KP Wellness
11:55 AM - Public
Although clinical evidence shows calcium channel blockers and thiazide-type diuretics are preferred first-line treatments for most patients (from both efficacy and cost points of view), an angiotensin II receptor antagonist such as losartan is recommended as first-line treatment in patients under the age of 55 who cannot tolerate an ACE inhibitor.
http://en.wikipedia.org/wiki/Losartan
http://en.wikipedia.org/wiki/Losartan
KP Wellness
11:53 AM - Public
Losartan preventing the action of hormone Angiotensin II, widens blood vessels and reduces fluid in the blood, and therefore it reduces the work of the heart and lowers the blood pressure.
Side Effects of 50 mg of Losartan -
COLD SYMPTOMS
HEADACHE AND DIZZINESS
STOMACH PAIN AND DIARRHEA
INSOMNIA
Cough
http://www.patient.co.uk/medicine/Losartan.htm
http://www.livestrong.com/article/137989-side-effects-50-mg-losartan/
Side Effects of 50 mg of Losartan -
COLD SYMPTOMS
HEADACHE AND DIZZINESS
STOMACH PAIN AND DIARRHEA
INSOMNIA
Cough
http://www.patient.co.uk/medicine/Losartan.htm
http://www.livestrong.com/article/137989-side-effects-50-mg-losartan/
KP Wellness
11:50 AM - Public
GENERALLY AVOID: Moderate-to-high dietary intake of potassium, ARBs can promote hyperkalemia.
Grapefruit juice may modestly decrease and delay the conversion of losartan to its active metabolite, E3174. The proposed mechanism is inhibition of CYP450
http://www.drugs.com/food-interactions/losartan.html
Grapefruit juice may modestly decrease and delay the conversion of losartan to its active metabolite, E3174. The proposed mechanism is inhibition of CYP450
http://www.drugs.com/food-interactions/losartan.html
KP Wellness
11:48 AM - Public
MEDICINES MAY INTERACT with Losartan.
Diuretics (eg, furosemide, hydrochlorothiazide) because the risk of low blood pressure may be increased
Potassium-sparing diuretics (eg, spironolactone, triamterene) or potassium supplements because the risk of high blood potassium levels may be increased
ACE inhibitors (eg, lisinopril) or aliskiren because the risk of certain side effects (eg, kidney problems, high blood potassium levels, low blood pressure) may be increased
Nonsteroidal anti-inflammatory drugs (NSAIDs) (eg, ibuprofen, indomethacin, celecoxib) because they may decrease Losartan's effectiveness and the risk of kidney problems may be increased
Lithium because the risk of its side effects may be increased by Losartan
http://www.drugs.com/cdi/losartan.html
Diuretics (eg, furosemide, hydrochlorothiazide) because the risk of low blood pressure may be increased
Potassium-sparing diuretics (eg, spironolactone, triamterene) or potassium supplements because the risk of high blood potassium levels may be increased
ACE inhibitors (eg, lisinopril) or aliskiren because the risk of certain side effects (eg, kidney problems, high blood potassium levels, low blood pressure) may be increased
Nonsteroidal anti-inflammatory drugs (NSAIDs) (eg, ibuprofen, indomethacin, celecoxib) because they may decrease Losartan's effectiveness and the risk of kidney problems may be increased
Lithium because the risk of its side effects may be increased by Losartan
http://www.drugs.com/cdi/losartan.html
Medindia - Medical/Health Website
Jan 6, 2012 - Public"And because these drugs are already approved for use in the United States as safe and effective treatments for hypertension, incorporating them into our treatment regimen for COPD would be quite rapid,"
Read more: Blood Pressure Drug Found Effective in Treating Smoking-related Lung Diseases | MedIndia http://www.medindia.net/news/Blood-Pressure-Drug-Found-Effective-in-Treating-Smoking-related-Lung-Diseases-95739-1.htm
Medindia - Medical/Health Information Website
Feb 17, 2012 - PublicCalcium channel blockers like amlodipine and nifedipine bring about increased excretion of uric acid in the urine. Losartan also has a similar effect. This effect was however missing in other drugs similar to losartan like candesartan, telmisartan, irbesartan and eprosartan.
A number of medications are available to treat hypertension. Taking the results of this study into account, it would probably be advisable to use drugs like calcium channel blockers or losartan in patients already at a risk for gout.
Read more: Antihypertensive Medications Associated With Gout | MedIndia http://www.medindia.net/news/healthinfocus/antihypertensive-medications-associated-with-gout-97516-1.htm
I Bjorn
Apr 12, 2012 - - PublicKP Wellness
12:17 PM - Limited
Q) เพศชาย อายุ 51 ปี มีอาการความดันโลหิตสูงมาประมาณ 2 ปี ระดับความดันก่อนลดยาเฉลี่ยที่ 150/100 เริ่มแรกแพทย์ให้ยาขับปัสสาวะ (Hydrozide) ลดความดันได้ดี แต่มีอาการข้างเคียงคือกรดยูริคเพิ่มขึ้นสูงผิดปกติ
แพทย์เปลี่ยนยามาเป็น Tritace 2.5Mg ลดความดันได้ดีเช่นกันแต่มีผลกับตับเนื่องจากมีอาการตับอักเสบเรื้อรังจากไวรัสบีอยู่ก่อนหน้าแล้ว
แพทย์เปลี่ยนยามาเป็น Adalat Retard 20Mg รับประทานคู่กับ Betaloc 100Mg วันละ 1 ครั้งรับประทานยานี้ติดต่อกันมา 20 เดือน คุมความดันอยู่ในช่วง 140/90 แต่พบว่ามีผลกระทบต่อสมรรถภาพทางเพศอย่างรุนแรง (ทราบว่ามาจากยากลุ่ม Beta Blocker)
ล่าสุดแพทย์เปลี่ยนมาเป็นยา Cozaar (Losartan) ให้กินคู่กับ Adalat Retard วันที่หยุดยา Betaloc และรับ Cozaar เป็นครั้งแรกมีอาการวิงเวียนศรีษะมากจนต้องนอนพัก วันต่อมาจึงรับแค่ Adalat Retard อาการวิงเวียนลดลงมาก แต่ระดับความดันและอัตราเต้นของหัวใจเพิ่มขึ้นสูงมา (180/110) หัวใจเต้นสูงถึง 81 ครั้งต่อนาที ขณะพัก
ขอเรียนถามว่าการเปลี่ยนยาอย่างกระทันหันส่งผลให้เกิดอาการดังกล่าวใช่หรือไม่ อาการจะทุเลาลงหรือไม่ นอกจากยากลุ่ม Betablocker แล้ว มียาอะไรที่ใช้แทนกันได้หรือไม่ จะกลับไปใช้ Hydrozide เหมือนครั้งแรกได้หรือไม่
A) การเปลี่ยนยารักษาความดันจากการใช้ Betaloc ซึ่งใช้มานานถึง 20 เดือน มาเป็น Cozaar (Losartan) ดังกล่าวอาจมีผลต่ออาการวิงเวียนศีรษะได้ โดยอาการดังกล่าวอาจเกิดได้จาก
1. ภาวะความดันของผู้ป่วย ณ.ขณะนั้น ร่วมกับปัจจัยอื่นๆ ที่มีผลต่ออาการวิงเวียนศีรษะ
2. อาการข้างเคียงที่เกิดจากการรับประทาน Cozaar (Losartan) ซึ่งพบว่า อาการวิงเวียนศีรษะ(dizziness) เป็นอาการข้างเคียงที่เกิดได้ 3.5 % ของผู้ป่วยที่ใช้ยานี้ และจะหายไปได้เมื่อใช้ยาติดต่อกันไประยะหนึ่ง
นอกจากนี้ ยังพบว่า Cozaar (Losartan) อาจทำให้ผู้รับประทานบางคนเกิดอาการของภาวะความดันต่ำ (hypotention ) ได้จากการรับประทานยาในครั้งแรก โดยโอกาสเกิดจะสัมพันธ์กับขนาดยาที่รับประทาน คือ ขนาด 50 mg เกิดได้ 0.5% ขนาด 100 mg เกิดได้ 2.2%
และทำให้เกิดอาการปวดศีรษะได้หลังจากรับประทานยาในครั้งแรก 6 ชั่วโมง ซึ่งจะพบได้น้อยกว่า 1% จากจำนวนผู้ใช้ทั้งหมด
สำหรับการรักษาโรคความดันโลหิตสูงนั้น มียาที่สามารถใช้ได้หลายชนิดด้วยกัน การที่จะเลือกใช้ยาชนิดใดก่อนหลังนั้น ขึ้นกับสภาวะโรคของผู้ป่วยและปัจจัยอื่นๆประกอบ เช่น โรคอื่นที่ผู้ป่วยมีร่วม และวิถีการดำเนินชีวิตของผู้ป่วยเอง (life style)
โดยถ้ากลับไปใช้ Hydrozide เหมือนครั้งแรก ปัญหาของระดับกรดยูริคที่เพิ่มสูงขึ้นอาจกลับมาเป็นปัญหาได้อีก ดังนั้นในขณะนี้ผู้ป่วยจึงควรใช้ยาตามที่แพทย์สั่ง พร้อมกับติดตามอาการข้างเคียงดังกล่าว ซึ่งจะหายไปได้เองเมื่อใช้ยาติดต่อไประยะหนึ่ง แต่ถ้าอาการดังกล่าวยังคงเป็นปัญหาอยู่ ก็ควรจะปรึกษาแพทย์เพื่อจะได้ปรับแผนการรักษาต่อไป
http://drug.pharmacy.psu.ac.th/Question.asp?ID=1241&gid=7
แพทย์เปลี่ยนยามาเป็น Tritace 2.5Mg ลดความดันได้ดีเช่นกันแต่มีผลกับตับเนื่องจากมีอาการตับอักเสบเรื้อรังจากไวรัสบีอยู่ก่อนหน้าแล้ว
แพทย์เปลี่ยนยามาเป็น Adalat Retard 20Mg รับประทานคู่กับ Betaloc 100Mg วันละ 1 ครั้งรับประทานยานี้ติดต่อกันมา 20 เดือน คุมความดันอยู่ในช่วง 140/90 แต่พบว่ามีผลกระทบต่อสมรรถภาพทางเพศอย่างรุนแรง (ทราบว่ามาจากยากลุ่ม Beta Blocker)
ล่าสุดแพทย์เปลี่ยนมาเป็นยา Cozaar (Losartan) ให้กินคู่กับ Adalat Retard วันที่หยุดยา Betaloc และรับ Cozaar เป็นครั้งแรกมีอาการวิงเวียนศรีษะมากจนต้องนอนพัก วันต่อมาจึงรับแค่ Adalat Retard อาการวิงเวียนลดลงมาก แต่ระดับความดันและอัตราเต้นของหัวใจเพิ่มขึ้นสูงมา (180/110) หัวใจเต้นสูงถึง 81 ครั้งต่อนาที ขณะพัก
ขอเรียนถามว่าการเปลี่ยนยาอย่างกระทันหันส่งผลให้เกิดอาการดังกล่าวใช่หรือไม่ อาการจะทุเลาลงหรือไม่ นอกจากยากลุ่ม Betablocker แล้ว มียาอะไรที่ใช้แทนกันได้หรือไม่ จะกลับไปใช้ Hydrozide เหมือนครั้งแรกได้หรือไม่
A) การเปลี่ยนยารักษาความดันจากการใช้ Betaloc ซึ่งใช้มานานถึง 20 เดือน มาเป็น Cozaar (Losartan) ดังกล่าวอาจมีผลต่ออาการวิงเวียนศีรษะได้ โดยอาการดังกล่าวอาจเกิดได้จาก
1. ภาวะความดันของผู้ป่วย ณ.ขณะนั้น ร่วมกับปัจจัยอื่นๆ ที่มีผลต่ออาการวิงเวียนศีรษะ
2. อาการข้างเคียงที่เกิดจากการรับประทาน Cozaar (Losartan) ซึ่งพบว่า อาการวิงเวียนศีรษะ(dizziness) เป็นอาการข้างเคียงที่เกิดได้ 3.5 % ของผู้ป่วยที่ใช้ยานี้ และจะหายไปได้เมื่อใช้ยาติดต่อกันไประยะหนึ่ง
นอกจากนี้ ยังพบว่า Cozaar (Losartan) อาจทำให้ผู้รับประทานบางคนเกิดอาการของภาวะความดันต่ำ (hypotention ) ได้จากการรับประทานยาในครั้งแรก โดยโอกาสเกิดจะสัมพันธ์กับขนาดยาที่รับประทาน คือ ขนาด 50 mg เกิดได้ 0.5% ขนาด 100 mg เกิดได้ 2.2%
และทำให้เกิดอาการปวดศีรษะได้หลังจากรับประทานยาในครั้งแรก 6 ชั่วโมง ซึ่งจะพบได้น้อยกว่า 1% จากจำนวนผู้ใช้ทั้งหมด
สำหรับการรักษาโรคความดันโลหิตสูงนั้น มียาที่สามารถใช้ได้หลายชนิดด้วยกัน การที่จะเลือกใช้ยาชนิดใดก่อนหลังนั้น ขึ้นกับสภาวะโรคของผู้ป่วยและปัจจัยอื่นๆประกอบ เช่น โรคอื่นที่ผู้ป่วยมีร่วม และวิถีการดำเนินชีวิตของผู้ป่วยเอง (life style)
โดยถ้ากลับไปใช้ Hydrozide เหมือนครั้งแรก ปัญหาของระดับกรดยูริคที่เพิ่มสูงขึ้นอาจกลับมาเป็นปัญหาได้อีก ดังนั้นในขณะนี้ผู้ป่วยจึงควรใช้ยาตามที่แพทย์สั่ง พร้อมกับติดตามอาการข้างเคียงดังกล่าว ซึ่งจะหายไปได้เองเมื่อใช้ยาติดต่อไประยะหนึ่ง แต่ถ้าอาการดังกล่าวยังคงเป็นปัญหาอยู่ ก็ควรจะปรึกษาแพทย์เพื่อจะได้ปรับแผนการรักษาต่อไป
http://drug.pharmacy.psu.ac.th/Question.asp?ID=1241&gid=7
KP Wellness
12:09 PM - Limited
Q) การใช้ยาในผู้ป่วยไตบกพร่อง
ผู้ป่วยมีค่า SCr=1.28 BP=150 mmHg
ผู้ป่วยได้รับยา Losartan แล้วมีอาการข้างเคียงคือเวียนศีรษะจนไม่สามารถทำงานได้และไม่สามารถไปใช้ยา Valsartan ได้เนื่องจากเป็นยาที่ต้องชำระเงินและที่รพ.มียาที่เป็นกลุ่ม ARBs แค่ 2 ตัวนี้เท่านั้น จะสามารถใช้ยากลุ่มไหนได้อีก
A) ที่เคยศึกษายากลุ่มนี้มา ยากลุ่ม ARBs ไม่ได้มีข้อบ่งใช้ในเรื่องลดความดันโลหิตเพียงอย่างเดียวครับ ประโยชน์ของยากลุ่ม ARBs นอกจากฤทธิ์ในการลดความดันโลหิตแล้วยังมีประโยชน์ในแง่อื่นๆ ดังที่มี clinical trial ปรากฏดังนี้ครับ
1. Congestive Heart Failure
2. ชะลอการเสื่อมของไตในผู้ป่วยเบาหวาน
3. ลดความเสี่ยงในการเกิด stroke
กรณีของประโยชน์ที่ผมกล่าวไป การศึกษาพบว่าไม่ได้สัมพันธ์กับระดับความดันโลหิตที่ลดลงนะครับ แต่มาจากการลดผลจากระบบ renin-angiotensin alderstorone system ครับ
คราวนี้ปัญหาคือการเปลี่ยนจาก Losartan เป็น Valsartan ก็ไม่ได้หมายความว่า ADR จะลดลง อยากให้ R/O ให้แน่ใจว่ามาจากยาจริงๆ ไม่ใช่มาจากสาเหตุอื่นๆนะครับ
ผมขอตั้งประเด็นสงสัยว่าอาการเวียนศีรษะที่เกิดขึ้นมาจากภาวะ Hypotension หรือเปล่าครับ เพราะ ADR อย่างหนึ่งของ ARBs คือ severe hypotension การให้ยา ARBs ส่วนใหญ่จะให้ในขนาดสูง หรือสูงสุดตามขนาดยาที่ใช้ใน clinical trial แล้วพบเสมอว่าผู้ป่วยได้รับยาลดความดันกลุ่มอื่นร่วม ทำให้อาการแสดงของ hypotension ออกมาค่อนข้างรุนแรง ถ้า case นี้ได้รับ losartan 100 mg/day
นั่นคือขนาดสูงสุดต่อวัน โอกาสเกิด ADR ตามมาก็ค่อนข้างสูงครับ
ข้อมูลเพิ่มเติม
อาการไม่พึงประสงค์ที่รุนแรงของยากลุ่ม ARBs: angioedema, hyperkalemia, renal dysfunction, severe hypotension, thrombocytopenia
ข้อมูลจาก clinical trial (CHARM study) พบว่า อาการไม่พึงประสงค์ที่พบน้อยกว่าในยา ARBs เมื่อเปรียบเทียบกับ ACEIs ได้แก่
อาการไอ ปวดศีรษะ วิงเวียน angioedema ส่วน hyperkalemia, renal failure และ hypotension เกิดได้ใกล้เคียงกันทั้งจาก ARBs และ ACEIs
http://drug.pharmacy.psu.ac.th/Question.asp?ID=10740&gid=1
ผู้ป่วยมีค่า SCr=1.28 BP=150 mmHg
ผู้ป่วยได้รับยา Losartan แล้วมีอาการข้างเคียงคือเวียนศีรษะจนไม่สามารถทำงานได้และไม่สามารถไปใช้ยา Valsartan ได้เนื่องจากเป็นยาที่ต้องชำระเงินและที่รพ.มียาที่เป็นกลุ่ม ARBs แค่ 2 ตัวนี้เท่านั้น จะสามารถใช้ยากลุ่มไหนได้อีก
A) ที่เคยศึกษายากลุ่มนี้มา ยากลุ่ม ARBs ไม่ได้มีข้อบ่งใช้ในเรื่องลดความดันโลหิตเพียงอย่างเดียวครับ ประโยชน์ของยากลุ่ม ARBs นอกจากฤทธิ์ในการลดความดันโลหิตแล้วยังมีประโยชน์ในแง่อื่นๆ ดังที่มี clinical trial ปรากฏดังนี้ครับ
1. Congestive Heart Failure
2. ชะลอการเสื่อมของไตในผู้ป่วยเบาหวาน
3. ลดความเสี่ยงในการเกิด stroke
กรณีของประโยชน์ที่ผมกล่าวไป การศึกษาพบว่าไม่ได้สัมพันธ์กับระดับความดันโลหิตที่ลดลงนะครับ แต่มาจากการลดผลจากระบบ renin-angiotensin alderstorone system ครับ
คราวนี้ปัญหาคือการเปลี่ยนจาก Losartan เป็น Valsartan ก็ไม่ได้หมายความว่า ADR จะลดลง อยากให้ R/O ให้แน่ใจว่ามาจากยาจริงๆ ไม่ใช่มาจากสาเหตุอื่นๆนะครับ
ผมขอตั้งประเด็นสงสัยว่าอาการเวียนศีรษะที่เกิดขึ้นมาจากภาวะ Hypotension หรือเปล่าครับ เพราะ ADR อย่างหนึ่งของ ARBs คือ severe hypotension การให้ยา ARBs ส่วนใหญ่จะให้ในขนาดสูง หรือสูงสุดตามขนาดยาที่ใช้ใน clinical trial แล้วพบเสมอว่าผู้ป่วยได้รับยาลดความดันกลุ่มอื่นร่วม ทำให้อาการแสดงของ hypotension ออกมาค่อนข้างรุนแรง ถ้า case นี้ได้รับ losartan 100 mg/day
นั่นคือขนาดสูงสุดต่อวัน โอกาสเกิด ADR ตามมาก็ค่อนข้างสูงครับ
ข้อมูลเพิ่มเติม
อาการไม่พึงประสงค์ที่รุนแรงของยากลุ่ม ARBs: angioedema, hyperkalemia, renal dysfunction, severe hypotension, thrombocytopenia
ข้อมูลจาก clinical trial (CHARM study) พบว่า อาการไม่พึงประสงค์ที่พบน้อยกว่าในยา ARBs เมื่อเปรียบเทียบกับ ACEIs ได้แก่
อาการไอ ปวดศีรษะ วิงเวียน angioedema ส่วน hyperkalemia, renal failure และ hypotension เกิดได้ใกล้เคียงกันทั้งจาก ARBs และ ACEIs
http://drug.pharmacy.psu.ac.th/Question.asp?ID=10740&gid=1
No comments:
Post a Comment