัสสาวะได้ไม่นาน ต้องรีบไปห้องน้ำโดยด่วน

    4.ปัสสาวะไม่สุด ปัสสาวะแล้วรู้สึกไม่หมด

    5.ปัสสาวะติดเชื้อบ่อยๆ

    6.เป็นนิ่วในกระเพาะปัสสาวะ

    7.ปัสสาวะเป็นเลือด

    8.ปัสสาวะไม่ออก ปวดท้องน้อย

    ถ้าคุณหรือคุณพ่อ,คุณปู่ที่มีอาการดังกล่าว แนะนำให้ตรวจกับแพทย์เฉพาะทางเรื่องนี้ที่ใกล้บ้านโดยตรง เนื่องจากว่ามีหลายโรคที่รุนแรง แต่แสดงอาการคล้ายกันครับ

    นพ.สุทธิพันธ์ วงศ์วนากุล
    แพทย์ผู้เชี่ยวชาญ
    Shared publicly
      Add a comment...

      สมุนไพรอภัยภูเบศร
      ซีรีย์ 1 : ต่อมลูกหมากโต....เป็นเรื่องปกติที่ผู้ชายเกือบทุกคนต้องเจอ !!!

      ต่อมลูกหมากโต (BPH) คือ ภาวะที่ต่อมลูกหมากมีขนาดใหญ่ผิดปกติ ตำแหน่งของต่อมลูกหมากจะอยู่ในบริเวณใต้กระเพาะปัสสาวะ ต่อมลูกหมากทำหน้าที่สร้างสารที่เป็นของเหลวประมาณ 30% ของน้ำอสุจิ ด้วยเหตุที่ต่อมลูกหมากจะห่อหุ้มท่อปัสสาวะส่วนต้นไว้ ดังนั้นเมื่อต่อมลูกหมากโตขึ้นก็อาจกดทับท่อปัสสาวะให้ตีบเล็กลง ส่งผลให้คนไข้มีอาการปัสสาวะติดขัด นอกจากนี้ต่อมลูกหมากโตอาจเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ผนังกล้ามเนื้อของกระเพาะปัสสาวะหนาขึ้น เนื่องจากต้องบีบตัวแรงขึ้นเพื่อขับน้ำปัสสาวะให้ผ่านท่อแคบๆ และเมื่อผนังกระเพาะปัสสาวะหนาตัวขึ้นก็จะส่งผลต่อความสามารถในการกักเก็บน้ำปัสสาวะลดลง คนไข้จึงต้องปัสสาวะบ่อย และอาจได้รับการกระตุ้นให้ปวดปัสสาวะขึ้นมาอย่างกะทันหันได้ โรคต่อมลูกหมากโตเป็นโรคที่พบได้เป็นปกติ และการเกิดขึ้นมักจะสัมพันธ์กับอายุ มีหลักฐานแสดงให้เห็นว่า มากกว่าครึ่งหนึ่งของชายอายุ 65 ปี จะมีอาการต่อมลูกหมากโต และเพิ่มขึ้นถึง 90% ในชายที่มีอายุ 80 ปี วัตถุประสงค์ของการรักษาต่อมลูกหมากโตคือ รักษาเพื่อลดอาการผิดปกติต่างๆของการถ่ายปัสสาวะที่ส่งผลต่อคุณภาพชีวิตในผู้ป่วยแต่ละคน และป้องกันไม่ให้เกิดภาวะแทรกซ้อนของต่อมลูกหมากโตในอนาคต เช่น ไตวาย ติดเชื้อในทางเดินปัสสาวะ นิ่วในกระเพาะปัสสาวะเป็นต้น ดังนั้นการรักษาต่อมลูกหมากโตในผู้ป่วยแต่ละคนจึงอาจแตกต่างกันออกไป เช่น ในผู้ป่วยที่มีอาการปัสสาวะบ่อยตอนกลางคืน การรักษาอาจทำได้ง่ายๆโดยไม่ต้องใช้ยา เพียงแค่หลีกเลี่ยงการดื่มชา กาแฟ เครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ หรือหลีกเลี่ยงการดื่มน้ำมากๆก่อนเข้านอน ก็สามารถทำให้การปัสสาวะบ่อยตอนกลางคืนดีขึ้นได้โดยไม่ต้องทานยา แต่ในทางกลับกันในผู้ป่วยบางรายที่มีอาการปัสสาวะไม่ออกเลยจนถึงขั้นต้องใส่สายสวนปัสสาวะ ในกรณีนี้ก็จำเป็นจะต้องได้รับการรักษาโดยการผ่าตัดต่อมลูกหมากผ่านการส่องกล้องเพื่อให้กลับมาปัสสาวะได้ เป็นต้น

      สำหรับสมุนไพร แม้ว่าในปัจจุบันจะยังไม่มีสมุนไพรที่ช่วยรักษาต่อมลูกหมากโตให้หายขาดได้ แต่ก็มีสมุนไพรบางตัวที่ช่วยบรรเทาอาการของต่อมลูกหมากโตได้ โดยเฉพาะอาการของปัสสาวะขัด เช่น

      เถาวัลย์เปรียง ต้มน้ำดื่ม 1 แก้ว เช้า เย็น หรือ กินครั้งละ 1 แคปซูล 3 เวลา หลังอาหาร หรือ ผักบุ้งจีน โดยใช้ผักบุ้งจีนสด ตัดราก 4 ขีด ล้างให้สะอาด ต้มน้ำ 3-4 แก้ว จนเดือดแล้วยกลงใส่น้ำผึ้งแท้ 3 ช้อนโต๊ะ ลงไปคนให้เข้ากันจนได้ที่ แบ่งกินก่อนอาหาร 3 มื้อเช้ากลางวันเย็น โดยกินทั้งน้ำและเนื้อ 2 วัน จะสังเกตได้ว่าอาการที่เริ่มเป็นจะดีขึ้น ให้ต้มดื่มเรื่อยๆ เมื่อหายดีแล้วก็หยุดกิน สูตรนี้เหมาะสำหรับคนที่เป็นไม่มาก

      หรือการรับประทานสารไลโคปีน มีงานวิจัยว่าช่วยลดค่า prostate specific antigen (PSA) ซึ่งเป็นค่าบ่งชี้สุขภาพของต่อมลูกหมาก ที่อาจเพิ่มขึ้นในคนที่เป็นมะเร็งต่อมลูกหมาก (บางคนที่เป็นมะเร็งต่อมลูกหมาก ก็อาจไม่มีการเพิ่มขึ้นของค่า PSA) หรือในรายที่มีภาวะการอักเสบของต่อมลูกหมาก ติดเชื้อในทางเดินปัสสาวะ ก็อาจส่งผลในค่า PSA เพิ่มขึ้น โดยสารไลโคปีนจะพบมากในมะเขือเทศ ฟักข้าว และฝรั่ง

      หรือการหมั่นทานสารอาหารบางอย่างเป็นประจำในมื้ออาหาร อาจจะช่วยลดความเสี่ยงของการเป็นต่อมลูกหมากโตได้ เช่น

      สังกะสี เป็นแร่ธาตุที่ช่วยสร้างฮอร์โมนเพศชาย พบได้ในเมล็ดฟักทอง อาหารทะเล เช่น หอยนางรม

      เบต้าซิโตสเตอรอล มีสรรพคุณช่วยลดคอเลสเตอรอลในเลือด และป้องกันต่อมลูกหมากโต พบมากในถั่วเหลือง จมูกข้าวสาลี น้ำมันข้าวโพด

      วิตามินอี เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ มีมากในรำละเอียด น้ำมันรำ ธัญพืช ถั่วเหลือง ถั่วแดง ผักกาดหอม เมล็ดทานตะวัน งา น้ำมันถั่วลิสง

      แหล่งอ้างอิง
      http://www.bumrungrad.com/mens-health-center/…/prostate.aspx
      http://www.manager.co.th/QOL/ViewNews.aspx
      http://www.prostate-rama.com/reading_detail.php?cid=10
      http://www.thairath.co.th/content/263674
      ติดตามซีรีย์ 9 ชุดสมุนไพรดูแลสุขภาพคุณพ่อ/ herb for health's father sereis ทางเพจ FB : สมุนไพรอภัยภูเบศรค่ะ


      https://www.facebook.com/abhaiherb/photos/a.136960229702392.26552.136694259728989/774884482576627/ 
      Photo
      Shared publicly
        Add a comment...

        ข้อมูลเพื่อการดูแลสุขภาพ ในภาวะต่อมลูกหมากโต พบได้บ่อยในผู้ชายวัยกลางคน หรืออายุ 40 ปีขึ้นไป เนื่องจากการลดลงของฮอร์โมนเพศชาย 

        การรักษาด้วยยาแผนปัจจุบัน เหมาะสำหรับผู้ป่วยที่มีอาการน้อยไปจนถึงปานกลาง และต้องแน่ใจว่าไม่ได้เป็นมะเร็งต่อมลูกหมาก มีอยู่ 2 ชนิด คือ
        ยาที่ลดขนาดต่อมลูกหมาก ได้แก่ กลุ่มยาต้านเอนไซม์ 5-alpha reductase ซึ่งเอนไซม์ชนิดนี้จะไปกระตุ้นให้ต่อมลูกหมากมีขนาดโตขึ้น เมื่อให้ยาต้านเอนไซม์ชนิดนี้ก็อาจจะมีผลทำให้ต่อมลูกหมากมีขนาดเล็กลง แต่ยาในกลุ่มนี้อาจมีผลลดประสิทธิภาพและความต้องการทางเพศ นอกจากนี้อาจมีผลลดระดับสารบ่งชี้มะเร็งต่อมลูกหมากในเลือด (PSA หรือ Prostate Specific Antigen) ทำให้ปิดบังภาวะมะเร็งต่อมลูกหมากได้

        กลุ่มยาลดอาการเกร็งของกล้ามเนื้อเรียบในเนื้อต่อมลูกหมาก ทำให้ความตึงตัวของต่อมลูกหมากลดลง จะทำให้การถ่ายปัสสาวะดีขึ้น แต่ยาในกลุ่มนี้อาจมีผลข้างเคียงทำให้ความดันโลหิตต่ำลง

        ข้อแนะนำการปฏิบัติตัวสำหรับผู้ที่มีภาวะต่อมลูกหมากโต
        ลดการดื่มน้ำก่อนนอน เพื่อลดจำนวนครั้งที่ต้องเข้าห้องน้ำตอนกลางคืน
        ลดการดื่มแอลกอฮอล์ และกาแฟ เพราะมีฤทธิ์ขับปัสสาวะและทำให้อาการเป็นมากขึ้น
        ระมัดระวังการใช้ยาที่อาจทำให้อาการเป็นมากขึ้น เช่น ยาแก้หวัด หรือยาแก้ปวดท้องบางชนิด
        ฝึกการขมิบอุ้งเชิงกรานบ่อยๆ เพื่อช่วยให้สามารถควบคุมการทำงานกล้ามเนื้อทางเดินปัสสาวะได้ดีขึ้น

        megawecare.co.th/รายละเอียด/ข้อมูลการดูแลสุขภาพ/การรักษา-ภาวะ-ต่อมลูกหมากโต/14
        Photo
        Shared publicly
          Add a comment...

          อุบัติการณ์เกิดมะเร็งต่อมลูกหมากในผู้ชายไทยเพิ่มมากขึ้น จากเดิมพบเป็นลำดับ 8 - 9 ของมะเร็งทั่วไปในผู้ชาย แต่กลับเพิ่มขึ้นเป็นอันดับ 4 นอกจากนี้ ผู้ที่มีพ่อหรือพี่ชายเป็นมะเร็งต่อมลูกหมาก จะมีโอกาสเป็นสูงกว่าคนทั่วไป 3 เท่า โดยปัจจัยเสี่ยงมาจากพฤติกรรมสุขภาพ โดยเฉพาะอาหารการกินที่เปลี่ยนไป มีการรับประทานอาหารฟาสต์ฟูด หรืออาหารกลุ่มนม เนย ชีส อยากให้ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการบริโภค ลดอาหารมัน ควบคุมคลอเรสเตอรอล หันมากินอาหารไทยที่อุดมด้วยพืช ผัก ผลไม้ที่มีไลโคปีน เช่น แตงโม มะเขือเทศสุก ผักตระกูลกำหล่ำ ผลิตภัณฑ์จากเต้าหู้และถั่วเหลือง ซึ่งจะสามารถช่วยยับยั้งโอกาสป้วยด้วยมะเร็งต่อมลูกหมากได้

          การรักษาโรคมะเร็งต่อมลูกหมาก มี 2 แนวทาง ได้แก่ 1. ระยะที่ 1 - 2 มะเร็งยังไม่แพร่กระจายสามารถรัษษให้หายขาดได้ ด้วยการผ่าตัดต่อมลูกหมากออกทั้งหมด การฝังแร่รังสี และ 2. ระยะที่ 3 - 4 เป็นระยะที่มะเร็งลุกลามไปยังอวัยวะอื่นๆ เช่น กระดูก ตับ ไต ปอดและต่อมน้ำเหลือง อาการจะรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ บางรายถึงขั้นเป็นอัมพาต ทำการรักษาได้เพียงลดภาวะแทรกซ้อน ซึ่งมียาบางชนิดช่วยฉีดประคับประคอง 

          สำหรับการสังเกตุความผิดปกติของต่อมลูกหมาก เช่น ปัสสาวะตอนกลางคืนบ่อย ปัสสาวะลำยาก ปัสสาวะไม่หมด กลั้นปัสสาวะไม่ค่อยได้ ปวดเวลาปัสสาวะหรือมีเลือดปนออกมา รวมทั้ง ไม่มีแรง อ่อนเพลีย เบื่ออาหาร ปวดหลัง ปวดกระดูก น้ำหนักลด


          http://www.manager.co.th/QOL/ViewNews.aspx?NewsID=9570000126900
          Shared publicly
            Add a comment...

            ในช่วงอายุ 30-40 ปี ต่อมลูกหมากจะมีขนาดโตขึ้นเล็กน้อย หลังจากนั้นจะหยุดโตจนอายุ 40-50 ปี ก็อาจจะขยายขึ้นเรื่อยๆ และมีขนาดโตมากขึ้น

            อาการที่แสดงออกแบ่งเป็น 2 กลุ่ม ได้แก่ 1.กลุ่มอาการระคายเคือง อาทิ ปัสสาวะกลั้นไม่อยู่ ปัสสาวะเล็ด เป็นต้น 2.กลุ่มอาการอุดกั้น อาทิ ปัสสาวะต้องรอ ปัสสาวะหยุดเป็นช่วงๆ เป็นต้น

            ในรายที่อาการหนักแพทย์จะแนะนำให้ผ่าตัด โดยมีข้อบ่งชี้ ได้แก่ ปัสสาวะไม่ออกหลายครั้งติดๆ กัน มีนิ่วในกระเพาะปัสสาวะ ปัสสาวะเป็นเลือด ไตวายเนื่องจากปัสสาวะลำบาก ไม่ตอบสนองต่อการรักษาด้วยยารับประทาน

            วิธีการรักษาด้วยการผ่าตัดทำได้ 2 วิธีคือ 1.การผ่าตัดต่อมลูกหมากโดยวิธีการส่องกล้อง นำบางส่วนของต่อมลูกหมากออกมา จะนำเครื่องมือผ่านท่อปัสสาวะ ตัดเอาเนื้อต่อมลูกหมากที่อุดตันท่อปัสสาวะออก 2.การผ่าตัดต่อมลูกหมากโดยการใช้เลเซอร์ อาจตัดบางส่วนที่อุดตันท่อปัสสาวะออก

            ผู้ชายที่อายุ 50 ปีขึ้นไป ควรพบแพทย์เพื่อตรวจต่อมลูกหมากเป็นประจำทุกปี

            http://www.prachachat.net/news_detail.php?newsid=1444796316
            Shared publicly
              Add a comment...

               ยาที่ใช้รักษาโรคต่อมลูกหมากโตแบ่งเป็นกลุ่มใหญ่ๆได้ดังนี้

              ยาคลายกล้ามเนื้อเรียบของต่อมลูกหมาก (Alpha-adrenergic antagonist) ตัวอย่างยาในกลุ่มนี้เช่น  Terazosin, Doxazosin, Alfuzosin, Tamzulosin, Silodosin เป็นต้น  ยาแต่ละตัวมีประสิทธิภาพใกล้เคียงกัน  เห็นผลเร็ว  ทานยาเพียงวันละหนึ่งครั้ง และเป็นยาที่มีทั่วไปในโรงพยาบาลเกือบทุกแห่ง  จึงมักเป็นยาตัวแรกที่แพทย์มักจะจ่ายให้แก่ผู้ป่วย  ยากลุ่มนี้อาจมีอาการข้างเคียงได้บ้าง เช่น เวียนศรีษะ  หน้ามืด  อ่อนเพลีย คัดจมูก เป็นต้น

              ยาลดขนาดต่อมลูกหมาก ยับยั้งเอนไซม์  5 alpha-reductase ขนาดของต่อมลูกหมากจะค่อยๆลดลงประมาณ 20% ที่ระยะเวลาประมาณ 6-12 เดือน ตัวอย่างในกลุ่มนี้ เช่น Fenasteride, Dutrasteride อาจมีผลข้างเคียงจากการที่ฮอร์โนลดลงได้บ้าง เช่น  ความต้องการและสมรรถภาพทางเพศลดลง 

              ยาลดการบีบตัวของกระเพาะปัสสาวะ (Anticholinergic) ตัวอย่างยาในกลุ่มนี้เช่น  Oxybutinin, Tolteridine, Trospium, Solifenacin, Darifenacin เป็นต้น  ผลข้างเคียงของยากลุ่มนี้อาจทำให้มีอาการปากแห้ง คอแห้ง ท้องผูกได้  และไม่ควรใช้ยากลุ่มนี้ในผู้ป่วยที่มีอาการอุดกั้นของท่อปัสสาวะรุนแรง  มีปัสสาวะเหลือค้างในกระเพาะปัสสาวะมาก  หรือเป็นต้อหิน (narrow angle glaucoma)ร่วมด้วย 


              http://www.prostate-rama.com/conten6_2.php
              Shared publicly
                Add a comment...

                ในระยะแรกมะเร็งต่อมลูกหมากจะไม่มีอาการใดๆ บางครั้งพบว่ามีอาการซ้ำซ้อนกับโรคต่อมลูกหมากโต
                       - ปัสสาวะบ่อย โดยเฉพาะเวลากลางคืน
                       - ปัสสาวะลำบากในตอนเริ่ม
                       - ปัสสาวะไม่พุ่ง
                       - เวลาปัสสาวะจะปวด
                       - ในกรณีที่มะเร็งต่อมลูกหมากลุกลามไปกระดูก ผู้ป่วยจะมีอาการปวดหลัง ปวดตามข้อ

                http://www.manager.co.th/dhamma/viewnews.aspx?NewsID=9560000110086
                Shared publicly
                  Add a comment...

                  มะเร็งต่อมลูกหมาก
                  การแก้ไข
                  1. ลดปริมาณสาเหตุ จะพบว่าภายใน 2 อาทิตย์ อาการจะดีขึ้น
                       - เนื้อสัตว์และไขมันสัตว์
                       - แอลกอฮอล์
                       - บุหรี่
                       - ธัยรอยต่ำ
                       - หวานๆ
                  2. ทานธัยรอยด์ฮอร์โมน
                  3. ทานเมล็ดฟักทอง มีกรดไขมันจำเป็นคล้ายปาล์มประเภทหนึ่งในสหรัฐฯ ที่แพทย์แนะนำคนไข้ (แนะนำ วิตามินรวม ไอ-อาร์ดี)
                  4. ทานน้ำมันโอเมก้า 3 (Fish oil หรือ Flax seed oil) เป็นน้ำมันปลาหรือน้ำมันสกัดจากฝ้าย จะช่วยต้านการอักเสบ รับประทานวันละ 1 เม็ดขนาด 1000 mg. (แนะนำ วิตามินรวม ไอ-อาร์ดี)
                  5. Zn (Z-BEC) ธาตุสังกะสีและวิตามินบี อี ซี เป็นธาตุจำเป็นสำหรับต่อมลูกหมากและเส้นผม (แนะนำ วิตามินรวม ไอ-อาร์ดี)
                  6. กระเทียม, ขิง, ขมิ้น เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ให้รับประทานทุกวัน (แนะนำ วิตามินรวม ไอ-อาร์ดี)
                  7. ถั่วแดง หรือ Nature Plants



                  http://bhipshop.blog.com/2013/03/12/bph/
                  Shared publicly
                    Add a comment...

                    "ต่อมลูกหมากโต" อีกปัญหาที่มักพบในผู้ชาย วัย 40 ปีขึ้นไป แต่จะมีสมุนไพรใดบ้าง ที่ช่วยดูแลรักษาอาการได้ วันนี้ เรามีคำตอบให้ค่ะ

                    เถาวัลย์เปรียง 
                    มะเขือเทศ ฟักข้าว และฝรั่ง
                    ผักบุ้งจีน 

                    อ่านข้อมูลพิ่มเติม "อาการต่อมลูกหมากโต" ได้ที่ https://www.facebook.com/abhaiherb/photos/pb.136694259728989.-2207520000.1418807265./774884482576627/?type=3&theater
                    Photo
                    Shared publicly
                      Add a comment...

                      ปัสสาวะบอก มะเร็ง...ต่อมลูกหมาก
                      http://news.voicetv.co.th/thailand/291393.html

                      สำหรับสมุนไพร แม้ว่าในปัจจุบันจะยังไม่มีสมุนไพรที่ช่วยรักษาต่อมลูกหมากโตให้หายขาดได้ แต่ก็มีสมุนไพรบางตัวที่ช่วยบรรเทาอาการของต่อมลูกหมากโตได้ โดยเฉพาะอาการของปัสสาวะขัด เช่น เถาวัลย์เปรียง  ผักบุ้งจีน 

                      หรือการรับประทานสารไลโคปีน มีงานวิจัยว่าช่วยลดค่า prostate specific antigen (PSA) ซึ่งเป็นค่าบ่งชี้สุขภาพของต่อมลูกหมาก ที่อาจเพิ่มขึ้นในคนที่เป็นมะเร็งต่อมลูกหมาก (บางคนที่เป็นมะเร็งต่อมลูกหมาก ก็อาจไม่มีการเพิ่มขึ้นของค่า PSA) หรือในรายที่มีภาวะการอักเสบของต่อมลูกหมาก ติดเชื้อในทางเดินปัสสาวะ ก็อาจส่งผลในค่า PSA เพิ่มขึ้น โดยสารไลโคปีนจะพบมากในมะเขือเทศ ฟักข้าว และฝรั่ง  

                      หรือการหมั่นทานสารอาหารบางอย่างเป็นประจำในมื้ออาหาร อาจจะช่วยลดความเสี่ยงของการเป็นต่อมลูกหมากโตได้ เช่น สังกะสี เป็นแร่ธาตุที่ช่วยสร้างฮอร์โมนเพศชาย พบได้ในเมล็ดฟักทอง อาหารทะเล เช่น หอยนางรม 

                      เบต้าซิโตสเตอรอล มีสรรพคุณช่วยลดคอเลสเตอรอลในเลือด และป้องกันต่อมลูกหมากโต พบมากในถั่วเหลือง จมูกข้าวสาลี น้ำมันข้าวโพด  

                      วิตามินอี เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ มีมากในรำละเอียด น้ำมันรำ ธัญพืช ถั่วเหลือง ถั่วแดง ผักกาดหอม เมล็ดทานตะวัน งา น้ำมันถั่วลิสง

                      http://abhaiherb.com/knowledge/thaiherb/6960
                      Shared publicly
                        Add a comment...

                        ผู้ชายนั่งโต๊ะทำงาน เสี่ยงมะเร็งต่อมลูกหมาก

                        คุณผู้ชายที่ทำงานนั่งโต๊ะวันละหลายๆ ชั่วโมงได้เวลาลุกขึ้นมายืดเส้นยืดสายกันบ้างแล้วค่ะ

                        จากงานวิจัยจากสถาบันแคโรลินสกา ประเทศสวีเดน พบว่า คนที่ต้องทำงานนั่งโต๊ะมีโอกาสป่วยเป็นมะเร็งต่อมลูกหมากได้มากกว่าคนที่ทำงานแบบได้เคลื่อนไหวร่างกาย

                        จากการวิจัยในอาสาสมัครมากกว่า 45,000 คน ซึ่งมีอายุระหว่าง 45-79 ปี คนที่ไม่ต้องทำงานนั่งโต๊ะอยู่กับที่มีแนวโน้มเกิดโรคมะเร็งต่อมลูกหมากน้อยกว่าคนที่ใช้เวลาส่วนใหญ่นั่งทำงาน 28%

                        กลุ่มนักวิจัยยังได้แนะนำให้ป้องกันมะเร็งต่อมลูกหมากแบบองค์รวม ด้วยการออกกำลังกายและการรับประทานอาหารที่ลดความเสี่ยงการเกิดโรค โดยแนะนำให้เดินหรือปั่นจักรยานวันละ 1 ชั่วโมง ซึ่งจะช่วยลดความเสี่ยงโรคนี้ได้ 14% พร้อมกับแนะนำให้รับประทานอาหารที่มีผักผลไม้เป็นส่วนประกอบมากๆ

                        เปลี่ยนตัวเองด้วยวิธีง่ายๆ ด้วยการลุกเดินบ้าง เป็นการพักไปในตัว แถมช่วยให้ห่างไกลมะเร็งด้วยค่ะ
                        Photo

                        ผู้ป่วยต่อมลูกหมากโตจะมีอาการอะไรบ้าง
                        อาการของต่อมลูกหมากโตเกิดจากต่อมลูกหมากโตกดท่อปัสสาวะทำให้ท่อปัสสาวะแคบ ระยะแรกของโรคกระเพาะปัสสาวะยังแข็งแรงสามารถบีบตัวไล่ปัสสาวะออกได้ แต่เมื่อเวลาผ่านไปกระเพาะปัสสาวะอ่อนแรงไม่สามารถบีบตัวไล่ปัสสาวะ ทำให้เกิดอาการปัสสาวะสะดุด ผู้ป่วยบางคนอาจจะไม่มีอาการจนได้รับประทานยาแก้หวัด ผลข้างเคียงของยาแก้หวัดทำให้เกิดอาการปัสสาวะไม่อก อาการที่พบได้บ่อยคือ
                        • ปัสสาวะไม่สุดเหมือนคนที่ยังไม่ได้ปัสสาวะ
                        • ปัสสาวะบ่อย
                        • ปัสสาวะสะดุดขณะปัสสาวะ
                        • อั้นปัสสาวะไม่อยู่
                        • ปัสสาวะไม่พุ่ง
                        • ปัสสาวะต้องเบ่งเมื่อเริ่มปัสสาวะ
                        • ต้องตื่นกลางคืนเนื่องจากปวดปัสสาวะ
                        ถ้าหากผู้ป่วยยังไม่รักษาก็อาจจะเกิดโรคแทรกซ้อนตามมาได้แก่ กระเพาะปัสสาวะบีบตัวไม่ดีเกิดการคั่งของปัสสาวะและเกิดการติดเชื้อได้ง่าย ไตเสื่อม กลั้นปัสสาวะไม่ได้ ปัสสาวะเล็ด นิ่วในกระเพาะปัสสาวะ
                        Shared publiclyView activity
                          Add a comment...

                          มะเขือเทศราชินี  เรื่องน่ารู้
                          สามารถป้องกันมะเร็งต่อมลูกหมากได้

                          #มะเขือเทศ ราชินีหรือมะเขือเทศเชอร์รี่จะมีรสหวานกว่ามะเขือเทศลูกโต นิยมใช้กินเป็นอาหารว่างหรือใส่ในสลัด ผลรูปไข่ มีธาตุโพแทสเซียม วิตามินเอ ซี และ อี มีปริมาณโพแทสเซียมและโฟเลตในปริมาณใกล้เคียงกับผักหลายชนิด แต่มีวิตามินซีและอัลฟ่าโทโคฟีรอลมากกว่าผักอื่น ๆ และ มีการวิจัยพบว่ามะเขือเทศชนิดนี้ยังมีสารไลโคปีนที่สามารถป้องกันมะเร็งต่อมลูกหมากได้ โดยเฉพาะผู้ชายที่มีวัย 50 ปีขึ้น จะเหมาะเป็นอย่างยิ่งกับการรับประทานมะเขือเทศราชินีเป็นประจำ.

                          Cr. ข้อมูล/ภาพ dailynews.co.th
                          Photo

                          การรับประทานผลิตภัณฑ์มะเขือเทศเข้มข้นเพียง 50กรัม/วัน เป็นเวลาสองเดือนครึ่งก็สามารถลดระดับ PSA ในผู้ป่วยต่อมลูกหมากโตได้ 

                          นำลูกมะเขือเทศสด 200กรัม ปั่นให้ละเอียด (มะเขือเทศสด 200กรัม มีค่าสารไลโคปีนใกล้เคียงกับผลิตภัณฑ์มะเขือเทศเข้มข้น 50กรัม) ไม่ต้องเติมเกลือหรือสารแต่งรสใดๆ ดื่มก่อนอาหารเช้าวันละครั้งทุกเช้า 

                          วิตามินอี และสารซีลีเนียม ไม่มีผลในการช่วยป้องกันมะเร็งต่อมลูกหมาก

                          หลีกเลี่ยงเนื้อสัตว์ติดมัน แนะนำให้รับประทานเนื้อปลา เพราะมีปริมาณไขมันต่ำและมีสารโอเมก้า3 มีผลยับยั้งการแพร่กระจายของเซลล์มะเร็ง

                          หลีกเลี่ยงอาหารจำพวกไขมันสูง โดยเฉพาะ น้ำมันปาล์ม น้ำมันมะพร้าว กะทิ  น้ำมันข้าวโพด

                          การรับประทานอาหารที่มีวิตามินดีจะช่วยลดการเติบโตของเซลล์มะเร็งได้ ในคนญี่ปุ่นที่รับประทานวิตามินดีจากปลาเยอะๆ พบการเกิดมะเร็งต่อมลูกหมากต่ำมาก

                          ชาเขียว(Camellia sinensis)  มีสารที่เรียกว่า polyphenolsมีฤทธิ์ชลอการเติบโตของเซลล์มะเร็งต่อมลูกหมาก

                          http://talkaboutsex.thaihealth.or.th/knowledge/3386
                          http://www.prostate-rama.com/reading_detail.php?cid=70
                          Shared publicly
                            Add a comment...


                            การติดเชื้อในระบบทางเดินปัสสาวะ : ชะลอวัย TS6 Probiotic โปรไบโอติก อาหารเสริม ปวดท้อง ท้องผูก ท้องเส... -
                            http://www.interpharma.co.th/webroot/?action=menu&catid=8&subcatid=34&lang=th

                             สาเหตุที่ผู้สูงอายุมีโอกาสติดเชื้อในทางเดินปัสสาวะมากขึ้น เนื่องจาก
                             
                                 • เมื่อผู้หญิงหมดประจำเดือนแล้ว จะขาดฮอร์โมนเอสโตรเจน ทำให้มีเชื้อแลคโตบาซิลไล ( lactobacilli) ในช่องคลอดน้อย ทำให้ค่าความเป็นกรดด่าง (พีเอช ) ในช่องคลอดสูงขึ้น ซึ่งเหมาะต่อการเจริญเติบโตของเชื้อก่อโรค ในผู้ชายสูงอายุ สารคัดหลั่งจากต่อมลูกหมากจะมีคุณสมบัติในการฆ่าเชื้อแบคทีเรียน้อยลง

                                 • เมื่ออายุมากขึ้นการทำงานของไตลดลง ทำให้ความสามารถในทำให้ปัสสาวะเป็นกรด ทำให้ปัสสาวะเข้มข้น และขับสารยูเรียได้ลดลง ทำให้ติดเชื้อง่ายขึ้น นอกจากนั้นการที่มีน้ำตาลในปัสสาวะ ซึ่งพบได้มากขึ้นในผู้สูงอายุ เนื่องจากมีโรคเบาหวานมากขึ้น ยังเป็นสารเพาะเชื้อที่ดีอีกด้วย

                                 • ผู้สูงอายุได้รับการใส่สายสวนปัสสาวะบ่อยขึ้น เช่น จากการที่ปัสสาวะไม่ออก กลั้นปัสสาวะไม่ได้ หรือใส่ในช่วงผ่าตัด จึงทำให้เชื้อโรคเข้าไปในทางเดินปัสสาวะได้

                                 • ผู้สูงอายุมีโรคที่เกิดขึ้นหลายอย่าง ซึ่งอาจยังผลให้เกิดการติดเชื้อในทางเดินปัสสาวะง่ายขึ้น เช่น โรคสมองเสื่อมอัลไซเมอร์ โรคพาร์กินสัน ทำให้เดินไม่คล่อง ปัสสาวะไม่สะดวก มีปัสสาวะค้างในกระเพาะปัสสาวะ ติดเชื้อได้ง่าย หรืออาจเป็นโรคเบาหวาน ขาดสารอาหาร โรคต่อมลูกหมากโต เป็นต้น โรคเหล่านี้เป็นปัจจัยเสี่ยงทำให้มีโอกาสติดเชื้อในทางเดินปัสสาวะง่ายขึ้น
                            Shared publicly
                              Add a comment...

                              Zinc

                                  สังกะสี (ซิงค์) หรือ Zinc เป็นตัวช่วยควบคุมให้กระบวนการต่างๆในร่างกายดำเนินไปได้อย่างมีประสิทธิภาพ และคอยช่วยซ่อมบำรุงระบบเอนไซม์และเซลล์ต่างๆ หากร่างกายมีเหงื่อออกมากเกินไป อาจทำให้ร่างกายต้องสูญเสียสังกะสีไปมากถึง 3 มิลลิกรัม ต่อวัน
                                  แหล่งที่พบซิงค์ได้ในธรรมชาติ ได้แก่ อาหารทะเล หอยนางรม เนื้อสัตว์ เนื้อวัวไม่ติดมันแบบย่าง เนื้อลูกแกะ ตับลูกวัว ไข่ นมผงปราศจากไขมัน มัสตาร์ดแบบแห้ง จมูกข้าวสาลี แป้งงา เนยงา ถั่วลิสง เมล็ดฝักทอง เมล็ดแตงโม เม็ดก๋วยจี๊ ผงโกโก้ ช๊อคโกแลต บริเวอร์ยีสต์ เป็นต้น
                                  ศัตรูของธาตุสังกะสี คือ ไฟเทต ซึ่งทำให้ร่างกายไม่สามารถดูดซึมสังกะสีได้ และสังกะสีมักถูกทำลายจากกระบวนการแปรรูปอาหาร หรืออาจมีปริมาณน้อยมากเนื่องจากพืชผักนั้นปลูกในดินที่ไม่มีแร่ธาตุ และโรคจากการขาดสังกะสี ได้แก่ โรคต่อมลูกหมากโต อวัยวะสืบพันธุ์ไม่เจริญเต็มที่ และโรคผนังหลอดเลือดแดงแข็ง



                              คำแนะนำในการรับประทานซิงค์

                                  ธาตุสังกะสี จะทำงานร่วมกับ วิตามินเอ แคลเซียม ฟอสฟอรัส ได้ดีที่สุด
                                  หากคุณเพิ่มธาตุสังกะสีในอาหาร ร่างกายคุณอาจต้องการวิตามินเอเพิ่มมากขึ้นตามไปด้วย
                                  ซิงค์มักเป็นส่วนผสมของอาหารเสริมในรูปของวิตามินรวมหรือแร่ธาตุรวม หรืออาจะอยู่ในรูปแบบที่รวมอยู่กับวิตามินซี แมกนีเซียม หรือ วิตามินบีรวมก็ได้ โดยไกลซิเนตซิงค์ซิเทรต เป็นสังกะสีในรูปแบบที่ดีที่สุด
                                  คุณอาจหาซื้อได้ในรูปของ ซิงค์ซัลเฟต ซิงค์กลูโคเนต ซิงค์พิโคลิเนต ในขนาดตั้งแต่ 15 – 50 mg. โดยซิงค์ซัลเฟตและซิงค์กลูโคเนตจะมีประสิทธิภาพดีพอๆกัน แต่ซิงค์กลูโคเนตจะรับประทานได้ง่ายกว่า
                                  ซิงค์ในรูปของลูกอมแก้หวัด เวลาอมควรปล่อยให้ละลายในปากเพื่อประสิทธิภาพที่ดีที่สุด ผลเสียของการรับประทานเกินขนาด อาจส่งผลทำให้ระบบย่อยอาหารแปรปรวน ระบบภูมิคุ้มกันทำงานได้ไม่ดี และทำให้ขาดทองแดงได้ โดยขนาดมากกว่า 1,000 mg. ขึ้นไปอาจเป็นอันตรายต่อร่างกายได้
                                  ขนาดที่แนะนำให้รับประทานสำหรับผู้ใหญ่ต่อวันคือ 12 – 15 mg. และสำหรับหญิงให้นมบุตรตั้งแต่ 15 mg. ขึ้นไป
                                  สำหรับผู้ที่รับประทาน วิตามินบี6 ในปริมาณมาก ควรได้รับธาตุสังกะสีเสริม
                                  สำหรับผู้ที่ดื่มสุราเป็นประจำหรือผู้ที่เป็นโรคเบาหวาน ควรได้รับธาตุสังกะสีเสริม
                                  สำหรับผู้สูงอายุที่มีความกังวลเรื่องความแก่ชรา สังกะสีและแมงกานีส คือคำตอบสำหรับคุณ
                                  สำหรับผู้ที่ประจำเดือนมาไม่สม่ำเสมอ ควรรับประทานสังกะสีเพิ่ม ก่อนจะไปรักษาด้วยฮอร์โมนเพื่อให้ประจำเดือนมาเป็นปกติ
                                  สำหรับผู้ชายที่มีปัญหาเรื่องโรคต่อมลูกหมากหรือไม่ก็ตาม ก็ควรที่จะได้รับสังกะสีอย่างเพียงพอ
                                  สำหรับผู้ที่เสื่อมสรรถภาพทางเพศควรรับประทานสังกะสีร่วมกับวิตามินบี6
                                  สำหรับผู้ที่รับประทานอาหารเสริมที่มี ธาตุเหล็ก และธาตุสังกะสี ควรแยกเวลาในการรับประทาน เนื่องจากมันอาจขัดขวางการทำงานของกันและกันได้
                                  หากคุณมีอาการท้องร่วงหรือรับประทานใยอาหารในปริมาณสูง ระดับของธาตุสังกะสีในร่างกายจะต่ำลง
                                  สังกะสี สามารถช่วยกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันในร่างกายได้ แต่หากเกินกว่า 150 mg. ต่อวันแล้ว อาจไปขัดขวางการตอบสนองของระบบภูมิคุ้มกันซะเอง
                              Shared publicly
                                Add a comment...

                                ผู้ชายที่มีอายุตั้งแต่ 50 ปีขึ้นไป แม้จะไม่มีอาการผิดปกติของทางเดินปัสสาวะ ก็ควรไปรับการตรวจต่อมลูกหมากจากแพทย์ระบบทางเดินปัสสาวะอย่างน้อยปีละครั้ง ทั้งนี้ อุบัติการณ์ของโรคจะพบมากขึ้นเมื่อผู้ป่วยมีอายุมากขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะพบในชายไทยมีอายุตั้งแต่ 40 ปีขึ้นไป

                                http://www.ruamphat-ts.com/index.php?lay=show&ac=article&Id=508009

                                บทความกล่าวว่า LYCOPENE ไม่มีผลในการป้องกันและรักษามะเร็งต่อมลูกหมาก แต่จะลดการลุกลามของโรคลงได้ 60% ดังนั้นการจะใช้ LYCOPENE เพือป้องกันมะเร็งต่อมลูกหมาก จึงขึ้นกับการตัดสินใจของแต่ละบุคคล

                                According to a study published in September 2007, which included almost 2,000 men in eight countries, carotenoids such as lycopene do not cut the odds of prostate malignancy. While researchers found that high levels of carotenoids could reduce by 60% the risk of an existing tumor progressing to advanced-stage prostate cancer, they noted that carotenoids had no effect on the rate of localized, early-stage disease.
                                http://www.harvardprostateknowledge.org/lycopene-and-tomatoes-no-shield-against-prostate-cancer

                                Is There a Benefit From Lycopene Supplementation in Men With Prostate Cancer? A Systematic Review
                                Prostate Cancer Prostatic Dis. 2009;12(4):316–324 
                                http://www.medscape.com/viewarticle/712694

                                Lycopene for Prevention and Treatment of Prostate Cancer
                                Am J Health Syst Pharm. 2004;61(15) 
                                http://www.medscape.com/viewarticle/487510
                                Shared publicly
                                  Add a comment...

                                  สารประกอบในขมิ้นรวมๆแล้ว เรียก Curcuminoids มีคุณสมบัติเป็นสารแอนติออกซิแดนท์ (antioxidant) สารต่อต้านการอักเสบ ต่อต้านไวรัสและแบคทีเรีย ฯลฯ ชะลอความเสื่อมของเซลล์ประสาท ป้องกันการเกิดโรคอัลไซเมอร์

                                  มีรายงานการใช้ขมิ้นรักษาและป้องกันโรคต่าง ๆ เช่น ริดสีดวงทวารแผลในกระเพาะอาหาร มะเร็งลำไส้ มะเร็งเต้านม มะเร็งต่อมลูกหมากหลอดเลือดแดงแข็ง ตับ ข้ออักเสบ อีกด้วย"
                                  ........................................................

                                  ขมิ้นเหลือง ป้องกันอัลไซเมอร์

                                  ทีมนักวิจัยจากมหาวิทยาลัยพิตต์สเบิร์ก (The University of Pittsburgh) ประเทศสหรัฐอเมริกา เก็บสถิติการเกิดโรคอัลไซเมอร์จากกว่า 55 ประเทศทั่วโลก ผลการสำรวจพบว่า ประเทศอินเดียมีอัตราการเกิดโรคอัลไซเมอร์ต่ำที่สุด โดยต่ำกว่าประเทศสหรัฐอเมริกาถึง 3 เท่า

                                  เหตุผลหนึ่งที่ทำให้ผู้สูงอายุอินเดียป่วยเป็นโรคอัลไซเมอร์น้อย The Journal of the American Botanical Council อธิบายว่า เพราะชาวอินเดียนิยมทำอาหารจากผงกะหรี่ซึ่งมีขมิ้นเป็นส่วนประกอบหลักโดยมีหลายการศึกษายืนยันว่า ขมิ้นมีสารแอนติออกซิแดนต์ ช่วยต้านการอักเสบ ลดความเสี่ยงในการเกิดแอมเมิลลอยด์ พลัคในสมอง ชะลอความเสื่อมของเซลล์ประสาท ช่วยป้องกันการเกิดโรคอัลไซเมอร์

                                  นอกจากนี้ยังช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของสมอง รวมถึงชะลอความเสื่อมของสมองและการดำเนินของโรคในผู้ป่วยโรคอัลไซเมอร์

                                  สารประกอบในขมิ้นรวมๆแล้ว เรียก Curcuminoids มีคุณสมบัติเป็นสารแอนติออกซิแดนท์ (antioxidant) สารต่อต้านการอักเสบ ต่อต้านไวรัสและแบคทีเรีย ฯลฯ

                                  มีรายงานการใช้ขมิ้นรักษาและป้องกันโรคต่าง ๆ เช่น ริดสีดวงทวารแผลในกระเพาะอาหาร มะเร็งลำไส้ มะเร็งเต้านม มะเร็งต่อมลูกหมากหลอดเลือดแดงแข็ง ตับ ข้ออักเสบ อีกด้วย"


                                  https://www.facebook.com/orientalmedicinecentre/photos/a.1405113756386379.1073741828.1405021809728907/1612326242331795/ 
                                  Photo
                                  Shared publicly
                                    Add a comment...

                                    #เพื่อสุขภาพตี้ดีจ้าว__พราวอ่านแล้วเกร็ดความรู้ดีมากทีเดียวจ้าว
                                    1. แอปเปิ้ล แตงโม กล้วย กีวีต้องระวัง
                                    ผลไม้ทั้ง 3 ชนิดนี้มีประโยชน์มาก แต่ถ้าคุณกำลังทานยาปฏิชีวนะอยู่ ผลไม้พวกนี้จะกลายเป็นโทษทันทีเพราะมันบูดในลำไส้ได้ง่าย อาจจะทำให้เกิดอาการอักเสบในระบบทางเดินอาหารได้
                                    ❤ †† ❤ †† ❤ †† ❤ †† ❤ †† ❤ ❤ †† ❤ †† ❤ †† ❤ †

                                    2. ผลไม้กับมื้ออาหาร
                                    ก่อนทานอาหารควรจะเรยีกน้ำย่อยด้วยสับปะรดและมะละกอสัก 2-3 ชิ้น ผลไม้สองชนิดนี้มีเอนไซม์ที่จะช่วยให้กระเพาะย่อยอาหารมื้อหลักที่กำลังจะตามลงมาได้ง่ายขึ้น และหลังจากจบมื้ออร่อยแล้วควรตบท้ายด้วยแอปเปิ้ลสัก 1 ชิ้นเพื่อช่วยเพิ่มปริมาณน้ำลายซึ่งจะทำให้จำนวนแบคทีเรียในช่องปากลดลง และช่วยให้เหงือกแข็งแรงด้วย
                                    ❤ †† ❤ †† ❤ †† ❤ †† ❤ †† ❤ ❤ †† ❤ †† ❤ †† ❤ †

                                    3. อย่าปล่อยให้หิว
                                    ควรจะทานอาหารให้ตรงเวลาทุกวันแม้จะยังไม่รู้สึกหิวก็ตาม เพราะเวลาที่เราหิวร่างกายจะหลั่งฮอร์โมนควมเครียดออกมา ถ้าเกิดเหตุการณ์แบบนี้เป็นประจำก็จะทำให้คุณกลายเป็นสาวเครียด และนำไปสู่อาการความดันโลหิตสูง โรคหัวใจ หรือเบาหวาน
                                    ❤ †† ❤ †† ❤ †† ❤ †† ❤ †† ❤ ❤ †† ❤ †† ❤ †† ❤ †

                                     4. เนื้อสัตว์กับผลไม้ไม่เข้ากัน
                                    ถ้าทานน้อยๆ ก็ไม่เป็นไร แต่ถ้ามื้อไหนคุณทานเนื้อเป็นจำนวนมากแล้วควรจะงดผลไม้ไป เพราะกว่าเนื้อจะย่อยหมดต้องใช้เวลานาน ส่าวนผลไม้ซึ่งย่อยเร็วจะถูกกักอยู่ในกระเพาะ จึงทำให้เกิดกรดในกระเพาะอาหารได้
                                     ❤ †† ❤ †† ❤ †† ❤ †† ❤ †† ❤ ❤ †† ❤ †† ❤ †† ❤ †

                                    5. นาฬิกาชีวภาพ
                                    หลักการสุขภาพดีบอกไว้ว่าเราควรจะเข้านอนในเวลาเดียวกันทุกๆ วัน แต่ส่วนใหญ่พอถึงคืนวันศุกร์กับวันเสาร์เรามักจะนอนดึกเพราะถือว่าเป็นวันหยุด การทำอย่างนี้จะทำให้ความเคยชินหรือที่เรียกว่าชีวภาพของร่างกายรวรเร จึงไม่ต้องแปลกใจเลยที่วันจันทร์เราจะง่วงนอนกว่าปกติ
                                    ❤ †† ❤ †† ❤ †† ❤ †† ❤ †† ❤ ❤ †† ❤ †† ❤ †† ❤ †

                                      6. ความเครียดทำลายผิว 
                                    ถ้าอยากผิวสวย แก่ช้า ดูอ่อนกว่าวัย สิ่งแรกที่ต้องปรับคือความคิดของตัวเราเอง พยายามคิดในทางบวก มองโลกในแง่ดี หลีกเลี่ยงความคิดที่ทำให้ตึงเครียด เพื่อไม่ให้ร่างกายหลั่งฮอร์โมนความเครียดออกทำลายตัวเราเอง
                                    ❤ †† ❤ †† ❤ †† ❤ †† ❤ †† ❤ ❤ †† ❤ †† ❤ †† ❤ †

                                    7. หลีกเลี่ยงภาชนะพลาสติก
                                    เพราะความร้อนรวมทั้งรสชาติเผ็ดเปรี้ยว เค็มจากอาหารสามารถเข้าไปกัดเซาะสารสังเคราะห์ในพลาสติกให้ละลายออกปะปนกับอาหารได้ตลอดเวลา โดยเฉพาะการใช้ภาชนะพลาสติกใส่อาหารเข้าอุ่นในเตาไมโครเวฟยิ่งเป็นสิ่งที่ต้องหลีกเลี่ยง เพราะเป็นการเสี่ยงต่อมะเร็งเต้านมเป็นอย่างมาก
                                     ❤ †† ❤ †† ❤ †† ❤ †† ❤ †† ❤ ❤ †† ❤ †† ❤ †† ❤ †

                                    8. อย่าประมาทอาการไอเรื้อรัง
                                    หลังจากหายหวัดแล้วอาการไออาจจะยังไม่หายไป แต่สาวหลายคนมักจะไม่สนใจเพราะคิดว่าอาการไอเป็นเรื่องชิลๆ แต่ที่จริงอาการไอเรื้อรังร้ายแรงกว่าที่คุณคิด เพราะมันอาจเกิดจากการติดเชื้อไวรัส ยาปฏิชีวนะ ที่หมอให้มารักษาอาการหวัดไม่สามารถฆ่าเชื้อไวรัสได้ วิธีหยุดอาการไอที่ได้ผลที่สุดคือการดื่มน้ำบ่อยๆ เพื่อลดเสมหะในทางเดินหายใจ และนอนหลับให้เพียงพอเพื่อให้ระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายทำงานได้เต็มที่
                                    ❤ †† ❤ †† ❤ †† ❤ †† ❤ †† ❤ ❤ †† ❤ †† ❤ †† ❤ †

                                    9. เท้าและข้อเท้าบวม
                                    ถ้ามีอาการแบบนี้อย่าปล่อยไว้ เพราะฝ่าเท้าเป็นศูนย์รวมของเส้นประสาททั่วร่างกาย ถ้าบริเวณเท้ามีปัญหาก็จะส่งผลถึงร่างกายทุกส่วน วิธีแก้ไขคือให้นั่งยองๆ ทุกวันๆ ละ 15 นาทีจากนั้นก็ขยับข้อเท้าไปข้างหน้าและข้างหลังเพื่อช่วยให้เลือดไหลเวียนได้ดีขึ้น หลังจากนั้นใช้แปรงขนนุ่มๆ แปรงผิวหนังเบาๆ โดยเริ่มจากฝ่าเท้าแล้วค่อยๆ ปัดไล่ขึ้นมาที่ข้อเท้า น่อง ต้นขา ท้อง แขนไปจนสุดที่มือทั้งสองข้าง (ยกเว้นผู้ที่เป็นเบาหวานเพราะเสี่ยงจะเกิดบาดแผล) ตบท้ายด้วยการอาบน้ำอุ่นแล้วตามด้วยน้ำเย็น จะช่วยให้เลือดไหลเวียนดีขึ้น
                                    ❤ †† ❤ †† ❤ †† ❤ †† ❤ †† ❤ ❤ †† ❤ †† ❤ †† ❤ †

                                    10. งดเครื่องดื่มคาเฟอีน
                                    เครื่องดื่มพวกนี้ไม่ว่าจะเป็นชาหรือกาแฟ ปกติก็ไม่ควรดื่มอยู่แล้ว แต่ถ้าบังเอิญคุณเป็นโรคปวดหลัง เครื่องดื่มพวกนี้จะเป็นศัตรูของคุณไปทันที เพราะคาเฟอีนจะไปลดการหลั่งสารเอนโดรฟินซึ่งมีคุณสมบัติช่วยลดอาการปวดตามอวัยวะต่างๆ อาการปวดของคุณก็จะไม่หายหรืออาจจะเป็นมากขึ้นด้วย
                                    ❤ †† ❤ †† ❤ †† ❤ †† ❤ †† ❤ ❤ †† ❤ †† ❤ †† ❤ †

                                    11. ดื่มน้ำเร็ว...อันตราย
                                    ใครๆ ก็บอกว่าควรจะดื่มน้ำให้ได้วันละ 8 แก้ว แต่ต้องค่อยๆ ดื่มไปตลอดวัน ไม่ใช่ทั้งวันไม่ดื่มเลย แล้วมารวบยอดเอาในครั้งเดียว เพราะการดื่มน้ำปริมาณมากๆ ในครั้งเดียวอาจทำให้เกิดอาการน้ำเป็นพิษเนื่องจากเลือดเจือจาง และอาจทำให้เป็นตะคริว กล้ามเนื้อเกร็งตามมา ยิ่งถ้าอาการเกร็งไปเกิดที่สมอง หัวใจ หรือปอด ก็อาจจะทำให้ระบบหายใจล้มเหลวและเสียชีวิตได้
                                    ❤ †† ❤ †† ❤ †† ❤ †† ❤ †† ❤ ❤ †† ❤ †† ❤ †† ❤ †

                                     12. แดดอ่อนตอนเช้า
                                    แสงแดดยามเช้าจัดว่าเป็นยาตามธรรมชาติที่ทุกคนสามารถเป็นเจ้าของโดยไม่ต้องเสียเงินซื้อ นอกจากทำให้กระดูกแข็งแรงแล้วยังทำให้อารมณ์ดี เพราะแดดอ่อนๆ มีวิตามินที่ช่วยกระตุ้นให้ร่างกายหลั่งสารแห่งความสุข ออกมาต่อต้านอาการซึมเศร้าในตัวเรา คนที่เดินเล่นรับแดดอ่อนจึงมีหน้าตาเบิกบานกว่าคนที่มัวแต่หลบแดดอยู่ในบ้านมาก
                                    ❤ †† ❤ †† ❤ †† ❤ †† ❤ †† ❤ ❤ †† ❤ †† ❤ †† ❤ †

                                    13. เบาหวานอย่าทานไข่
                                    ถ้าสมาชิกในครอบครัวคุณคนไหนเป็นเบาหวาน ควรให้เขางดไข่ไปเลย เพราะมีรายงานทางการแพทย์ว่าถ้าคนที่เป็นเบาหวานทานไข่อาทิตย์ละ 1 ฟอง จะมีโอกาสเป็นโรคหัวใจมากขึ้น
                                    ❤ †† ❤ †† ❤ †† ❤ †† ❤ †† ❤ ❤ †† ❤ †† ❤ †† ❤ †

                                    14. อยากผอมต้องน้ำเย็น
                                    การดื่มน้ำเย็น 50 ออนซ์ จะช่วยเผาผลาญพลังงานเพิ่มขึ้นวันละ 50 แคลอรี ช่วยให้น้ำหนักลดลงปีละ 2.5 กิโลกรัม เพราะเมื่อเราดื่มน้ำเย็นร่างกายต้องใช้พลังงานในการทำให้น้ำนั้นเปลี่ยนอุณหภูมิเป็นอุณหภูมิปกติก่อน แล้วจึงนำไปใช้ได้ จึงเป็นการใช้พลังงานมากกว่าเดิม
                                    ❤ †† ❤ †† ❤ †† ❤ †† ❤ †† ❤ ❤ †† ❤ †† ❤ †† ❤ †

                                    15. สุขภาพดีทันทีที่ตื่น
                                    ถ้าอยากดูแลสุขภาพพร้อมกับการเริ่มต้นวันใหม่ ทันทีที่ตื่นนอนสาวๆ ควรผสมน้ำส้มสายชู (ที่หมักจากผลแอปเปิ้ล) กับน้ำผึ้งในสัดส่วนเท่ากัน ใส่น้ำอุ่นนิดหน่อย คนให้เข้ากันแล้วนำมาดื่ม จะช่วยให้การดูดซึมของระบบลำไส้และการเผาผลาญของร่างกายทำงานได้ดีตลอดวัน
                                    ❤ †† ❤ †† ❤ †† ❤ †† ❤ †† ❤ ❤ †† ❤ †† ❤ †† ❤ †

                                    16. ผู้ชายอย่าพลาดมะเขือเทศ
                                    สำหรับหนุ่มซ่าที่กำลังเริ่มมีอาการเตะปี๊ปไม่ดังหรือกลัวว่าจะเป็นหมัน มะเขือเทศคือผลไม้ที่คุณจะพลาดไม่ได้ เพราะมะเขือเทศสุกมีสารโคปีนสูงมาก ช่วยให้ต่อมลูกหมากทำงานได้ดี ประสิทธิ์ภาพและสมรรถภาพต่างๆ จึงทำงานได้เป็นปกติ ถ้าผู้ชายทานมะเขือเทศอย่างน้อยอาทิตย์ละ 10 ผลหรือมากกว่านั้น ความเสี่ยงที่จะเป็นมะเร็งต่อมลูกหมาก ก็จะน้อยลง 45 เปอร์เซ็นต์ ที่สำคัญควรจะทานแบบสุกๆ เช่น ทานเป็นน้ำพริกอ่อง สปาเก็ตตี้ เพราะเวลามะเขือเทศถูกความร้อนมันจะปล่อยสารไลโคปีนออกมามากขึ้น
                                    ❤ †† ❤ †† ❤ †† ❤ †† ❤ †† ❤ ❤ †† ❤ †† ❤ †† ❤ †

                                     17. ป้องกันกรดในกระเพาะอาหาร
                                    สำหรับที่ท้องอืดบ่อย ควรลดปริมาณการดื่มน้ำผลไม้เข้มข้นอย่างเช่น มะนาว ส้ม ส้มโอ เกรฟฟรุต หรือน้ำมะเขือเทศสดนั่น เพราะน้ำพวกนี้มีกรดมากทำให้ท้องอืด หรือถ้าเสพติดไปแล้วอดไม่ได้จริงๆ ก็อาจจะทำให้เจือจางลงด้วยการผสมน้ำมากๆ 
                                    ❤ †† ❤ †† ❤ †† ❤ †† ❤ †† ❤ ❤ †† ❤ †† ❤ †† ❤ †

                                    18. หลบอัลไซเมอร์ด้วยเกม
                                    ถ้าไม่อยากเป็นอัลไซเมอร์หรือเป็นโรคขี้หลงขี้ลืม สาวๆ ควรจะฝึกสมองด้วยการเล่นเกมที่ต้องใช้สมาธิ เช่น ปริศนาอักษรไขว้ เกมในคอมพิวเตอร์ หรืออาจจะทำกิจกรรมที่ต้องใช้สมาธิอย่างเรียนดนตรี เล่นหมากรุก เป็นต้น เพราะเกมเหล่านี้จะช่วยให้ระบบประสาททำงานเชื่อมต่อกันอย่างมีประสิทธิภาพ

                                    #ขอบคุณข้อมูลจาก: Spicy
                                                 ^___S M I L E__^
                                     🎁🎁🎁take care na kha🎁🎁🎁
                                    Photo

                                    >> อาหาร 5 สีดีต่อสุขภาพ <<

                                    รู้ไหมคะว่า อาหารแต่ละสีที่เราทานในแต่ละวันให้สารอาหารและประโยชน์อะไรบ้าง สุขภาพดี๊ดีนำคำตอบจาก #กรมอนามัย มาฝากค่ะ :D

                                    #สีแดง >> มีสารไลโคปีน (Lycopene) และบีทาเลน (Betalain) ที่ช่วยให้หัวใจแข็งแรง ป้องกันโรคมะเร็ง โดยเฉพาะมะเร็งต่อมลูกหมาก และช่วยให้สุขภาพผิวดีจากภายในสู่ภายนอก เช่น มะเขือเทศ พริก

                                    #สีเหลือง >> มีเบต้าแคโรทีน (Beta- Carotene) ที่เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ นอกจากนี้อาหารสีเหลืองยังช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน และช่วยชะลอความเสื่อมของจอประสาทตาได้อีกด้วย เช่น ฟักทอง ข้าวโพด ส้ม

                                    #สีม่วง >> มีสารแอนโทไซยานิน (Anthocyanin) ที่มีคุณสมบัติช่วยทำลายสารที่ทำให้เกิดมะเร็ง ช่วยลดอัตราการเกิดโรคหัวใจ และช่วยลดไขมันอุดตันในเส้นเลือด เช่น กะหล่ำปลีม่วง มันสีม่วง บลูเบอร์รี่

                                    #สีขาว >> เต็มไปด้วยสารแซนโทน (Xanthone) ซึ่งเป็นสารในกลุ่มฟลาโวนอยด์ ที่ช่วยลดอาการอักเสบ ช่วยรักษาระดับน้ำตาลในเลือด และยังช่วยลดอาการปวดข้อเข่า เช่น หัวไชเท้า กระเทียม

                                    #สีเขียว >> แน่นอนว่าเต็มไปด้วยคลอโรฟิลด์ (Chlorophyll) ที่ช่วยต้านมะเร็ง และช่วยให้ระบบขับถ่ายทำงานได้ดีเพราะมีกากใย เมื่อระบบขับถ่ายดีจึงทำให้ผิวใส ยับยั้งการเกิดริ้วรอยได้ค่ะ เช่น ผักคะน้า ผักบุ้ง

                                    รู้แบบนี้แล้วก็อย่าลืมทานอาหารให้ครบทั้ง 5 สี เพื่อให้สุขภาพร่างกายแข็งแรงห่างไกลโรคนะคะ สุขภาพดี๊ดีห่วงใยคุณค่ะ ^_^

                                    ขอบคุณข้อมูลจาก : กรมอนามัย

                                    ติดตามเรื่องราวที่จะทำให้สุขภาพคุณดี๊ดีได้ที่ 👉 Line : @Sookkapapdd
                                    --------------------------------------------
                                    #สสส. #สุขกาย #สุขใจ #สุขภาพดี๊ดี
                                    #พัฒนาการเรียนรู้
                                    Photo

                                    Public
                                    38w
                                    Photo
                                    สูตรน้ำสมุนไพร "กระชาย+โหระพา" เพื่อสุขภาพ

                                    น้ำโหระพากระชาย ตามคำบอกกล่าว อาจารย์ สุทธิวัสส์ คำภา บอกไว้ว่า ไม่ต้องต้มเพราะมันฆ่าเชื้อด้วยตัวเอง เก็บไว้ได้เป็นเดือน กระชายบำไรุงไตได้ดีที่สุด ใช้กระชายดำหรือกระชายเหลืองก็ได้ กระชายปั่นกับใบโหระพา ผสมน้ำผึ้ง น้ำมะนาว 
                                    ดื่ม บำรุงสมอง บำรุงกระดูก เลือดเลี้ยงสมองไม่ดี ความจำเสื่อม นอนไม่ค่อยหลับ จะช่วยได้ แล้วผมจะดกดำหลับมาใหม่ ซึ่งท่านใช้ประสบการณ์ของท่านเองว่าผมกลับมาดกดำได้ผลจริง จากที่เคยผมร่วงผมหงอก หัวล้าน และยังบอกอีกว่าไม่ควรย้อมสีผมหรือโกรกผมเพราะสารเคมีพวกนี้มีพิษต่อตับ ให้ดื่มน้ำกระชายกับใบโหระพา 

                                    สูตรของอ.สุทธิวัสส์ คำภา 

                                    กระชายเหลือง 1 กก.ใส่น้ำเยอะๆปั่นผสมกับโหระพา รินเอาแต่น้ำ ทำมากๆแล้วเก็บใส่ตู้เย็น

                                    วิธีทำ กระชายและโหระพา 2 อย่างๆละกำมือ น้ำดื่มสะอาดประมาณ 1 ลิตร ปั่นแล้วกรอง ถ้าไม่มีเครื่องปั่นก็ตำให้ละเอียดผสมน้ำแล้วกรอง ผู้อยู่ต่างประเทศหรือห้องพักที่ไม่มีครกก็ห่อผ้าหรือถุงแล้วทุบๆๆๆให้แหลกผสมน้ำดื่มสะอาดแล้วกรองก็ได้เช่นกัน ไม่ต้องเพื่มความหวาน 3 อย่างเท่านั้น น้ำกระชาย โหระพา ก็ดื่มได้ง่าย แต่ดื่มบ่อยๆ ไม่ควรใส่แต่ละอย่างมากเกินไป ทำสดๆดื่มทุกวันได้ยิ่งดี แต่สมุนไพรทั้ง 2 อย่างนี้ถ้าไม่มีเวลาทำครั้งเดียวมากต่อครั้งก็เก็บแช่เย็น ไว้ดื่มได้หลายวันไม่เสียค่ะ ดื่มได้ชื่นใจ ผู้ที่ไม่มีปัญหาเรื่องระวัง น้ำตาล น้ำผึ้ง ฯ ก็เพิ่มได้ตามชอบนะคะ

                                    สรรพคุณกระชาย

                                    กระชาย หัวละแอน ( เหนือ), ขิงแดง ,ขิงทราย (อีสาน)
                                    เหง้า รสเผ็ดร้อนขม แก้โรคเกิดในปาก แก้มุตกิต แก้ลมอันบังเกิดแก่กองหทัยวาย แก้ปากเปื่อย ปากแตกเป็นแผล ขับระดูขาว แก้ใจสั่น แก้ปวดมวนในท้อง แก้บิดมูกเลือด แก้ปวดเบ่ง รักษาลำไส้ใหญ่อักเสบ บำรุงกำลัง
                                    ราก (นมกระขาย) รสเผ็ดร้อนขม แก้กามตายด้าน ทำให้
                                    กระชุ่มกระช่วย บำรุงความกำหนัด มีสรรรพคุณคล้ายโสม
                                    ( ขอบคุณสรรพคุณกระชาย จากหนังสือเภสัชกรรรมไทย โดย 
                                    วุฒิ วุฒิธรรมเวช)

                                    กระชาย

                                    มีแคลเซียมสูง มีวิตามินบี ๑, บี ๓, บี ๖ ช่วยบำรุงสมอง ทำให้เลือดไหลเวียนไปเลี้ยงสมองส่วนกลางดีขึ้น ป้องกันหัวล้าน ป้องกันผมหงอกก่อนวัย ฟื้นฟูเส้นผมให้กลับมาดกดำเป็นหนุ่มสาวอีกครั้งหนึ่ง ช่วยฟิ้นฟูต่อมไร้ท่อต่างๆ เช่น ต่อมไทรอยด์ ต่อมใต้สมอง ต่อมหมวกไต ป้องกันไทรอยด์เป็นพิษ ช่วยบำรุงหัวใจ ทำให้กล้ามเนื้อหัวใจแข็งแรง เลือดไหลเวียนไปเลี้ยงหัวใจดีขึ้น ช่วยปรับสมดุลความดันโลหิต สำหรับคนเป็นความดันสูง กินน้ำกระชายคุมไว้ความดันขะปกติ ส่วนคนที่เป็นความดันต่ำจะอันตรายกว่าเพราะอาจช็อกได้ง่าย

                                    น้ำกระชายก็จะปรับให้สมดุลพอดี ช่วยบำรุงตับ ไต ให้แข็งแรง ช่วยบำรุงเส้นเอ็นให้แข็งแรง กระดูกไม่แตกเปราะง่าย ป้องกันกระดูกพรุน ดูแลระบบเพศ มดลูก รังไข่ กระเพาะปัสสสาวะ ต่อมลูกหมาก ดูแลหูรูดกระเพาะปัสสาวะให้แข็งแรง ช่วยขับน้ำคาวปลาสำหรับสตรีหลังคลอดบุตร

                                    ช่วยปรับสมดุลฮอร์โมนเพศหญิง (เอสโตรเจน) และฮอร์โมนเพศชาย (เทสโทสเตอโรน) ซึ่งมีอยู่ในร่างกายของทุกคน ผู้หญิงถ้ามีฮอร์โมนเอสโตรเจนมากเกินไปจะเป็นมะเร็งเต้านม แต่ถ้ามีน้อยเกินไปก็จะเป็นมะเร็งปากมดลูก ส่วนผู้ชายถ้าดื่มน้ำกระชายเป็นประจำ จะช่วยป้องกันต่อมลูกหมากโต ลดความเสี่ยงของการเป็นมะเร็งต่อมลูกหมาก

                                    ( ขอขอบคุณ ประโยชน์ ฯ กระชาย จากหนังสือสูตรเด็ด โดย 
                                    อจ.สุทธิวัสส์ คำภา (ฉบับสีเขียว) )

                                    โหระพา

                                    สรรพคุณ ช่วยลดน้ำตาลในเลือด/ลดความดันโลหิตสูง
                                    โหระพา ชื่ออื่นๆ ห่อกวยซวย , ห่อวอซู , อิมคิมขาว
                                    Basil, Common basil, Sweet basil

                                    ใบ ขับลม แก้ไอ แก้สะอึก แก้ลมวิงเวียน ลดน้ำตาลในเลือด
                                    เมล็ด ยาระบาย แก้บิด
                                    ทั้งต้น ขับลม แก้ปวดหัว แก้หวัด แก้ปวดกระเพาะ แก้ปวดประจำเดือน

                                    วิธีใช้ 
                                    นำทั้งใบ/ต้น 1 กำมือ ต้มน้ำดื่มเช้า เย็น ก่อนอาหาร หรือนำใบมาปรุงเป็นอาหาร

                                    ฤทธิ์ทางเภสัชวิทยา
                                    ต้านเชื้อแบคทีเรีย ต้านเชื้อรา ยับยั้งมะเร็ง ลดความดันโลหิต แก้ปวด

                                    รายงานผลการทดลองHideyuki Matsunra ( ค.ศ 2003) ประเทศญี่ปุ่น
                                    สารสกัดจากใบโหระพา ลดน้ำตาลในเลือดได้

                                    สารสกัดจากใบและต้นโหระพา ลดความดันโลหิตสูงได้

                                    รายงานผลการทดลอง
                                    ค.ศ 1990 ในประเทศไทย มหาวิทยาลัยมหิดล
                                    - ถนอมเกียรติ ( 1979) ในประเทศไทยมหาวิทยาลับจุฬาลงกรณ์
                                    - Ojewok JAO และคณะ (1982) ในประเทศไนจีเรีย
                                    พบมีฤทธิ์ ขับปัสสาวะ และลดความดันโลหิตสูงได้

                                    * ขอบคุณ โหระพาบำบัดเบาหวานและลดความดันโลหิตสูง 
                                    จากหนังสือ สมุนไพรบำบัดเบาหวาน และสมุนไพรลดความดันโลหิตสูง
                                    เรียบเรียงโดย เภสัชกรหญิงจุไรรัตน์ เกิดดอนแฝก

                                    สมุนไพรทั้งกระชายและโหระพา บางบ้านปลูกไว้ก็ยิ่งดีสดๆจากต้นใส่ปุ๋ยธรรมชาติ 
                                    ปลูกเองกินเองเยี่ยมค่ะ สำหรับกระชายดำนั้นฤทธิ์จะแรงกว่า 
                                    ไม่ว่าหญิงหรือชาย ใช้กระชายดำมาเป็นอาหาร ควรจะพอดีๆต่อครั้งนะคะ...........

                                    ด้วยความปรารถนาดี กานดา แสนมณี
                                    วันศุกร์ที่ ๑๒ กันยายน พ.ศ ๒๕๕๗
                                    บันทึกนี้เขียนที่ GotoKnow โดย กานดาน้ำมันมะพร้าว

                                    ขอขอบคุณข้อมูลจาก:https://www.gotoknow.org/posts/576106

                                    ยิ่งหลั่ง ยิ่งป้องกันมะเร็ง !

                                    หนุ่มๆ หลายคนร้องไชโย เมื่อรู้ว่ามีผลวิจัยบอกออกมา ว่าถ้ามีเซ็กส์หรือกระทำอัตตกามกิริยาบ่อยๆ ปรากฏว่าจะช่วยลดอัตราเสี่ยงของการเกิดมะเร็งบางประเภทได้

                                    เรื่องนี้ใหญ่ เพราะศึกษากันในหนุ่มอเมริกันถึง 30,000 คน นานถึง 8 ปี ผลการวิจัยบอกว่า คนที่ได้หลั่งระบายออกมาบ่อยๆ จะมีโอกาสเป็นมะเร็งต่อมลูกหมากน้อยกว่าคนที่อืดๆ อาดๆ รักนวลสงวนตัวไม่ค่อยจะยอมหลั่ง

                                    ผลการวิจัยนี้ยังออกมาประสานเสียงกับผลวิจัยของออสเตรเลีย แต่อันนั้นวิจัยในกลุ่มที่เล็กกว่า ทว่าก็ให้ข้อสรุปเดียวกัน เขาบอกว่า อย่างหนุ่มๆ อเมริกันในกลุ่มที่ศึกษาน่ะ พบว่าพวกที่โดยเฉลี่ยแล้วหลั่งกันถึง 21 ครั้งต่อเดือน เมื่อเทียบกับกลุ่มที่หลั่งมันแค่เดือนละ 7 ครั้ง จะมีอัตราเสี่ยงในการเป็นมะเร็งต่ำกว่าถึง 1 ใน 3 เชียวครับ ในการศึกษานั้น เขาให้หนุ่มๆ ทั้งหลายจดบันทึกการหลั่งของตัวเองเอาไว้อย่างละเอียดยิบ ทั้งแบบมีเซ็กส์กับแบบทำเอง จนแทบจะเป็นหนังสือโป๊อยู่แล้ว แล้วก็เอามาศึกษาวิจัยกัน และพบว่า ถ้ามีการหลั่งมากขึ้นในแต่ละสัปดาห์ ก็จะลดอัตราเสี่ยงในการเป็นมะเร็งต่อมลูกหมากได้ถึง 15% แต่ถ้าจะให้ดี ต้องหลั่งกันมากกว่า 12 ครั้งในหนึ่งเดือน พูดง่ายๆ ก็คือ หลั่งมันวันเว้นวันนั่นแหละ

                                    แต่นักวิจัยก็ไม่ได้ทำวิจัยนี้ขึ้นมา เพื่อเป็นข้ออ้างให้เราหลั่งกันเป็นว่าเล่นนะ ดูความพอเหมาะพอสมกับสภาพร่างกาย และความพร้อมของคู่ของเรากันด้วย

                                    Credit : GM Live
                                    Photo

                                    ปลายฝน ต้นหนาว...เป็นหวัด เป็นไข้ นึกถึงฟ้าทะลายโจร

                                    ฟ้าทะลายโจร ได้รับการกล่าวขานถึงอย่างมาก ในช่วงที่มีการระบาดของไข้หวัด 2009 และได้รับการรับรองจากองค์การอนามัยโลก (WHO) ว่าเป็นสมุนไพรที่ช่วยบรรเทาอาการหวัด และเสริมภูมิต้านทานดีกว่าการใช้ยาปฏิชีวนะในคนที่เป็นหวัดบ่อยๆ ร้อนในบ่อยๆ เนื่องจากร่างกายพักผ่อนไม่เพียงพอ ภูมิต้านทานอ่อนลง การรับประทานสมุนไพรฟ้าทะลายโจรจะช่วยกระตุ้นภูมิคุ้มกัน ทำให้ไม่เป็นหวัดง่าย ร้อนในจะหายไป และสมุนไพรฟ้าทะลายโจรดีกว่ายาปฏิชีวนะ ตรงที่ไม่ทำให้เกิดการดื้อยา สำหรับงานวิจัยทางคลินิกเกี่ยวกับประสิทธิผลในการรักษาหรือป้องกันอาการหวัด พบว่า การรับประทานยาเม็ดฟ้าทะลายโจร ขนาด 200 มก./วัน ติดต่อกัน 3 เดือน สามารถป้องกันการเกิดหวัดได้ถึง 33% โดยพบอัตราการเป็นหวัดเหลือเพียง 20% เมื่อรับประทานในขนาด 3-6 ก./วัน นาน 7 วัน ทำให้อาการไข้และเจ็บคอลดลงไม่ต่างจากการใช้ยาพาราเซตามอล นอกจากนี้ฟ้าทะลายโจรยังมีสรรพคุณอื่นๆที่มีการศึกษายืนยันชัดเจน พอจะสรุปสรรพคุณของฟ้าทะลายโจรได้ดังนี้

                                    สรรพคุณ
                                    - ป้องกันและรักษาการติดเชื้อทางเดินหายใจส่วนบน เช่น ไข้หวัด เจ็บคอ ไซนัสอักเสบแบบไม่รุนแรง หลอดลมอักเสบ ทอนซิลอักเสบ
                                    - ทางเดินปัสสาวะส่วนล่างติดเชื้อ เช่น กระเพาะปัสสาวะอักเสบ ต่อมลูกหมากอักเสบ
                                    - บรรเทาอาการท้องเสียชนิดที่ไม่เกิดจากการติดเชื้อ เช่น อุจจาระไม่เป็นมูก หรือมีเลือดปนท้องเสียเฉียบพลัน

                                    ขนาดยา
                                    - รับประทานครั้งละ 1.5-3 กรัม (2-4 แคปซูล) วันละ 4 ครั้ง หลังอาหารและก่อนนอน
                                    - ใช้ใบและกิ่งสดล้างให้สะอาด สับเป็นท่อนสั้นๆ ประมาณ 1 กำมือ ต้มกับน้ำ 10-15 นาที ดื่มก่อนอาหารวันละ 3 ครั้ง เนื่องจาก ฟ้าทะลายโจรมีรสขมมาก จึงแนะนำให้เอาใบฟ้าทะลายโจรสดมาล้างให้สะอาด ผึ่งให้แห้งในที่ร่ม และบดให้เป็นผงละเอียด บรรจุลงในแคปซูลเบอร์ 0 หรือปั้นกับน้ำผึ้งทำเป็นลูกกลอน เก็บไว้ในขวดแห้งและมิดชิด รับประทานครั้งละ 3-4 แคปซูลวันละ 4 ครั้ง ก่อนอาหาร 3 มื้อ และก่อนนอน
                                    - เคี้ยวใบสด ครั้งละ 4-5 ใบ วันละ 3-4 ครั้ง

                                    ข้อเสนอแนะ
                                    - การใช้ฟ้าทะลายโจรจะให้ผลดีและมีประสิทธิภาพสูงสุดในการแก้หวัด คือ หากเริ่มรู้สึกครั่นเนื้อ ครั่นตัว ทำท่าว่าจะเป็นไข้แล้วรีบกินจะได้ผลดี ถ้าเป็นมานานเกินกว่า 3 วัน แล้วมากินจะรู้สึกว่ายาไม่ ค่อยได้ผล หรือได้ผลน้อย
                                    ข้อควรระวัง
                                    - ห้ามใช้ในผู้ที่มีอาการแพ้ฟ้าทะลายโจร และพืชในกลุ่ม Acanthaceae เช่น เสลดพังพอน ทองพันชั่ง พญาวานร (ว่านง๊อก) อาจทำให้เกิดอาการแพ้ได้ตั้งแต่อาการผื่นคัน ลมพิษ จนถึงอาการแพ้ขั้นรุนแรงแบบ anaphylactic shock ถ้าให้โดยการฉีดหรือในขนาดสูง
                                    - สตรีมีครรภ์และให้นมบุตรห้ามใช้ เนื่องจากมีผลให้ทารกในครรภ์มีรูปร่างผิดปกติได้ และมีรายงานว่าทำให้เกิดการแท้งได้
                                    - ยังไม่มีข้อมูลการใช้ในเด็ก หากใช้ให้อยู่ในความดูแลของแพทย์
                                    -ห้ามใช้ฟ้าทะลายโจรสำหรับแก้อาการเจ็บคอ ในกรณีต่อไปนี้ เช่น เจ็บคอเนื่องจากติดเชื้อแบคทีเรีย Streptococcus group A ผู้ที่มีประวัติไตอักเสบเนื่องจากติดเชื้อนี้ ผู้ป่วยที่มีประวัติโรคหัวใจรูห์มาติค ผู้ที่มีอาการเจ็บคอเนื่องจากมีการติดเชื้อแบคทีเรียและมีอาการรุนแรง เช่น ตุ่มหนองในคอ มีไข้สูง หนาวสั่น
                                    - หากใช้ยาฟ้าทะลายโจรติดต่อกัน 3 วัน แล้วไม่ดีขึ้นหรือยังไม่หาย หรือมีอาการรุนแรงขึ้นระหว่างใช้ควรหยุดใช้ยาและปรึกษาแพทย์
                                    - ไม่ควรใช้ติดต่อเป็นเวลานาน เพราะเป็นสมุนไพรฤทธิ์เย็น อาจทำให้มือเท้าชา หรืออ่อนแรง
                                    - ควร ระวังในโรคหัวใจรูห์มาติก เป็นโรคหัวใจที่เกิดจากการเป็นไข้รูห์มาติกซ้ำ ๆ กันหลายครั้ง แล้วทำให้เกิดการอักเสบของกล้ามเนื้อหัวใจ เยื่อหุ้มหัวใจและลิ้นหัวใจ ทำให้เกิดลิ้นหัวใจรั่วหรือตีบ โรคหัวใจรูห์มาติกพบบ่อยในเด็กอายุ 5-15 ปี การป้องกันการเกิดโรคหัวใจรูห์มาติกที่สาเหตุก็คือการป้องกันการเกิดไข้รูห์มาติก

                                    โรคไข้รูห์มาติก เป็นกลุ่มอาการที่เกิดจากการติดเชื้อเบต้าฮีโมไลติก สเตปโตคอคคัส กลุ่มเอ ซึ่งเป็นสาเหตุของคออักเสบและต่อมทอนซิลอักเสบ อาจมีอาการจากการติดเชื้อครั้งแรกหรือมีอาการเมื่อมีการติดเชื้อซ้ำ


                                    ฟ้าทะลายโจร มีสารออกฤทธิ์สำคัญ ชื่อ “แอนโดรกราโฟไลด์”
                                    (andrographolide) สำหรับการเก็บเกี่ยวเพื่อให้มีปริมาณสารสำคัญสูง ควรทำเมื่อพืชจะมีอายุประมาณ 110-150 วัน หรือเป็นช่วงที่พืชออกดอกนับตั้งแต่เริ่มออกดอกจนถึงดอกบาน 50%


                                    https://www.facebook.com/abhaiherb/photos/a.136960229702392.26552.136694259728989/749216235143452/
                                    Photo
                                    Shared publicly
                                      Add a comment...

                                      สารเคมีที่พบในภาชนะโฟมบรรจุอาหารมี 3 ตัว ได้แก่
                                      1.สารสไตรีน (Styrene) เป็นสารก่อมะเร็ง เพิ่มความเสี่ยงเกิดมะเร็งเต้านมและมะเร็งต่อมลูกหมาก มีผลต่อสมองและเส้นประสาท ทำให้อ่อนเพลีย หงุดหงิดง่าย นอนหลับยาก ระบบฮอร์โมนในร่างกายผิดปกติ ทำให้มี ปัญหาต่อมไทรอยด์และประจำเดือนในสตรีผิดปกติ

                                      2.สารเบนซิน (Benzene) ซึ่งเป็นสารก่อมะเร็งเช่นกัน สารชนิดนี้ละลายได้ดีในน้ำมัน เมื่อเข้าสู่ร่างกาย ทำให้เกิดอาการวิงเวียน คลื่นไส้ อาเจียน หัวใจเต้นแรง หากได้รับสารชนิดนี้เป็นเวลานาน ทำให้เป็นโรคโลหิตจาง เนื่องจากสารเบนซินจะทำลายไขกระดูก ทำให้จำนวนเม็ดเลือดลดลง และ

                                      3.สารพทาเลท (Phthalate) เป็นสารที่มีพิษต่อระบบสืบพันธุ์ ทำให้ผู้ชายเป็นหมัน หากเป็นหญิงมีครรภ์ลูกอาจมีอาการดาวน์ซินโดรมและอายุสั้นได้ ซึ่งการละลายของสารเคมีทั้ง 3 ชนิดนี้จะมากน้อยขึ้นอยู่กับ อุณหภูมิอาหาร ไขมันในอาหาร และระยะเวลาที่อาหารสัมผัสกับโฟม โดยอาหารที่มีไขมันสูงจะทำให้สารสไตรีนละลายออกมาได้มากกว่า

                                      http://www.manager.co.th/Qol/ViewNews.aspx?NewsID=9580000026379
                                      Photo
                                      Shared publicly
                                        Add a comment...

                                        ชี้พิษภัยโฟมบรรจุอาหาร สะดวก-กินงาน-ตายเร็ว
                                        โดย ปาลิดา พุทธประเสริฐ ศูนย์ข่าว TCIJ
                                        http://www.tcijthai.com/TCIJ/view.php?ids=2399

                                        กล่องโฟมถูกออกแบบมาเพื่อใช้ในการบรรจุอาหาร แต่ไม่เหมาะกับอาหารที่ร้อนจากการปรุงให้สุก หากนำกล่องโฟมใส่อาหารที่ปรุงสุกใหม่ ๆ ความร้อนจะทำให้สารสไตรีน ที่เป็นสารเคมีที่ใช้ในขั้นตอนการผลิต อีกทั้งสารชนิดนี้ยังเป็นสารก่อมะเร็ง ซึ่งสะสมอยู่ในกล่องโฟมบรรจุอาหารละลายตัวปะปนกับอาหาร นอกจากนั้นสารสไตรีนยังมีสารที่ทำให้สมองเสื่อมและมึนงง หงุดหงิดง่าย มีผลทำให้ประจำเดือนมาไม่ปกติ และยังเป็นสารก่อมะเร็ง ในเพศชายอาจจะมีความเสี่ยงต่อการเป็นโรคมะเร็งต่อมลูกหมาก ขณะที่เพศหญิงมีโอกาสที่จะเป็นโรคมะเร็งเต้านมมากขึ้นและอาจส่งผลให้มีโอกาสเป็นโรคมะเร็งตับทั้งในผู้ชายและผู้หญิง หากรับประทานอาหารจากกล่องโฟมทุกวันวันละอย่างน้อย 1 มื้อติดต่อกันเป็นเวลา 10 ปี จะทำให้ผู้บริโภคมีโอกาสเสี่ยงในการเป็นโรคมะเร็งสูงกว่าปกติถึง 6 เท่าอีกด้วย
                                        Photo
                                        Shared publicly
                                          Add a comment...

                                          รู้เท่าทัน "โรคริดสีดวงทวาร" - http://www.prachachat.net/news_detail.php?newsid=1371561481

                                          สาเหตุของโรคริดสีดวงทวาร  เกิดจากการเบ่งถ่ายอุจจาระ  ท้องผูก  การนั่งนานๆ  ภาวะตั้งครรภ์  หรืออาจส่งผลมาจากน้ำหนักตัวมาก การรับประทานอาหารที่มีกากใยน้อย ไอเรื้อรัง ตับแข็ง ต่อมลูกหมากโตและผู้ที่มีเนื้องอกในช่องท้อง เป็นต้น

                                          มีวิธีการรักษาโรคริดสีดวงทวารหนัก
                                           - รักษาโดยการให้ยาเหน็บที่ทวารหนักเพื่อกระตุ้นการไหลเวียนของเลือดและสร้างความแข็งแรงของผนังหลอดเลือด อาจใช้ร่วมกับยาระบายได้
                                          - ฉีดยาที่หัวริดสีดวงทวารเพื่อให้เกิดพังพืดรัดหัวริดสีดวงและฝ่อได้เอง มักใช้ในกรณีที่หัวริดสีดวงมีเลือดออกและหัวริดสีดวงที่ย้อยไม่มาก
                                          - ยิงยางรัดหัวริดสีดวง(Baron Gun) จะทำให้ริดสีดวงนั้นฝ่อและหลุดออกไปเองประมาณ 7 วัน
                                          - รักษาโดยการผ่าตัด
                                          Shared publicly
                                            Add a comment...

                                            "นายแพทย์วิรุณ โทณะวณิก" ผู้เชี่ยวชาญด้านการฝังแร่กัมมันตรังสีรักษามะเร็งต่อมลูกหมากจากสหรัฐ อเมริกาและแพทย์ประจำโรงพยาบาลจุฬารัตน์ 

                                            การรักษาด้วยวิธีการฝังแร่กัมมันตรังสีทำแค่ครั้งเดียวก็หาย ไม่ต้องทำซ้ำ แต่อาจจะต้องดูระยะของมะเร็งด้วยว่าอยู่ขั้นไหน หากอยู่ในระยะ 1 กับ 2A จะฝังได้ผลดีที่สุด สามารถฝังแร่อย่างเดียวได้ แต่หากไปถึงระยะ 2B นอกจากฝังแร่ยังต้องฉายแสงหรือฮอร์โมนบำบัดช่วย

                                            เป็นขั้นตอนที่ต้องใช้เงินสูงในการเตรียมอุปกรณ์รักษากว่า 7-8 แสนบาท

                                            http://www.prachachat.net/news_detail.php?newsid=1395388373
                                            Photo
                                            Shared publicly
                                              Add a comment...

                                              ANDROCUR เป็นยาที่น้องๆนะฮะทั้งหลาย หาซื้อมากินกัน เพื่อยับยั้งฮอร์โมนเพศชาย ลดสิว และอื่นๆ แต่ขอบอกให้ทราบว่า

                                              1.คนที่เป็นโรคตับ คนท้อง หญิงให้นมบุตร รวมทั้งผู้ที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปี ห้ามใช้

                                              2. ไม่ควรกินเกินวันละ 2 เม็ด เพราะ เป็นพิษต่อตับ และ ก่อให้เกิดมะเร็งต่อมลูกหมาก

                                              ถ้าใช้ติดต่อกันเป็นเวลานาน จะก่อให้เกิดโรคกระดูกพรุน

                                              การกินยามากกว่าครึ่งเม็ด เป็นระยะเวลานานๆ มีโอกาสเกิดเนื้องอกที่เยื่อหุ้มสมองได้ 

                                              เนื่องจากยาเป็นพิษต่อตับ ควรตรวจเจาะเลือดตรวจสภาพตับทั้งก่อนและขณะใช้ยา ถ้าการทำงานของตับแย่ลง ต้องหยุดยาทันที 

                                              นอกจากนี้ ก็ต้องจำไว้ด้วย ห้ามกิน ANDROCUR ร่วมกับยาดังต่อไปนี้ 
                                              Ketoconazole, itraconazole, clotrimazole, ritonavir จะทำให้เกิดพิษสะสมจาก ANDROCUR เพิ่มมากขึ้น

                                              ส่วนยา rifampicin, phenytoin, St John's wort จะทำให้ ANDROCUR ออกฤทธิ์ได้น้อยลง จ่ายเงินไปก็เสียของ

                                              และที่สำคัญ งดเหล้า ... เพื่อลดโอกาสการเกิดพิษต่อตับ 


                                              อยากจะกินยา ก็ต้องเรียนรู้พิษที่เกิดขึ้นจากการใช้ยา
                                              ไม่ใช้เห็นเขาใช้ ก็ใช้มั่ง และ ใช้อย่างขาดความรุ้ความเข้าใจ ...
                                              สุดท้าย คนที่รับเคราะห ก็คือตัวเอง ....

                                              ว่าแต่ว่า จะมีใครสักกี่คนที่กิน ANDROCUR แล้วไปเจาะเลือดตรวจสภาพตับ ....


                                              http://www.mims.com/Malaysia/drug/info/Androcur/?type=full#Dosage
                                              https://www.medicines.org.uk/emc/medicine/1808
                                              Photo

                                              MYBACIN ZINC

                                              เม็ดอมมายเซพติค มายบาซิน ซิงค์  เป็นผลิตภัณฑ์เสริมอาหารรสแอปเปิ้ล ปราศจากน้ำตาล ใช้ไซลิทอลให้ความหวาน มีคุณสมบัติช่วยเสริมสร้างภูมิต้านทานให้กับร่างกาย โดยมีรายงาน การวิจัยถึงประโยชน์ของซิงค์มากมาย เช่น...

                                              1. ช่วยลดความรุนแรงและระยะเวลาของอาการหวัดได้ โดยอมลูกอมซิงค์ที่แตกตัวให้เกลือสังกะสี (ซิงค์อิออน) สามารถหยุดการเจริญเติบโตของไวรัสในจมูกและปากที่เป็นสาเหตุของอาการหวัดได้
                                              2. ช่วยคงสภาพการรับรู้รส กลิ่น และสายตา
                                              3. ป้องกันและชะลออาการจอประสาทตาเสื่อม ซึ่งทำให้ตาบอดในผู้สูงอายุ
                                              4. ช่วยรักษาและป้องกันการเป็นหมันในผู้ชาย โดยเพิ่มการสร้างสเปิร์มและเกี่ยวข้องกับการสร้างฮอร์โมนเพศชาย
                                              5. ช่วยลดและบรรเทาอาการของต่อมลูกหมากโต
                                              6. ป้องกันผมร่วง
                                              7. ช่วยให้แผลหายเร็วขึ้น

                                              https://www.facebook.com/ZincHero/photos/a.506927066007528.119138.160957100604528/506927372674164/
                                              Photo
                                              Shared publicly
                                                Add a comment...

                                                 Vistra tomato extract Plus Beta-carotene วันละ 1-2 แคปซูล หลังอาหาร เช้า-เย็น ก็เหมือนกิน มะเขือเทศถึง 14 ลูก ต่อวัน

                                                ผู้ที่ห้ามกิน LYCOPENE
                                                - หญิงมีครรภ์
                                                - ผู้ป่วยมะเร์งต่อมลูกหมาก

                                                "...no studies provided information about whether lycopene intake may reduce the risk of any of the specific forms of cancer. FDA concludes that there is no credible evidence supporting a relationship between lycopene consumption, either as a food ingredient, a component of food, or as a dietary supplement, and any of these cancers."

                                                A 2011 Cochrane review found insufficient evidence to come to any conclusion about what effect lycopene might have on prostate symptoms, PSA levels or prostate cancer. A 2013 review concluded that lycopene appears to be negatively associated with prostate cancer risk.

                                                Prostate cancer: Developing laboratory research suggests lycopene might worsen established prostate cancer by increasing the spread of cancer without having any effect on cancer cell growth. Until more is known, avoid lycopene if you have a prostate cancer diagnosis.

                                                http://en.wikipedia.org/wiki/Lycopene
                                                http://www.webmd.com/vitamins-supplements/ingredientmono-554-lycopene.aspx?activeingredientid=554&activeingredientname=lycopene
                                                Photo
                                                Shared publicly
                                                  Add a comment...

                                                  อาหารที่ปิ้งย่างมักใช้เนื้อสัตว์ เช่น เป็ด เนื้อวัว ไก่ หรืออาหารทะเล วางลงในกระทะ หรือ ตะแกรง วางไว้เหนือเตาที่มีความร้อนสูง โดยให้ความร้อนผ่านเข้าสู่กล้ามเนื้อที่อยู่ในเนื้อสัตว์ เป็นกระบวนการทำให้อาหารสุก แต่เกิดสารก่อมะเร็งที่เรียกว่า Heterocycllc amines: HCAs และ Polycyclic aromatic hydrocarbnos: PAHs ซึ่งมีกลิ่นหอมชวนรับประทาน สารดังกล่าวสามารถทำลาย DNA ที่อยู่ในร่างกาย ทำให้มีผลกับการเกิดมะเร็งของลำไส้ใหญ่และกระเพาะ สารเหล่านี้ก็ยังสามารถซึมผ่านกระแสเลือดเข้าไปสู่เนื้อเยื่ออื่นๆ ได้อีก จากผลการวิจัยในสัตว์ทดลองพบว่าสารนี้เป็นสารก่อมะเร็ง ทำให้สัตว์เป็นมะเร็งบริเวณลำไส้ใหญ่ เต้านม มดลูก อัณฑะ ปอด ตับ ต่อมลูกหมาก ต่อมไทรอยด์ ช่องปาก ผิวหนัง 
                                                  และยังมีผลการวิจัยพบสารก่อมะเร็งที่มีชื่อว่า Acrylamide ในอาหารที่ใช้ความร้อนสูงเป็นเวลานาน ได้แก่ อาหารที่ปิ้งจนไหม้เกรียม และอาหารทอดโดยเฉพาะอาหารที่ผ่านการทอดด้วยน้ำมันที่นำมาทอดซ้ำหลายๆ ครั้ง สารนี้ยังเป็นพิษต่อระบบประสาททั้งในคนและสัตว์ และยังมีผลต่อระบบสืบพันธุ์ 
                                                  อย่างไรก็ดีการเกิดมะเร็งยังมีอิทธิพลของพันธุกรรมด้วย เวลาที่มีการแสดงออกที่พบบ่อย คือ ช่วงวัยกลางคนและวัยสูงอายุ

                                                  เนื้อสัตวควรต้มหรือตุ๋น ถ้าต้องการย่างหรือปิ้ง ไม่ควรวางตะแกรงย่างไว้ใกล้ติดกับไฟ หรือติดกับเปลวไฟ จนเกิดก้อนเนื้อติดไฟ พลิกเนื้อบ่อยๆ ใช้เนื้อปลาแทน เนื้อปลาไม่ต้องการความร้อนสูงสุกง่ายไม่ต้องย่างนาน น้ำมันที่ใช้ทอดควรเปลี่ยนทุกครั้งถ้าเป็นไปได้

                                                  http://child.haijai.com/4033/
                                                  Shared publicly
                                                    Add a comment...

                                                    BETA-SITOSTEROL

                                                    STEROL พบในพืชผักสีเขียว แต่ละวันควรกินผักประมาณ 600 มิลลิกรัม ป้องกันไม่ให้ DHT จับกับต่อมลูกหมาก จึงเป็นอาหารเสริมที่จำเป็นสำหรับผู้ชาย ส่วนผุ้หญิงใช้ป้องกันมะเร็งเต้านม 

                                                    Saw palmetto และ Pygeum africanum มี mixed sterol เพียงแค่ 1 ใน 3000 ซึ่งนับว่าน้อยมากๆ และสารสกัดก็มีราคาแพงมาก ปัจจุบันนี้ สามารถสกัด sterol ได้จากอ้อย และ ถั่วเหลือง 

                                                    PLANT STEROL ยังมีประโยชน์ในการ ลดคอเลสเตอรอลและไตรกลีเซอไรด์ ได้อีกด้วย ควรกินวันละ 300 - 600 มิลลิกรัม ร่วมกับ beta glucan, soy isoflavones และ flax oil



                                                    รายละเอียดเพิ่มเติม 
                                                    สืบค้นได้จากหนังสือ The Supplements You Need (2006)
                                                    Photo
                                                    Shared publicly
                                                      Add a comment...

                                                      สาร “Lycopene” มักจะเชื่อม และทำงานร่วมกับ Vitamin E และสามารถลดอัตราการเป็นเนื้องอกถึง 73 % ซึ่งถือว่ามีประสิทธิ์ภาพต่อการรักษาอย่างมาก 

                                                      อาหารที่อุดมไปด้วย “Lycopene” และ Vitamin E ก็คือผลิตภัณฑ์ที่มีสีแดงส้ม ซึ่งจะได้จากมะเขือเทศเป็นส่วนใหญ่ รวมทั้งองุ่นสีชมพู มะละกอ แตงโม มะม่วง ผักใบเขียว ลูกนัท จมูกข้าวสาลี

                                                       ในการวิเคราะห์สารที่อยู่ในถั่วเหลืองพบว่า ส่วนมากจะเป็นสารประกอบคล้าย ๆโครงสร้าง เหมือน ฮอร์โมน ที่มีชื่อว่า “isoflavones” ซึ่งนักวิทยาศาสตร์ เชื่อว่าสารชนิดนี้น่าจะเป็นกุญแจที่สำคัญที่สามารถ ยับยั้งการพัฒนาของเซลล์มะเร็งได้

                                                      การรับประทานผลิตภัณฑ์จากถั่วเหลือง เช่นน้ำนมถั่วเหลือง ผลิตภัณฑ์จากถั่วเหลืองช่วยป้องกัน การแพร่กระจายของ เซลล์มะเร็งเต้านมได้ 

                                                      http://www.vcharkarn.com/vnews/23796
                                                      Shared publicly
                                                        Add a comment...

                                                        Vitamin D เป็นฮอร์โมนที่ร่างกายสังเคราะห์ได้จากแสงอาทิตย์ แต่ละวันจึงควรโดนแสงแดดโดยตรงวันละ 10-15 นาที (นานที่สุดวันละครึ่งชั่วโมง)

                                                        เป็นวิตะมินที่สำคัญสำหรับกระดูกและข้อ เหงือกและฟัน 
                                                        ใช้ในการป้องกันมะเร็งเต้านม ต่อมลูกหมาก มะเร็งปอด จากการลดต่ำลงของวิตะมินดี 

                                                        RDA กำหนดไว้ที่ 400 IU 
                                                        ในกรณที่ไม่โดนแดด สามารถกินเพิ่มได้อีก 400 IU 
                                                        แต่ห้ามกินเกินวันละ 1200 IU เนื่องจากวิตะมินดี เป็นวิตะมินที่ละลายในไขมัน อาจเกิดพิษจากการสะสมในร่างกายได้

                                                        รายละเอียดเพิ่มเติม 
                                                        สืบค้นได้จากหนังสือ The Supplements You Need (2006)
                                                        Photo
                                                        Shared publicly
                                                          Add a comment...

                                                          "ทับทิม" ลดไขมันในเส้นเลือด ต้านมะเร็ง!

                                                          1. ทับทิม มีสารต้านอนุมูลอิสระหลายชนิดที่มีประสิทธิภาพสูงมาก
                                                          2. สามารถลดภาวะการสะสมไขมันในผนังเส้นเลือด ป้องกันเส้นเลือดอุดตันและแข็งตัวซึ่งจะให้เป็นโรคหัวใจขาดเลือดตามมา ทั้งในคนและในหนูทดลอง
                                                          3. ทำให้เส้นเลือดที่หนาตัวและมีไขมันสะสมแล้วซึ่งเป็นเส้นเลือดที่ไม่ดีแล้ว มีความหนาตัวลดลง และลดไขมันที่สะสมลงอีกด้วยในหนูทดลอง
                                                          4. บำรุงหัวใจในผู้ป่วยที่เป็นโรคหัวใจขาดเลือด โดยเพิ่มการไหลเวียนที่ดีขึ้นและลดภาวะหัวใจขาดเลือดในผู้ป่วยโรคหัวใจ
                                                          5. ลดความดันโลหิตได้เล็กน้อย ประมาณ 5% ในผู้ป่วยที่ความดันโลหิตสูง ถ้ารับประทานน้ำทับทิมวันละ 50 ซีซี เป็นเวลาสองสัปดาห์
                                                          6. บำรุงตับ ป้องกันการเป็นพิษต่อตับ ได้ ( Hepatoprotectiv effect )
                                                          7. สารต้านอนุมูลอิสระจากน้ำทับทิมมีผลยับยั้งเซลล์มะเร็งเต้านมของมนุษย์ ( Human breast cell )
                                                          8. สารสกัดจากทับทิม ช่วยยับยั้งเซลล์มะเร็งต่อมลูกหมากของมนุษย์ ทั้งการแบ่งตัวและการแพร่กระจาย และมีงานวิจัยที่แนะนำให้กินหวังผลในการป้องกันมะเร็งต่อมลูกหมาก
                                                          Photo

                                                          วันนี้ได้ไปประชุมที่ PFIZER จัด ได้ความรู้มาแบ่งปันกันดังนี้
                                                          ED 80% เป็นเรื่องของทางกาย อีก 20% เป็นเรื่องของจิตใจ

                                                          โดยจิตใจจะเกิดในคนที่มีอายุต่ำกว่า 40 
                                                          ส่วนโรคทางกายจะเกิดในคนที่อายุมากกว่า 40 ที่เป็นเบาหวาน ความดัน หลอดเลือดแข็งตัว ขาดฮอร์โมนเพศชาย เส้นเลือดสมองตีบตัน โดย 

                                                          ED จะเป็นอาการที่แสดงออกมาก่อนอาการทั้งหมด เพราะเกิดกับหลอดเลือดขนาดเล็กที่อวัยวะเพศ

                                                          การประเมิน ED จะให้เป็น SCORE 1-4
                                                          โดย SCORE 1 จะเป็นเหมือนเต้าหู้ สอดใส่ไม่เข้า
                                                          SCORE 2 เหมือนกล้วยปอกเปลือก สอดใส่ได้ แต่ไม่นานก็หลุด
                                                          SCORE 3 เหมือนกล้วยไม่ปอกเปลือก
                                                          SCORE 4 เหมือนฟัก แข็ง

                                                          ความคาดหวังในการรักษา
                                                          92% ต้องการการแข็งตัวที่ดี แข็งปั๋ง มากกว่าการออกฤทธิ์นาน

                                                          VIAGRA จะมีระดับยาในเลือดสูงสุดหลังจากกินยาไปแล้ว 1 ชั่วโมง
                                                          และมี HALF LIFE 4 ชั่วโมงครึ่ง
                                                          จึงควรกินยา ครึ่ง - 1 ชั่วโมง ก่อนมี SEX 
                                                          และหลังจากกินยาไปแล้วนานกว่า 8 ชั่วโมง ยังออกฤทธิ์ได้ดีเหมือนกินยาไปแล้ว 1 ชั่วโมง
                                                          เพราะระดับยาที่ยังคงอยู่ในระดับ CELL

                                                          โดยมีข้อแม้ว่า ห้ามกินพร้อมกับเหล้า หรือ อาหารมัน เพราะจะทำให้ระดับยาลดลง 25%
                                                          และมีข้อควรระวังคือ ห้ามใช้ร่วมกับยาในกลุ่ม NITRATE เพราะจะทำให้เส้นเลือดพองตัวมากเกินไป ความดันตกวูบ ถึงตายได้
                                                          จึงควรกินยานี้ตอนท้องว่าง ไม่กินพร้อมเหล้า ในขนาดยาต่ำสุดที่ได้ผล โดยเริ่มจาก 50 mg, 100-150mg
                                                          VIAGRA DOSE ยิ่งสูงขึ้น มีการทำวิจัยให้กินในขนาด 800 mg ผลข้างเคียงจะมากขึ้น โดยมีอาการปวดหัว คัดจมูก หน้าแดง

                                                          VIAGRA จะให้ผลไม่ดีในผู้ป่วยเบาหวานขั้นรุนแรง ผู้ที่ผ่าตัดต่อมลูกหมาก

                                                          วิธีเช็คง่ายๆว่า ผู้นั้นมีอาการทางหัวใจหรือไม่ ให้ถามว่า สามารถเดินขึ้นบันได 3 ชั้นได้อย่างสบายๆ หรือไม่ หรือ เดินเร็วๆ นาน 20 นาที

                                                          ได้หรือไม่ ถ้าไม่ได้ หรือ มีอาการเจ็บหน้าอก เหมือนโดนช้างเหยียบ เจ็บร้าวลงแขนด้านซ้าย เท่ากับเป็นโรคหัวใจขาดเลือด ห้ามให้ยา 

                                                          VIAGRA โดยเด็ดขาด

                                                          คนไข้ที่ใช้ยากลุ่ม NITRATE ให้หยุดยามากกว่า 2 อาทิตย์ จึงจะใช้ VIAGRA ได้
                                                          และถ้าใช้ VIAGRA แล้วมีอาการเจ็บหน้าอก ให้
                                                          1. งดมี SEX
                                                          2. RELAX 5-10 นาที 
                                                          3. ถ้าอาการปวดไม่หาย ให้ไปห้องฉุกเฉินทันที

                                                          ในกรณีที่ใช้ VIAGRA แล้วเกิดเส้นเลือดขยายหน้ามืด ให้นอนเอาหมอนหนุนยกขาสูงกว่าระดับศีรษะ 
                                                          ถ้าอาการไม่ดีขึ้น ไปห้องฉุกเฉิน 

                                                          ///////////////////////////////////////////////////

                                                          PART 2 พูดเรื่องยาปลอมซึ่งผลิตมากทางฝั่ง HONG KONG, INDIA, AMERICA, CANADA, UK
                                                          มีการปลอมปนยาหลายชนิด เช่น AMPHETAMINE, ยาเบาหวาน โดยเฉพาะยาลดน้ำตาลในเลือด จะใส่ในปริมาณมาก จนอาจเกิดใจสั่น 

                                                          หน้าแดง พูดไม่รู้เรื่อง ระดับน้ำตาลลดลงอย่างรุนแรง จนอาจเสียชีวิตได้

                                                          มี CASE ยามกินยาปลอม ทำให้เป็นโรคโด่ไม่รู้ล้มนานกว่า 2 วัน ซึ่งแพทย์ต้องรักษาโดยการเอาเหล็กเสียบเข้าไปในอวัยวะเพศ ....

                                                          ////////////////////////////////////////////////////

                                                          กลางปีนี้ VIAGRA จะ LAUNCH PACKAGING ใหม่ ที่มีระบบตรวจสอบทาง SMS และ WEBSITE ทันทีที่ซื้อยา สามารถเช็คได้เลย

                                                          ว่าเป็นยาปลอม หรือ ยาหมดอายุ หรือ ยาของแท้ เรียกว่า PASS STICKER แต่ไม่ได้บอกว่า จะลดราคาลงมาด้วยหรือไม่

                                                          และ ปลายปี VIAGRA จะมีรูปแบบใหม่ คือ VIAGRA อมใต้ลิ้น

                                                          ////////////////////////////////

                                                          คำถาม

                                                          กินยาลดความดันในช่วงเช้า ให้เว้นช่วง 1 ชั่วโมง จึงค่อยกิน VIAGRA ได้ 
                                                          แต่การใช้ยา VIAGRA ไม่ได้ทำให้ความดันตกอย่างมีนัยสำคัญ

                                                          ยา SIDEGRA ไม่มีผลงานวิจัยรองรับ ยาไม่เข้าโรงพยาบาลจุฬา มีแต่การทำ BE ซึ่งเป็นมาตรฐานทั่วไปของยา LOCAL MADE

                                                          การกิน VIAGRA แล้วปวดมวนท้อง อาจเกิดจากยาไปทำให้กล้ามเนื้อหูรูดกระเพาะทำงานไม่ดี เกิดกรดไหลย้อน แนะนำให้กินยาตอนท้อง

                                                          ว่าง หรือ กินยาหลังอาหาร 45 นาที - 1 ชั่วโมง งดอาหารมัน งดเหล้า

                                                          การฝึกขมิบ จะช่วยให้การทำงานของอวัยวะเพศดีขึ้น ลดการเกิดปัสสาวะเล็ดในเพศหญิง และลดอาการท้องผูก (แต่ไม่มีผลการวิจัยรองรับ)

                                                          VIAGRA เคยทำงานวิจัยในเพศหญิง แต่ได้ผลไม่ต่างจากยาหลอกมากนัก

                                                          การใช้ยาร่วมกับกลุ่ม CYP3A4 inhibitors อาทิเช่น KETOCONAZOLE, CIMETIDINE จะทำให้ VIAGRA มีฤทธิ์นานขึ้น แต่การ

                                                          กินร่วมกันยังไม่มีงานวิจัยเรื่อง EFFICACY

                                                          การใช้ยา VIAGRA แล้วเกิดอาการเห็นแสงจ้าขึ้น เป็นอาการชั่วคราว เมื่อยาหมดฤทธิ์อาการดังกล่าวจะหายไป 
                                                          Photo
                                                          Shared publicly
                                                            Add a comment...






                                                            No comments:

                                                            Post a Comment