Better Pharmacy Chiang Mai
Shared publicly - 12 Apr 2014
กรมพัฒนาการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) จัดทำยาแผนไทยประจำบ้าน ประกอบด้วย 10 ตัวยา ที่สามารถรักษาได้ครอบคลุมทุกโรคพื้นฐาน ได้แก่ 1.ยาหอม แก้ลมวิงเวียน 2.ขมิ้นชันแคปซูล แก้แผลในกระเพาะอาหาร จุกเสียด ท้องอืดท้องเฟ้อ 3.ฟ้าทะลายโจรแคปซูล บรรเทาอาการหวัด ท้องเสีย 4.ยาเหลืองปิดสมุทร แก้ท้องเสีย 5.ยาจันทลีลา แก้ไข้ตัวร้อน ไข้เปลี่ยนฤดู
6.ยาธรณีสันฑฆาต แก้ท้องผูกยาถ่าย 7.น้ำมันเหลือง แก้ปวดเมื่อย 8.คาลาไมน์พญายอ แก้ผื่นแพ้แมลงกัดต่อย 9.โลชั่นกันยุงตะไคร้หอม ทากันยุง และ 10.ยาเปลือกมังคุด ฆ่าเชื้อแผลสดแผลเปื่อย
http://www.prachachat.net/news_detail.php?newsid=1397295731
6.ยาธรณีสันฑฆาต แก้ท้องผูกยาถ่าย 7.น้ำมันเหลือง แก้ปวดเมื่อย 8.คาลาไมน์พญายอ แก้ผื่นแพ้แมลงกัดต่อย 9.โลชั่นกันยุงตะไคร้หอม ทากันยุง และ 10.ยาเปลือกมังคุด ฆ่าเชื้อแผลสดแผลเปื่อย
http://www.prachachat.net/news_detail.php?newsid=1397295731
1
Add a comment...
Better Pharmacy Chiang Mai
Shared publicly - 24 Feb 2014
ยาหอมทิพโอสถ ใช้ในสตรีที่มักมีความรู้สึกหงุดหงิดโกรธง่ายในช่วงก่อนมีประจำเดือน เนื่องจากเป็นผลกระทบของความร้อนที่เพิ่มสูงขึ้นในรอบเดือนและกระทบต่อจิตใจ การใช้ยาที่มีดอกไม้เป็นส่วนผสมจะลดผลกระทบของความร้อนดังกล่าวลง
ยาหอมอินทจักร ไม่แนะนำให้ใช้ในกรณีที่เป็นไข้สูงและเพ้อ เนื่องจากอาจไม่สามารถลดไข้ได้ทันเวลา เพราะตัวยาลดไข้มีปริมาณไม่มาก
ยาหอมนวโกฐมีฤทธิ์กดระบบประสาทส่วนกลางทำให้หลับสบาย และทำให้การหลั่งกรดลดลง และยับยั้งการหดตัวของลำไส้เล็ก แก้ปวดท้องได้ดี
การใช้ยาหอมให้ได้ผล แม้จะเป็นชนิดเม็ด ควรนำมาละลายน้ำกระสายยา หรือน้ำอุ่น รับประทานขณะกำลังอุ่น เหมือนกับวิธีการเดิม เพราะการออกฤทธิ์ของน้ำมันหอมระเหยที่มีในยาหอมจะช่วยทำให้ยาออกฤทธิ์ได้เร็วขึ้น และออกฤทธิ์ผ่านประสาทรับกลิ่น และการดูดซึมผ่านกระเพาะอาหาร
ยาหอมไม่ใช่ยารักษาอาการโดยตรง แต่เป็นยาปรับสมดุลย์ธาตุโดยเริ่มจากธาตุลม เพื่อไปกระตุ้นการทำงานของน้ำ และไฟ ทำให้มีการไหลเวียนสะดวก เผาผลาญตามปกติ ซึ่งเป็นหลักวิธีคิดแบบองค์รวม
http://www.pharmacy.mahidol.ac.th/thai/knowledgeinfo.php?id=103
ยาหอมอินทจักร ไม่แนะนำให้ใช้ในกรณีที่เป็นไข้สูงและเพ้อ เนื่องจากอาจไม่สามารถลดไข้ได้ทันเวลา เพราะตัวยาลดไข้มีปริมาณไม่มาก
ยาหอมนวโกฐมีฤทธิ์กดระบบประสาทส่วนกลางทำให้หลับสบาย และทำให้การหลั่งกรดลดลง และยับยั้งการหดตัวของลำไส้เล็ก แก้ปวดท้องได้ดี
การใช้ยาหอมให้ได้ผล แม้จะเป็นชนิดเม็ด ควรนำมาละลายน้ำกระสายยา หรือน้ำอุ่น รับประทานขณะกำลังอุ่น เหมือนกับวิธีการเดิม เพราะการออกฤทธิ์ของน้ำมันหอมระเหยที่มีในยาหอมจะช่วยทำให้ยาออกฤทธิ์ได้เร็วขึ้น และออกฤทธิ์ผ่านประสาทรับกลิ่น และการดูดซึมผ่านกระเพาะอาหาร
ยาหอมไม่ใช่ยารักษาอาการโดยตรง แต่เป็นยาปรับสมดุลย์ธาตุโดยเริ่มจากธาตุลม เพื่อไปกระตุ้นการทำงานของน้ำ และไฟ ทำให้มีการไหลเวียนสะดวก เผาผลาญตามปกติ ซึ่งเป็นหลักวิธีคิดแบบองค์รวม
http://www.pharmacy.mahidol.ac.th/thai/knowledgeinfo.php?id=103
1
Add a comment...
Better Pharmacy Chiang Mai
Shared publicly - 7 Feb 2014
ปัญหานี้มีที่มาหลัก ๆ จากวงการขายยาโดยตรง เพราะในสมัยก่อนอเมริกามีการกำหนดค่าน้ำตาลในเลือดที่ 140 มิลลิกรัมต่อเลือด 1 เดซิลิตร ถือว่าเป็นเบาหวาน แต่บริษัทยาได้ต่อรองกับสมาคมเบาหวานจนสามารถลดระดับมาอยู่ที่ 126 ทำให้ผู้ป่วยเพิ่มขึ้นถึงพันเท่า ขณะที่เมืองไทยกลับกดระดับน้ำตาลให้ลงต่ำยิ่งกว่าที่ 120 ก่อนที่จะเปลี่ยนเป็น 100 ในเวลาต่อมา
"ความจริงคนที่เป็นเบาหวานไม่จำเป็นต้องตกเป็นทาสของยาไปตลอดชีวิต หากคุณลองเปิดใจมารักษาด้วยสมุนไพรไทยตามอาการหลักที่เป็น ไล่จากลดระดับน้ำตาล รักษาความดัน ต่อด้วยหัวใจ ซึ่งคนไข้หลายคนของผมก็พิสูจน์แล้วว่ารักษาให้หายได้และไม่มีผลข้างเคียงใด ๆ"
"ถ้าไม่อยากกลับไปเป็นเบาหวานอีกก็แค่เลิกกินข้าวขาว ก๋วยเตี๋ยว ขนมปัง น้ำมันพืช หรือคนเป็นกระดูกทับเส้น ถ้ารักษาหายแล้วยังกลับไปใช้ชีวิตแบบเดิม ไม่ขยับแข้งขยับขา เอาแต่นั่งทั้งวันมันก็กลับไปเป็นอีก เรื่องนี้ต้องแก้กันที่ต้นเหตุ เมื่อไม่มีเหตุมันก็ไม่มีผล"
http://www.prachachat.net/news_detail.php?newsid=1391768123
"ความจริงคนที่เป็นเบาหวานไม่จำเป็นต้องตกเป็นทาสของยาไปตลอดชีวิต หากคุณลองเปิดใจมารักษาด้วยสมุนไพรไทยตามอาการหลักที่เป็น ไล่จากลดระดับน้ำตาล รักษาความดัน ต่อด้วยหัวใจ ซึ่งคนไข้หลายคนของผมก็พิสูจน์แล้วว่ารักษาให้หายได้และไม่มีผลข้างเคียงใด ๆ"
"ถ้าไม่อยากกลับไปเป็นเบาหวานอีกก็แค่เลิกกินข้าวขาว ก๋วยเตี๋ยว ขนมปัง น้ำมันพืช หรือคนเป็นกระดูกทับเส้น ถ้ารักษาหายแล้วยังกลับไปใช้ชีวิตแบบเดิม ไม่ขยับแข้งขยับขา เอาแต่นั่งทั้งวันมันก็กลับไปเป็นอีก เรื่องนี้ต้องแก้กันที่ต้นเหตุ เมื่อไม่มีเหตุมันก็ไม่มีผล"
http://www.prachachat.net/news_detail.php?newsid=1391768123
1
Add a comment...
Better Pharmacy Chiang Mai
Shared publicly - 6 Jan 2014
รำข้าวเป็นแหล่งของน้ำมันที่มีสารต้านอนุมูลอิสระ เช่น วิตามินอี, โทโคฟีรอล และ แกมมา ออไรซานอล ซึ่งคุณสมบัติที่โดดเด่นซึ่งแตกต่างจากน้ำมันพืชอื่นๆ คือ การมีส่วนประกอบเป็นสาร สำคัญคือ แกมมา ออไรซานอล และโทโคไตรอีนอล ซึ่งพบว่าสามารถช่วยลดระดับโคเลสเตอรอลในเลือดและลดอัตราการเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจ
กลุ่มสารฟอสโฟไลฟิด (Phospholipids) เช่น เลซิติน (Lecithin) เซฟฟาลิน (Cephalin) ไลโซเลซิติน (Lysolecithin) ซึ่งมีความสำคัญในการนำไปสร้าง และซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอของเซลล์ประสาทสมอง และช่วยป้องกันเซลล์ประสาท จากสารที่เป็นพิษและอนุมูลอิสระต่างๆ ช่วยลดความเครียด และช่วยเสริมสร้างในด้านความจำ
กลุ่มเซราไมด์ (Ceramide) ซึ่งเป็นส่วนประกอบที่สำคัญของชั้นใต้ผิวหนัง ช่วยทำให้ผิวหนังมีความยืดหยุ่น การเสริมสร้างเซราไมด์ให้เพียงพอ ทั้งโดยการรับประทานหรือการให้ทางผิวหนังในรูปการทาครีม หรือโลชัน จะช่วยรักษาผิวพรรณให้สดใสเปล่งปลั่ง ปราศจากริ้วรอยย่นก่อนเวลาอันควร นอกจากนี้เซราไมด์ยังมีคุณสมบัติเป็นไวท์เทนเนอร์ (Whitener) ซึ่งสามารถยับยั้งการสังเคราะห์เมลานิน อันเป็นสาเหตุให้เกิดฝ้า กระ จุดด่างดำบนผิวพรรณได้ดี และยังเป็นมอยเจอไรเซอร์ (Moisturizer) ให้ความชุ่มชื่นแก่ผิวอีกด้วย
กลุ่มคอลโทคอล (Tocols) วิตามินอีธรรมชาติ ในรูปของโทโคเฟอรอล(Tocopherol) และโทโคไทรอีนอล (Tocotrienol) มีประโยชน์ต่อร่างกายในการสร้าง และซ่อมแซมเซลล์ต่างๆ ของร่างกายและยังช่วยทำให้ร่างกายมีภูมิคุ้มกันต่อโรคต่างๆช่วยต้านอนุมูลอิสระ ซึ่งเป็นเหตุสำคัญของการเกิดโรคมะเร็ง
กลุ่มกรดไขมันไลโนเลอิค (Linoleic Acid) หรือโอเมก้า 6 และ กรดไลโนเลอิค (Linoleic Acid) หรือโอเมก้า 3 ที่เป็นกรดไขมันจำเป็น โดยมีอยู่ประมาณ 33%
กลุ่มวิตามิน B - Complex ซึ่งช่วยให้การทำงานของระบบประสาทดีขึ้น
กลุ่มแกมมา - ออไรซานอล มีฤทธิ์ในการลดระดับคอเลสเตอรอลและไตรกลีเซอไรด์ ทำให้ลดการตีบตันของหลอดเลือด เพิ่มการไหลเวียนของโลหิต และยังมีฤทธิ์ในการลดความเครียด และรักษาอาการผิดปกติของสตรีวัยทอง นอกจากนี้ยังเป็นสารอนุมูลอิสระ และยังป้องกันแสงยูวีได้ เมื่อใช้กินหรือใช้ทา ทำให้ผิวหนังชุ่มชื่นและต้านการอักเสบ สารชนิดนี้มีความปลอดภัยสูงมาก
http://th.wikipedia.org/wiki/น้ำมันรำข้าว
http://dna.kps.ku.ac.th/index.php/บทความของศูนย์วิทยาศาสตร์ข้าว/น้ำมันรำข้าว.html
กลุ่มสารฟอสโฟไลฟิด (Phospholipids) เช่น เลซิติน (Lecithin) เซฟฟาลิน (Cephalin) ไลโซเลซิติน (Lysolecithin) ซึ่งมีความสำคัญในการนำไปสร้าง และซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอของเซลล์ประสาทสมอง และช่วยป้องกันเซลล์ประสาท จากสารที่เป็นพิษและอนุมูลอิสระต่างๆ ช่วยลดความเครียด และช่วยเสริมสร้างในด้านความจำ
กลุ่มเซราไมด์ (Ceramide) ซึ่งเป็นส่วนประกอบที่สำคัญของชั้นใต้ผิวหนัง ช่วยทำให้ผิวหนังมีความยืดหยุ่น การเสริมสร้างเซราไมด์ให้เพียงพอ ทั้งโดยการรับประทานหรือการให้ทางผิวหนังในรูปการทาครีม หรือโลชัน จะช่วยรักษาผิวพรรณให้สดใสเปล่งปลั่ง ปราศจากริ้วรอยย่นก่อนเวลาอันควร นอกจากนี้เซราไมด์ยังมีคุณสมบัติเป็นไวท์เทนเนอร์ (Whitener) ซึ่งสามารถยับยั้งการสังเคราะห์เมลานิน อันเป็นสาเหตุให้เกิดฝ้า กระ จุดด่างดำบนผิวพรรณได้ดี และยังเป็นมอยเจอไรเซอร์ (Moisturizer) ให้ความชุ่มชื่นแก่ผิวอีกด้วย
กลุ่มคอลโทคอล (Tocols) วิตามินอีธรรมชาติ ในรูปของโทโคเฟอรอล(Tocopherol) และโทโคไทรอีนอล (Tocotrienol) มีประโยชน์ต่อร่างกายในการสร้าง และซ่อมแซมเซลล์ต่างๆ ของร่างกายและยังช่วยทำให้ร่างกายมีภูมิคุ้มกันต่อโรคต่างๆช่วยต้านอนุมูลอิสระ ซึ่งเป็นเหตุสำคัญของการเกิดโรคมะเร็ง
กลุ่มกรดไขมันไลโนเลอิค (Linoleic Acid) หรือโอเมก้า 6 และ กรดไลโนเลอิค (Linoleic Acid) หรือโอเมก้า 3 ที่เป็นกรดไขมันจำเป็น โดยมีอยู่ประมาณ 33%
กลุ่มวิตามิน B - Complex ซึ่งช่วยให้การทำงานของระบบประสาทดีขึ้น
กลุ่มแกมมา - ออไรซานอล มีฤทธิ์ในการลดระดับคอเลสเตอรอลและไตรกลีเซอไรด์ ทำให้ลดการตีบตันของหลอดเลือด เพิ่มการไหลเวียนของโลหิต และยังมีฤทธิ์ในการลดความเครียด และรักษาอาการผิดปกติของสตรีวัยทอง นอกจากนี้ยังเป็นสารอนุมูลอิสระ และยังป้องกันแสงยูวีได้ เมื่อใช้กินหรือใช้ทา ทำให้ผิวหนังชุ่มชื่นและต้านการอักเสบ สารชนิดนี้มีความปลอดภัยสูงมาก
http://th.wikipedia.org/wiki/น้ำมันรำข้าว
http://dna.kps.ku.ac.th/index.php/บทความของศูนย์วิทยาศาสตร์ข้าว/น้ำมันรำข้าว.html
1
Add a comment...
Better Pharmacy Chiang Mai
Shared publicly - 5 Jan 2014
สรุปกรณ๊ที่โดนน้ำร้อนลวก ปวดแสบปวดร้อนธรรมดา เป็นไม่มาก
1.จุ่มบริเวณที่ลวกในน้ำย็น นาน 10-15 นาที
2. ทาด้วยยามีโบ หรือ ว่านหางจระเข้ บ่อยๆเท่าที่จะนึกได้ เพื่อลดการเกิดแผลพุพอง และ แผลเป็น
หรือ ถ้ามีน้ำมันมะพร้าว ให้เอามาตีกับไข่ไก่ ทาแผล แล้วเอาผ้าปิดทับ จะช่วยลดอาการปวดแสบปวดร้อนไปได้อย่างมาก
ในกรณีที่โดนมาก
หลังจากแช่น้ำเย็นนาน 10-15 นาทีแล้ว ให้เอาผ้าคลุม หรือใช้ film บางๆ เอามาพันไว้ แล้วส่งโรงพยาบาล
สำหรับกรณีของ 3rd Burn ถูกไฟไหม้อย่างรุนแรง ผิวหนังไหม้เกรียม หรือ เห็นเนื้อสีขาว ห้ามแช่น้ำเย็นใดๆทั้งสิ้น หาผ้ามาคลุม แล้วนำส่งโรงพยาบาลโดยด่วน
วีดีโอปฐมพยาบาลน้ำร้อนลวก
1.จุ่มบริเวณที่ลวกในน้ำย็น นาน 10-15 นาที
2. ทาด้วยยามีโบ หรือ ว่านหางจระเข้ บ่อยๆเท่าที่จะนึกได้ เพื่อลดการเกิดแผลพุพอง และ แผลเป็น
หรือ ถ้ามีน้ำมันมะพร้าว ให้เอามาตีกับไข่ไก่ ทาแผล แล้วเอาผ้าปิดทับ จะช่วยลดอาการปวดแสบปวดร้อนไปได้อย่างมาก
ในกรณีที่โดนมาก
หลังจากแช่น้ำเย็นนาน 10-15 นาทีแล้ว ให้เอาผ้าคลุม หรือใช้ film บางๆ เอามาพันไว้ แล้วส่งโรงพยาบาล
สำหรับกรณีของ 3rd Burn ถูกไฟไหม้อย่างรุนแรง ผิวหนังไหม้เกรียม หรือ เห็นเนื้อสีขาว ห้ามแช่น้ำเย็นใดๆทั้งสิ้น หาผ้ามาคลุม แล้วนำส่งโรงพยาบาลโดยด่วน
วีดีโอปฐมพยาบาลน้ำร้อนลวก
1
Add a comment...
Better Pharmacy Chiang Mai
Shared publicly - 5 Jan 2014
ใช้เป็นน้ำมันนวดตัว เพื่อผ่อนคลายความเมื่อยล้าพร้อมกระชับผิวให้เต่งตึงและนุ่มเนียน ให้หมักผมก่อนสระ (หมักทิ้งไว้ 1-2 ชั่วโมง) หรือใช้ 1-2 หยด ลูบไล้เส้นผมหลังสระผมช่วยทำให้ผมเป็นเงางามนุ่มสลวย ใช้เป็นโลชั่นทำความสะอาดเครื่องสำอางบนผิวหน้า ทาผิว ทามือ ทาแขนขา ป้องกันผิวแตกในหน้าหนาว ทาผิวหน้าท้องช่วงตั้งครรภ์เพื่อป้องกันผิวแตกลาย ใช้ทาผิวเมื่อเกิดอาการแพ้ที่ผิวหนัง เช่นปรับสภาพผิวที่ถูกแสงแดด ทาแผลน้ำร้อนลวก แก้โรคผิวหนังต่างๆแม้แต่เด็กๆก็ใช้ได้ น้ำมันมะพร้าวจะซึมซาบผ่านผิวหนังอย่างรวดเร็ว ไม่เหนียวเหนอะหนะใช้ในปริมาณไม่มาก แต่จะคงอยู่ได้นาน
http://blog.school.net.th/blogs/noway.php/2008/08/14/-12
http://blog.school.net.th/blogs/noway.php/2008/08/14/-12
1
Add a comment...
Better Pharmacy Chiang Mai
Shared publicly - 23 Dec 2013
ใช้มอยซ์เจอไรเซอร์ทาทั่วใบหน้า และทาเบบี้ออยล์ให้ทั่วเรือนร่างหลังอาบน้ำแล้วเช็ดออก จะช่วยให้ผิวชุ่มชื้น
ควรใช้น้ำมันจากธรรมชาติลูบไล้ใบหน้าแล้วทิ้งไว้สัก 30 นาที ไม่ว่าจะเป็นน้ำมันมะกอก น้ำมันมะพร้าว หรือว่านหางจระเข้ก็ดี จะช่วยให้ความชุ่มชื้นกับผิวได้ดี แถมยังทำให้ผิวหน้านุ่มอีกด้วย
ควรทาครีมที่บริเวณปลายจมูกและข้างสันจมูกด้วย เพราะบริเวณนี้เป็นบริเวณที่แห้งแตกได้ง่ายมาก หากทาออยล์ทิ้งไว้ได้ก็จะช่วยป้องกันผิวแห้งได้มากเลย
ในหน้าหนาวควรเลือกครีมเนื้อเข้มข้นชนิด Water in oil เพราะมีน้ำมันช่วยรักษาความชุ่มชื้นของผิวได้นานขึ้น ใครที่ผิวแห้งมากลองเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีสารช่วยลดการสูญเสียน้ำ อาทิ Vaseline, Petrolatum, Lanolin, Ceramide และมีส่วนผสมของ AHAs, Salicylic acid, Lactic aicd และมอยเจอร์ไรเซอร์สูงเพื่อช่วยลดการตึงตัวของผิวหนัง ใช้ครีมกันแดด
http://xn--42c6apd0cib0hl5e5c9dsar.blogspot.com/2013/12/blog-post.html
ควรใช้น้ำมันจากธรรมชาติลูบไล้ใบหน้าแล้วทิ้งไว้สัก 30 นาที ไม่ว่าจะเป็นน้ำมันมะกอก น้ำมันมะพร้าว หรือว่านหางจระเข้ก็ดี จะช่วยให้ความชุ่มชื้นกับผิวได้ดี แถมยังทำให้ผิวหน้านุ่มอีกด้วย
ควรทาครีมที่บริเวณปลายจมูกและข้างสันจมูกด้วย เพราะบริเวณนี้เป็นบริเวณที่แห้งแตกได้ง่ายมาก หากทาออยล์ทิ้งไว้ได้ก็จะช่วยป้องกันผิวแห้งได้มากเลย
ในหน้าหนาวควรเลือกครีมเนื้อเข้มข้นชนิด Water in oil เพราะมีน้ำมันช่วยรักษาความชุ่มชื้นของผิวได้นานขึ้น ใครที่ผิวแห้งมากลองเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีสารช่วยลดการสูญเสียน้ำ อาทิ Vaseline, Petrolatum, Lanolin, Ceramide และมีส่วนผสมของ AHAs, Salicylic acid, Lactic aicd และมอยเจอร์ไรเซอร์สูงเพื่อช่วยลดการตึงตัวของผิวหนัง ใช้ครีมกันแดด
http://xn--42c6apd0cib0hl5e5c9dsar.blogspot.com/2013/12/blog-post.html
1
Add a comment...
Better Pharmacy Chiang Mai
Shared publicly - 23 Dec 2013
หลังอาบน้ำเสร็จ 3 นาที ให้ทา มอยส์เจอไรเซอร์บำรุงผิวทันที
ใช้โยเกิร์ตผสมกับน้ำมันมะกอก หมักผมทิ้งไว้ก่อนสระผมประมาณ 20-30 นาที ช่วยให้ผมนุ่มลื่นสุขภาพดี หรือจะใช้กะทิคั้นสดผสมน้ำมะกรูดช่วยให้ผมนุ่ม ดำ และเงางามที่สุด
ใช้น้ำมันมะกอกอุ่นๆ หรือน้ำมันอัลมอนด์นวดมือเบาๆ แล้วเช็ดออกด้วยน้ำอุ่น
http://www.oknation.net/blog/print.php?id=841946
ใช้โยเกิร์ตผสมกับน้ำมันมะกอก หมักผมทิ้งไว้ก่อนสระผมประมาณ 20-30 นาที ช่วยให้ผมนุ่มลื่นสุขภาพดี หรือจะใช้กะทิคั้นสดผสมน้ำมะกรูดช่วยให้ผมนุ่ม ดำ และเงางามที่สุด
ใช้น้ำมันมะกอกอุ่นๆ หรือน้ำมันอัลมอนด์นวดมือเบาๆ แล้วเช็ดออกด้วยน้ำอุ่น
http://www.oknation.net/blog/print.php?id=841946
1
Add a comment...
Better Pharmacy Chiang Mai
Shared publicly - 17 Dec 2013
สารพัดประโยชน์ครอบจักรวาลอย่าง “น้ำมันมะพร้าว” ผู้หญิงเราต้องรู้ เพราะสามารถนำมาใช้ได้หัวจรดเท้าhttp://www.manager.co.th/celebonline/viewnews.aspx?NewsID=9560000090510
หมายเหตุ ช่วงนี้หลายๆ คนบ่นว่า น้ำมันมะพร้าวแข็งเป็นไข ซึ่งเป็นเรื่องปกติของน้ำมันมะพร้าว ที่จะแข็งเป็นไขที่อุณหภูมิต่ำกว่า 24 องศา วิธีแก้ง่ายๆ ก็อุ่นในหม้อหุงข้าวสิจ๊ะ ... ต้มน้ำเข้า จนร้อน แล้วก็เทราดลงไปบนขวดน้ำมันมะพร้าว ปิดฝา หม้อ จากนั้นก็รอ สักพักก็จะได้น้ำมันมะพร้าวอุ่นๆ เอามาใช้ได้ตามต้องการ .... ซตพ.
หมายเหตุ ช่วงนี้หลายๆ คนบ่นว่า น้ำมันมะพร้าวแข็งเป็นไข ซึ่งเป็นเรื่องปกติของน้ำมันมะพร้าว ที่จะแข็งเป็นไขที่อุณหภูมิต่ำกว่า 24 องศา วิธีแก้ง่ายๆ ก็อุ่นในหม้อหุงข้าวสิจ๊ะ ... ต้มน้ำเข้า จนร้อน แล้วก็เทราดลงไปบนขวดน้ำมันมะพร้าว ปิดฝา หม้อ จากนั้นก็รอ สักพักก็จะได้น้ำมันมะพร้าวอุ่นๆ เอามาใช้ได้ตามต้องการ .... ซตพ.
1
Add a comment...
Better Pharmacy Chiang Mai
Shared publicly - 17 Dec 2013
สารพัดประโยชน์ครอบจักรวาลอย่าง “น้ำมันมะพร้าว” ผู้หญิงเราต้องรู้ เพราะสามารถนำมาใช้ได้หัวจรดเท้าhttp://www.manager.co.th/celebonline/viewnews.aspx?NewsID=9560000090510
1
Add a comment...
Better Pharmacy Chiang Mai
Shared publicly - 23 Oct 2013
เทคนิคบรรเทาเมาค้างจากการดื่มแอลกอฮอล์ - กรมสุขภาพจิต กระทรวงสาธารณสุข
http://www.dmh.go.th/news/view.asp?id=967
อาการเมาค้าง เป็นภาวะหรืออาการที่คล้ายกับไข้หวัดใหญ่ คือ การที่ร่างกายขาดน้ำ เป็นผลที่เกิดหลังจากการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในปริมาณที่มากเกินร่างกายจะสามารถรับได้ ส่งผลให้เสียสมดุลของฮอร์โมน เกิดการเปลี่ยนแปลงของสารสื่อประสาท และสารทางชีวภาพอื่นๆ ในร่างกาย
เป็นกระบวนการแห้งเหือดของน้ำหรือของเหลวภายในร่างกายเพราะแอลกอฮอล์เป็นสารที่ทำให้เกิดการปลดปล่อยของเหลวในร่างกาย โดยดูดซึมและขับถ่ายในรูปปัสสาวะและยังขับสารอาหารสำคัญๆ ออกมาอีกด้วย ในร่างกายเหล่านี้หลงเหลืออยู่ในปริมาณต่ำสุด เช่น แมกนีเซียม โปตัสเซียม รวมไปถึงวิตามินต่างๆ อีกหลายชนิด เช่น วิตามินบี 1 วิตามินบี 6 วิตามินซี
ควรดื่มน้ำผลไม้หรือน้ำผสมน้ำตาลเกลือแร่ก่อนเข้านอน เนื่องจากแอลกอฮอล์เข้าไปแทนที่น้ำตาลในตับระดับน้ำตาลในร่างกายจึงลดลง ทำให้เกิดอาการเวียนศีรษะและอ่อนเพลีย
จิบน้ำมันขิง ผสมโซดา น้ำ น้ำมะนาวหรือน้ำส้ม
กินแอสไพริน 2 เม็ด ในตอนเช้าและดื่มน้ำตามมากๆ
เสิร์ฟเมล็ดแปะก๊วยในเวลามีปาร์ตี้
http://www.dmh.go.th/news/view.asp?id=967
อาการเมาค้าง เป็นภาวะหรืออาการที่คล้ายกับไข้หวัดใหญ่ คือ การที่ร่างกายขาดน้ำ เป็นผลที่เกิดหลังจากการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในปริมาณที่มากเกินร่างกายจะสามารถรับได้ ส่งผลให้เสียสมดุลของฮอร์โมน เกิดการเปลี่ยนแปลงของสารสื่อประสาท และสารทางชีวภาพอื่นๆ ในร่างกาย
เป็นกระบวนการแห้งเหือดของน้ำหรือของเหลวภายในร่างกายเพราะแอลกอฮอล์เป็นสารที่ทำให้เกิดการปลดปล่อยของเหลวในร่างกาย โดยดูดซึมและขับถ่ายในรูปปัสสาวะและยังขับสารอาหารสำคัญๆ ออกมาอีกด้วย ในร่างกายเหล่านี้หลงเหลืออยู่ในปริมาณต่ำสุด เช่น แมกนีเซียม โปตัสเซียม รวมไปถึงวิตามินต่างๆ อีกหลายชนิด เช่น วิตามินบี 1 วิตามินบี 6 วิตามินซี
ควรดื่มน้ำผลไม้หรือน้ำผสมน้ำตาลเกลือแร่ก่อนเข้านอน เนื่องจากแอลกอฮอล์เข้าไปแทนที่น้ำตาลในตับระดับน้ำตาลในร่างกายจึงลดลง ทำให้เกิดอาการเวียนศีรษะและอ่อนเพลีย
จิบน้ำมันขิง ผสมโซดา น้ำ น้ำมะนาวหรือน้ำส้ม
กินแอสไพริน 2 เม็ด ในตอนเช้าและดื่มน้ำตามมากๆ
เสิร์ฟเมล็ดแปะก๊วยในเวลามีปาร์ตี้
Department of Mental Health, Ministry of Public Health,Public Health, กรมสุขภาพจิต กระทรวงสาธารณสุข
1
Add a comment...
Better Pharmacy Chiang Mai
Shared publicly - 12 Oct 2013
วันนี้ได้มีโอกาสชั่งน้ำหนัก ก็ลุ้นแรกว่าขอแค่ 70 ที่ไหนได้ น้ำหนักตอนนี้ปาเข้าไป 80 เลยถือโอกาสคำนวณ BMI ปรากฏว่าสุดขอบเกณฑ์ปกติพอดี คือ ท้วม ไม่อ้วน ... เฮ้อ ... โชคดีหน่อย ... ก็เมียเลี้ยงอุดมสมบูรณ์ดี ... อีกอย่าง ถึงอ้วนก็ไม่ care เพราะเรามีไขมันดี กินน้ำมันมะพร้าววันละ 2 ช้อน สุขภาพดี เหมือนกินน้ำมันมะกอก แต่ยังหา Wine แดง ดีๆ มากินไม่ได้ เพราะยังไม่ได้เป็นเขยไร่องุ่น ... 55555 ....
#BMI
#bodymassindex
#BMI
#bodymassindex
1
Add a comment...
Better Pharmacy Chiang Mai
Shared publicly - 7 Oct 2013
การรักษาโรค “ภูมิแพ้-ภูมิเพี้ยน” ด้วยวิถีทางโภชนาการ
- น้ำมันมะพร้าว+กระเทียมเป็น SUPER ANTIOXIDANT ช่วยเพิ่มภูมิต้านทานอย่างสูงเรียกว่ากรดอัลฟ่าไลไปอิด
- การดื่มน้ำให้ถูกต้องและพอสำหรับร่างกาย
- น้ำเอนไซม์มี 2 ชนิด 1.ได้จากผักสด+ผลไม้ / 2.น้ำหมักชีวภาพ ช่วยกำจัดสารพิษ และช่วยย่อยอาหาร (ผู้ป่วยภูมิแพ้หรือสะเก็ดเงินจะมีอาการกรดในกระเพาะอาหารไม่เพียงพอ)
- ข้าวกล้อง มีอิโนซิตอส ลดการอักเสบ (เลี่ยงข้าวขาว)
- ผักตำลึง,ใบบัวบก,ย่านาง คั้นเป็นเครื่องดี่มมีฤทธิ์เย็นและมีเอนไซม์ย่อยแป้ง
- มะละกอดิบ มีเอนไซม์ย่อยโปรตีน
- ผักสด+ผลไม้ ทานสดมีเอนไซม์เพิ่มพลังชีวิต
- เน้นอาหารจากธรรมชาติ RAW FOOD ไม่ผ่านการปรุงแต่งหรือปรุงแต่งให้น้อยที่สุด
- วิตามินและเกลือแร่ ช่วยต้านอนุมูลอิสระ
- อาหารที่ย่อยง่ายและเคี้ยวอาหารให้นานขึ้น
- สาหร่ายทะเลช่วยส่งเสริมการทำงานไทรอยด์ (เพิ่มภูมิต้านทาน)
http://www.naturalmind.co.th/index.aspx?ContentID=ContentID-110131133627561
- น้ำมันมะพร้าว+กระเทียมเป็น SUPER ANTIOXIDANT ช่วยเพิ่มภูมิต้านทานอย่างสูงเรียกว่ากรดอัลฟ่าไลไปอิด
- การดื่มน้ำให้ถูกต้องและพอสำหรับร่างกาย
- น้ำเอนไซม์มี 2 ชนิด 1.ได้จากผักสด+ผลไม้ / 2.น้ำหมักชีวภาพ ช่วยกำจัดสารพิษ และช่วยย่อยอาหาร (ผู้ป่วยภูมิแพ้หรือสะเก็ดเงินจะมีอาการกรดในกระเพาะอาหารไม่เพียงพอ)
- ข้าวกล้อง มีอิโนซิตอส ลดการอักเสบ (เลี่ยงข้าวขาว)
- ผักตำลึง,ใบบัวบก,ย่านาง คั้นเป็นเครื่องดี่มมีฤทธิ์เย็นและมีเอนไซม์ย่อยแป้ง
- มะละกอดิบ มีเอนไซม์ย่อยโปรตีน
- ผักสด+ผลไม้ ทานสดมีเอนไซม์เพิ่มพลังชีวิต
- เน้นอาหารจากธรรมชาติ RAW FOOD ไม่ผ่านการปรุงแต่งหรือปรุงแต่งให้น้อยที่สุด
- วิตามินและเกลือแร่ ช่วยต้านอนุมูลอิสระ
- อาหารที่ย่อยง่ายและเคี้ยวอาหารให้นานขึ้น
- สาหร่ายทะเลช่วยส่งเสริมการทำงานไทรอยด์ (เพิ่มภูมิต้านทาน)
http://www.naturalmind.co.th/index.aspx?ContentID=ContentID-110131133627561
1
Add a comment...
Better Pharmacy Chiang Mai
Shared publicly - 13 Aug 2013
สารโพลาร์ ซึ่งสามารถสะสมในร่างกาย และเป็นสาเหตุของโรคความดันโลหิตสูง โรคไขมันในเลือดสูง และหลอดเลือดหัวใจตีบ
นอกจากนี้ ในน้ำมันทอดซ้ำยังพบสารที่ก่อให้เกิดเนื้องอกในตับ ปอด มะเร็งเม็ดเลือดขาว
http://www.chiangmainews.co.th/page/?p=208898
นอกจากนี้ ในน้ำมันทอดซ้ำยังพบสารที่ก่อให้เกิดเนื้องอกในตับ ปอด มะเร็งเม็ดเลือดขาว
http://www.chiangmainews.co.th/page/?p=208898
1
Add a comment...
Better Pharmacy Chiang Mai
Shared publicly - 24 Jun 2013
" เกิร์ด-โรคกรดไหลย้อน "
http://www.hss.kmutt.ac.th/news.php?task=news&id=11
ปัจจัยกระตุ้น ให้โรคกำเริบ ที่สำคัญ ได้แก่
o การกินอิ่มมากไป
o การนอนราบ (โดยเฉพาะภายใน 2 ชั่วโมงหลังกินอาหาร) การนั่งงอตัว โค้งตัวลงต่ำ ทำให้น้ำย่อยไหลย้อนได้ง่ายขึ้น
o การรัดเข็มขัดแน่น หรือใส่กางเกงคับเอว จะเพิ่ม แรงดันในกระเพาะอาหารทำให้น้ำย่อยไหลย้อน
o การดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์หรือกาเฟอีน (เช่น กาแฟ ยาชูกำลัง)
o การกินอาหารที่ไขมันสูง ข้าวผัด ของทอดและอาหารผัดน้ำมัน ทำให้กระเพาะอาหารเคลื่อนไหวช้าลง ทำให้มีโอกาสเกิดกรดไหลย้อนได้มากขึ้น
o การสูบบุหรี่ การดื่มเครื่องดื่มที่มีคาร์บอเนต (น้ำอัดลม) การกินอาหารเผ็ดจัด หัวหอม กระเทียม ซอสมะเขือเทศ น้ำมะเขือเทศ น้ำองุ่น น้ำผลไม้เปรี้ยว (เช่น น้ำส้มคั้น) ผลไม้เปรี้ยว ช็อกโกแลต หรือสะระแหน่ การใช้ยาบางชนิด (เช่น ยาขยายหลอดลม ยาแอนติโคลิเนอร์จิก ยาลดความดันกลุ่มปิดกั้นบีตาและกลุ่มต้านแคลเซียม ยาทางจิตประสาท ฮอร์โมนโพรเจสเตอโรน เป็นต้น) จะเสริมให้หูรูดคลายตัว หรือมีกรดหลั่งมากขึ้น
o โรคหืด
o แผลเพ็ปติก
http://www.hss.kmutt.ac.th/news.php?task=news&id=11
ปัจจัยกระตุ้น ให้โรคกำเริบ ที่สำคัญ ได้แก่
o การกินอิ่มมากไป
o การนอนราบ (โดยเฉพาะภายใน 2 ชั่วโมงหลังกินอาหาร) การนั่งงอตัว โค้งตัวลงต่ำ ทำให้น้ำย่อยไหลย้อนได้ง่ายขึ้น
o การรัดเข็มขัดแน่น หรือใส่กางเกงคับเอว จะเพิ่ม แรงดันในกระเพาะอาหารทำให้น้ำย่อยไหลย้อน
o การดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์หรือกาเฟอีน (เช่น กาแฟ ยาชูกำลัง)
o การกินอาหารที่ไขมันสูง ข้าวผัด ของทอดและอาหารผัดน้ำมัน ทำให้กระเพาะอาหารเคลื่อนไหวช้าลง ทำให้มีโอกาสเกิดกรดไหลย้อนได้มากขึ้น
o การสูบบุหรี่ การดื่มเครื่องดื่มที่มีคาร์บอเนต (น้ำอัดลม) การกินอาหารเผ็ดจัด หัวหอม กระเทียม ซอสมะเขือเทศ น้ำมะเขือเทศ น้ำองุ่น น้ำผลไม้เปรี้ยว (เช่น น้ำส้มคั้น) ผลไม้เปรี้ยว ช็อกโกแลต หรือสะระแหน่ การใช้ยาบางชนิด (เช่น ยาขยายหลอดลม ยาแอนติโคลิเนอร์จิก ยาลดความดันกลุ่มปิดกั้นบีตาและกลุ่มต้านแคลเซียม ยาทางจิตประสาท ฮอร์โมนโพรเจสเตอโรน เป็นต้น) จะเสริมให้หูรูดคลายตัว หรือมีกรดหลั่งมากขึ้น
o โรคหืด
o แผลเพ็ปติก
หัวข้อ : " เกิร์ด-โรคกรดไหลย้อน ". รายละเอียด : ภายในอาทิตย์นี้มีเจ้าหน้าที่และนักศึกษา มจธ.โทร.มาปรึกษาเรื่องอาหารไม่ย่อย ปวดแสบท้อง เกือบ 10 คน บางคนรักษาเป็นปีอาการก็ยังไม่หาย วันนี้เลยหาข้อมูล " เกิร์ด-โรคกรดไหลย้อน" มาฝากกัน ..................... โรคกรดไหลย้อน. โดย รศ.นพ.
1
Add a comment...
Better Pharmacy Chiang Mai
Shared publicly - 12 Jun 2013
คามิลโลซาน เอ็ม สเปรย์ (Kamillosan M spray)
เป็นสเปรย์พ่นคอที่เป็นที่นิยมใช้มากๆ ในการลดอาการเจ็บคอโดยส่วนผสมหลักของตัวสเปรย์พ่นนี้จะเป็นพวกน้ำมันหอม ระเหยหลายๆ ชนิดคือ น้ำมันโป๊ยกั๊ก (Anise oil), น้ำมันมะกรูด (Bergamot oil), สารสกัดจากดอกคาโมไมล์ (Chamomile extract), น้ำมันเปเปอร์มินท์ (Peppermint oil), น้ำมันสนเข็ม (Dwarf pine needle oil), น้ำมันสะระแหน่ (Sage oil) และตัวยาแผนปัจจุบันอีก 1 ชนิดคือ ยาเมทิลซาลิไซเลท (Methyl salicylate)
การ ศึกษาในปัจจุบันพบว่าน้ำมันหอมระเหยชนิดต่างๆ ที่ได้กล่าวไปนั้นมีคุณสมบัติออกฤทธิ์ได้หลายประการ เช่น ฤทธิ์ในการฆ่าเชื้อแบคทีเรีย, ฤทธิ์เพิ่มสารคัดหลั่งในบริเวณทางเดินหายใจ (คุณสมบัติข้อนี้มีผลลดอาการระคายเคืองของทางเดินหายใจได้ ซึ่งใช้สำหรับอาการไอภูมิแพ้และอาการระคายเคืองเจ็บคอ), ฤทธิ์ลดอาการอักเสบ ส่วนตัวยาเมทิลซาลิไซเลท ก็คือตัวยาที่ถูกพัฒนามาจากแอสไพริน (aspirin) ซึ่งใช้เป็นยาสำหรับลดอาการบวม อักเสบ
http://web4.twitpic.com/snfjp
เป็นสเปรย์พ่นคอที่เป็นที่นิยมใช้มากๆ ในการลดอาการเจ็บคอโดยส่วนผสมหลักของตัวสเปรย์พ่นนี้จะเป็นพวกน้ำมันหอม ระเหยหลายๆ ชนิดคือ น้ำมันโป๊ยกั๊ก (Anise oil), น้ำมันมะกรูด (Bergamot oil), สารสกัดจากดอกคาโมไมล์ (Chamomile extract), น้ำมันเปเปอร์มินท์ (Peppermint oil), น้ำมันสนเข็ม (Dwarf pine needle oil), น้ำมันสะระแหน่ (Sage oil) และตัวยาแผนปัจจุบันอีก 1 ชนิดคือ ยาเมทิลซาลิไซเลท (Methyl salicylate)
การ ศึกษาในปัจจุบันพบว่าน้ำมันหอมระเหยชนิดต่างๆ ที่ได้กล่าวไปนั้นมีคุณสมบัติออกฤทธิ์ได้หลายประการ เช่น ฤทธิ์ในการฆ่าเชื้อแบคทีเรีย, ฤทธิ์เพิ่มสารคัดหลั่งในบริเวณทางเดินหายใจ (คุณสมบัติข้อนี้มีผลลดอาการระคายเคืองของทางเดินหายใจได้ ซึ่งใช้สำหรับอาการไอภูมิแพ้และอาการระคายเคืองเจ็บคอ), ฤทธิ์ลดอาการอักเสบ ส่วนตัวยาเมทิลซาลิไซเลท ก็คือตัวยาที่ถูกพัฒนามาจากแอสไพริน (aspirin) ซึ่งใช้เป็นยาสำหรับลดอาการบวม อักเสบ
http://web4.twitpic.com/snfjp
1
Add a comment...
Better Pharmacy Chiang Mai
Shared publicly - 4 Jun 2013
อาหารอร่อยกว่ายา..
มาทานอาหารแทนยากันดีกว่า
๑. ไขมันในเลือดสูง
แทนที่จะหายามากินให้ปวดหัว ตับพัง
ก็หากระเทียมสดมากินสักวันละ ๑๐ กลีบ
กับกินหอมหัวใหญ่สดวันละครึ่งหัว
๒. ปวดหัว
ให้หาผักคะน้าหรือปวยเล้ง (แมกนีเซียม)
กินวันละ ๕ ขีดและกินปลาทูอีกวันละ ๒ ตัว (น้ำมันปลาลดการอักเสบได้)
หรือจะชงโกโก้กินหน่อยก็ช่วยได้
๓. เป็นหวัด ไอ จามบ่อย
ให้หมั่นแปรงลิ้น
และกิน กระเทียม หอม พริกให้มากเข้าไว้
๔. ภูมิแพ้
แค่กินฝรั่งวันละ ๕ ชิ้น
กับเมล็ดฟักทองวันละ ๑ กำมือ (สังกะสี)
๕. แพ้ฝุ่น ละออง ไรฝุ่น
หาโยเกิร์ตแบบรสธรรมชาติ และนมเปรี้ยวไม่หวานจัดมากิน
๖. โรคหืด หอบ ไอ เรื้อรัง
กินต้มยำไก่, กินหัวหอมใหญ่ หอมแดง ต้นหอม
และเอาหอมซุกไว้ใต้หมอน
๗. ไขข้อ อักเสบ
หาปลาเนื้อมันกินวันละ ๒ ขีด เช่นปลาทู, ปลาสวาย,
ปลาแซลม่อน, ปลาซาร์ดีน, ปลาทูน่าหรือแม้แต่ปลากระป๋อง
๘. กระเพาะ ปัสสาวะอักเสบบ่อย
ให้กินน้ำกระเจี๊ยบไม่หวานจัดวันละ ๓ มื้อ
หรือน้ำแครนเบอรี่ ของฝรั่งในปริมาณเท่ากัน (เปรี้ยวจัดมาก)
๙. ท้องอืด แก๊สมาก
ให้กินกล้วยหักมุกปิ้งหรือขิงบ่อยๆ
๑๐. ท้องผูก
ชงน้ำผึ้งดื่มวันละ ๓ ช้อนโต๊ะ
และให้กินน้ำมะขามต้มติดเนื้อมาก เช้า เย็น
๑๑. โรคกระเพาะอาหาร
หากล้วยหักมุกปิ้งกิน, กินกล้วยหรือกินผักกระหล่ำปลีให้มาก
๑๒. เวียนหัว คลื่นไส้ง่าย
ให้หาอาหารทำจากขิงรับประทาน เช่น ปลาผัดขิง ไก่ผัดขิง, น้ำขิง,
ชาขิง หรือเต้าฮวย
๑๓. วัยทอง วูบวาบ อารมณ์ปรวน
ให้กินปลาทูน่าให้มาก และกินเต้าหู้เหลืองวันละ ๑ แผ่น
ถ้ากินเต้าหู้แล้วเบื่อให้สลับกับถั่วลิสงวันละ ๑ กำมือก็ได้
๑๔. หงุดหงิดง่าย
ให้กินอาหารร่าเริง คือ ข้าวเหนียวดำ ข้าวโพด กลอย
กล้วยหอมและปลาทูน่า
๑๕. กระดูก พรุน
ให้กินงาดำวันละ ๔ ช้อนโต๊ะ (ได้แคลเซียมมาก)
มะม่วงจิ้มกะปิ และ สับปะรด ซึ่งมีธาตุสมานกระดูกอยู่มาก (แมงกานีส)
๑๖. ความจำไม่ดี
ให้กินปลาทูวันละ ๒ ขีด หอยแครงและหอยนางรมซึ่งมีธาตุสังกะสี
ช่วยสมองได้
๑๗. มะเร็ง เต้านม
ให้กินบร็อคโคลีหรือคะน้าวันละ ๕ ขีด
๑๘. มะเร็งปอด ทางเดินหายใจ
ให้กิน เสาวรส ฝรั่ง ส้ม มะนาว มะขามป้อม มะละกอ มะม่วง ให้มาก
เพราะวิตามินซีช่วยสมานหลอดเลือดในปอดได้ดี
แต่ต้องระวังวิตามินเอโดยเฉพาะผู่ที่ ยังสูบบุหรี่อยู่
๑๙. ท้องเสีย ลำไส้แปรปรวน
กินแอปเปิ้ลเขียววันละ ๑ - ๒ ผล หรือน้ำแอปเปิ้ลเขียวปั่นทั้งกาก
จะเป็นการล้างพิษในตัวด้วย
๒๐. เจ็บอก โรคหัวใจ หลอดเลือดตีบ
กินปลาทะเล น้ำมันมะกอกเอ็กซ์ตร้าเวอร์จิน
ผลอโวคาโดเพราะเหล่านี้มีไขมันดีไปช่วยขับตะกรันน้ำมันเก่าออก
ถ้าชอบดื่มชา ให้หาชาเขียวสดมาชงดื่มเองวันละถ้วย
๒๑. ความดัน สูง
ต้องตัดบุหรี่และอาหารเค็ม ลองหาข้าวโอ๊ตไม่ขัดสีมากินและผัก
ขึ้นฉ่ายสดหรือปั่นก็ได้ จะช่วยคุมความดันให้ดีขึ้น
๒๒. เบาหวาน ถามหา
ให้เลี่ยงแป้งกับน้ำตาล และ กินผักเขียวจัดอย่างคะน้า
บร็อคโคลี ผักโขมให้มาก
ถ้าอยากหวานให้กินส้มโอและฝรั่ง เพราะมีน้ำตาลอยู่น้อยมาก
ที่มา :
http://onknow.blogspot.com/2011/08/blog-post_4110.html
มาทานอาหารแทนยากันดีกว่า
๑. ไขมันในเลือดสูง
แทนที่จะหายามากินให้ปวดหัว ตับพัง
ก็หากระเทียมสดมากินสักวันละ ๑๐ กลีบ
กับกินหอมหัวใหญ่สดวันละครึ่งหัว
๒. ปวดหัว
ให้หาผักคะน้าหรือปวยเล้ง (แมกนีเซียม)
กินวันละ ๕ ขีดและกินปลาทูอีกวันละ ๒ ตัว (น้ำมันปลาลดการอักเสบได้)
หรือจะชงโกโก้กินหน่อยก็ช่วยได้
๓. เป็นหวัด ไอ จามบ่อย
ให้หมั่นแปรงลิ้น
และกิน กระเทียม หอม พริกให้มากเข้าไว้
๔. ภูมิแพ้
แค่กินฝรั่งวันละ ๕ ชิ้น
กับเมล็ดฟักทองวันละ ๑ กำมือ (สังกะสี)
๕. แพ้ฝุ่น ละออง ไรฝุ่น
หาโยเกิร์ตแบบรสธรรมชาติ และนมเปรี้ยวไม่หวานจัดมากิน
๖. โรคหืด หอบ ไอ เรื้อรัง
กินต้มยำไก่, กินหัวหอมใหญ่ หอมแดง ต้นหอม
และเอาหอมซุกไว้ใต้หมอน
๗. ไขข้อ อักเสบ
หาปลาเนื้อมันกินวันละ ๒ ขีด เช่นปลาทู, ปลาสวาย,
ปลาแซลม่อน, ปลาซาร์ดีน, ปลาทูน่าหรือแม้แต่ปลากระป๋อง
๘. กระเพาะ ปัสสาวะอักเสบบ่อย
ให้กินน้ำกระเจี๊ยบไม่หวานจัดวันละ ๓ มื้อ
หรือน้ำแครนเบอรี่ ของฝรั่งในปริมาณเท่ากัน (เปรี้ยวจัดมาก)
๙. ท้องอืด แก๊สมาก
ให้กินกล้วยหักมุกปิ้งหรือขิงบ่อยๆ
๑๐. ท้องผูก
ชงน้ำผึ้งดื่มวันละ ๓ ช้อนโต๊ะ
และให้กินน้ำมะขามต้มติดเนื้อมาก เช้า เย็น
๑๑. โรคกระเพาะอาหาร
หากล้วยหักมุกปิ้งกิน, กินกล้วยหรือกินผักกระหล่ำปลีให้มาก
๑๒. เวียนหัว คลื่นไส้ง่าย
ให้หาอาหารทำจากขิงรับประทาน เช่น ปลาผัดขิง ไก่ผัดขิง, น้ำขิง,
ชาขิง หรือเต้าฮวย
๑๓. วัยทอง วูบวาบ อารมณ์ปรวน
ให้กินปลาทูน่าให้มาก และกินเต้าหู้เหลืองวันละ ๑ แผ่น
ถ้ากินเต้าหู้แล้วเบื่อให้สลับกับถั่วลิสงวันละ ๑ กำมือก็ได้
๑๔. หงุดหงิดง่าย
ให้กินอาหารร่าเริง คือ ข้าวเหนียวดำ ข้าวโพด กลอย
กล้วยหอมและปลาทูน่า
๑๕. กระดูก พรุน
ให้กินงาดำวันละ ๔ ช้อนโต๊ะ (ได้แคลเซียมมาก)
มะม่วงจิ้มกะปิ และ สับปะรด ซึ่งมีธาตุสมานกระดูกอยู่มาก (แมงกานีส)
๑๖. ความจำไม่ดี
ให้กินปลาทูวันละ ๒ ขีด หอยแครงและหอยนางรมซึ่งมีธาตุสังกะสี
ช่วยสมองได้
๑๗. มะเร็ง เต้านม
ให้กินบร็อคโคลีหรือคะน้าวันละ ๕ ขีด
๑๘. มะเร็งปอด ทางเดินหายใจ
ให้กิน เสาวรส ฝรั่ง ส้ม มะนาว มะขามป้อม มะละกอ มะม่วง ให้มาก
เพราะวิตามินซีช่วยสมานหลอดเลือดในปอดได้ดี
แต่ต้องระวังวิตามินเอโดยเฉพาะผู่ที่ ยังสูบบุหรี่อยู่
๑๙. ท้องเสีย ลำไส้แปรปรวน
กินแอปเปิ้ลเขียววันละ ๑ - ๒ ผล หรือน้ำแอปเปิ้ลเขียวปั่นทั้งกาก
จะเป็นการล้างพิษในตัวด้วย
๒๐. เจ็บอก โรคหัวใจ หลอดเลือดตีบ
กินปลาทะเล น้ำมันมะกอกเอ็กซ์ตร้าเวอร์จิน
ผลอโวคาโดเพราะเหล่านี้มีไขมันดีไปช่วยขับตะกรันน้ำมันเก่าออก
ถ้าชอบดื่มชา ให้หาชาเขียวสดมาชงดื่มเองวันละถ้วย
๒๑. ความดัน สูง
ต้องตัดบุหรี่และอาหารเค็ม ลองหาข้าวโอ๊ตไม่ขัดสีมากินและผัก
ขึ้นฉ่ายสดหรือปั่นก็ได้ จะช่วยคุมความดันให้ดีขึ้น
๒๒. เบาหวาน ถามหา
ให้เลี่ยงแป้งกับน้ำตาล และ กินผักเขียวจัดอย่างคะน้า
บร็อคโคลี ผักโขมให้มาก
ถ้าอยากหวานให้กินส้มโอและฝรั่ง เพราะมีน้ำตาลอยู่น้อยมาก
ที่มา :
http://onknow.blogspot.com/2011/08/blog-post_4110.html
1
Add a comment...
Better Pharmacy Chiang Mai
Shared publicly - 11 May 2013
การดูแลตัวเองเมื่อเจ็บคอ
http://www.bloggang.com/mainblog.php?id=singlenurse&month=25-09-2012&group=6&gblog=107
เกลือ เกลือที่เราใช้ปรุงอาหารเป็นยาแก้เจ็บคอได้เป็นอย่างดี โดยผสมเกลือ 1 ช้อนชา กับน้ำอุ่น 1 แก้ว ใช้อมกลั้วคอ หรือทำเป็นน้ำยาบ้วนปาก วันละ 2-3 ครั้ง จะช่วยบรรเทาอาการได้
• น้ำอุ่น ผสมน้ำอุ่น 1 แก้วกับน้ำมะนาว หรือน้ำส้มไซเดอร์แอปเปิ้ล 1 ช้อนชา ใช้กลั้วคอ วันละ 2-3 ครั้ง ส่วนผสมดังกล่าวมีฤทธิ์เป็นกรด ช่วยต้านเชื้อแบคทีเรียและไวรัส
ผลไม้รสเปรี้ยวบรรเทาเจ็บคอ
• มะขามป้อม ใช้เนื้อผลแก่สดประมาณ 2-3 ผล โขลกพอแหลก แทรกเกลือเล็กน้อย อมหรือเคี้ยววันละ 3-4 ครั้ง วิตามินซี และรสเปรี้ยวอมฝาดในมะขามป้อม จะช่วยแก้หวัด ทำให้คอชุ่มชื่น แก้อาการคอแห้ง และแก้อาการเจ็บคอ
• มะนาว ใช้ผลสดคั้นเอาแต่น้ำ แทรกเกลือเล็กน้อย จิบบ่อยๆ หรือ ใช้มะนาวครึ่งลูกบีบใส่น้ำอุ่นครึ่งแก้ว แล้วผสมน้ำผึ้ง 1 ช้อนชา วิตามินซี และรสเปรี้ยวของมะนาวจะช่วยขับน้ำลาย ลดอาการระคายเคืองที่เยื่อบุผิวภายในลำคอ ส่วนน้ำผึ้งมีสรรพคุณบรรเทาอาการเจ็บคอ
• มะขาม ใช้เนื้อในฝักแก่ของมะขามเปรี้ยว หรือมะขามเปียก จิ้มเกลือกินพอสมควร หรือจะคั้นเป็นน้ำมะขามแทรกเกลือเล็กน้อย และใช้จิบบ่อยๆ ก็ได้ เนื้อฝักแก่ รสเปรี้ยว ช่วยขับเสมหะ ทำให้คอชุ่มชื่น และแก้อาการเจ็บคอ
• น้ำส้ม นำผลส้มประมาณ 3 ผล ล้างให้สะอาด คั้นเอาแต่น้ำ เติมน้ำมะนาว 1 ช้อนโต๊ะ น้ำตาล 1 ช้อนโต๊ะ และเกลือป่น 1/2 ช้อนชา จิบบ่อยๆเมื่อมีอาการ รสเปรี้ยวของส้มมีสรรพคุณแก้ไอ ขับเสมหะ และทำให้ชุ่มคอ
• เสาวรส นำเสาวรสสุกประมาณ 2-3 ผล ล้างให้สะอาด ผ่าครึ่ง ใช้ช้อนตักเมล็ดและส่วนที่เป็นน้ำสีส้มออกจากเนื้อผล คั้นกรองด้วยกระชอนหรือผ้าขาวบาง เพื่อแยกเอาเมล็ดและเส้นใยออก เติมน้ำตาล 1 ช้อนโต๊ะ ชิมรสตามใจชอบ จิบเมื่อมีอาการ รสเปรี้ยวของเสาวรสมีสรรพคุณช่วยขับเสมหะ และทำให้ชุ่มคอ
บำบัดด้วยน้ำมันหอม
การดูแลรักษาตนเองเพื่อบรรเทาอาการ
1. หยุดสูบบุหรี่ และ ดื่มน้ำมากๆ
2. จิบยาแก้ไอ อมยาแก้เจ็บคอ
3.น้ำยากลั้วคอ
4. รับประทานยาแก้ปวด/ยาแก้แพ้
http://www.bloggang.com/mainblog.php?id=singlenurse&month=25-09-2012&group=6&gblog=107
เกลือ เกลือที่เราใช้ปรุงอาหารเป็นยาแก้เจ็บคอได้เป็นอย่างดี โดยผสมเกลือ 1 ช้อนชา กับน้ำอุ่น 1 แก้ว ใช้อมกลั้วคอ หรือทำเป็นน้ำยาบ้วนปาก วันละ 2-3 ครั้ง จะช่วยบรรเทาอาการได้
• น้ำอุ่น ผสมน้ำอุ่น 1 แก้วกับน้ำมะนาว หรือน้ำส้มไซเดอร์แอปเปิ้ล 1 ช้อนชา ใช้กลั้วคอ วันละ 2-3 ครั้ง ส่วนผสมดังกล่าวมีฤทธิ์เป็นกรด ช่วยต้านเชื้อแบคทีเรียและไวรัส
ผลไม้รสเปรี้ยวบรรเทาเจ็บคอ
• มะขามป้อม ใช้เนื้อผลแก่สดประมาณ 2-3 ผล โขลกพอแหลก แทรกเกลือเล็กน้อย อมหรือเคี้ยววันละ 3-4 ครั้ง วิตามินซี และรสเปรี้ยวอมฝาดในมะขามป้อม จะช่วยแก้หวัด ทำให้คอชุ่มชื่น แก้อาการคอแห้ง และแก้อาการเจ็บคอ
• มะนาว ใช้ผลสดคั้นเอาแต่น้ำ แทรกเกลือเล็กน้อย จิบบ่อยๆ หรือ ใช้มะนาวครึ่งลูกบีบใส่น้ำอุ่นครึ่งแก้ว แล้วผสมน้ำผึ้ง 1 ช้อนชา วิตามินซี และรสเปรี้ยวของมะนาวจะช่วยขับน้ำลาย ลดอาการระคายเคืองที่เยื่อบุผิวภายในลำคอ ส่วนน้ำผึ้งมีสรรพคุณบรรเทาอาการเจ็บคอ
• มะขาม ใช้เนื้อในฝักแก่ของมะขามเปรี้ยว หรือมะขามเปียก จิ้มเกลือกินพอสมควร หรือจะคั้นเป็นน้ำมะขามแทรกเกลือเล็กน้อย และใช้จิบบ่อยๆ ก็ได้ เนื้อฝักแก่ รสเปรี้ยว ช่วยขับเสมหะ ทำให้คอชุ่มชื่น และแก้อาการเจ็บคอ
• น้ำส้ม นำผลส้มประมาณ 3 ผล ล้างให้สะอาด คั้นเอาแต่น้ำ เติมน้ำมะนาว 1 ช้อนโต๊ะ น้ำตาล 1 ช้อนโต๊ะ และเกลือป่น 1/2 ช้อนชา จิบบ่อยๆเมื่อมีอาการ รสเปรี้ยวของส้มมีสรรพคุณแก้ไอ ขับเสมหะ และทำให้ชุ่มคอ
• เสาวรส นำเสาวรสสุกประมาณ 2-3 ผล ล้างให้สะอาด ผ่าครึ่ง ใช้ช้อนตักเมล็ดและส่วนที่เป็นน้ำสีส้มออกจากเนื้อผล คั้นกรองด้วยกระชอนหรือผ้าขาวบาง เพื่อแยกเอาเมล็ดและเส้นใยออก เติมน้ำตาล 1 ช้อนโต๊ะ ชิมรสตามใจชอบ จิบเมื่อมีอาการ รสเปรี้ยวของเสาวรสมีสรรพคุณช่วยขับเสมหะ และทำให้ชุ่มคอ
บำบัดด้วยน้ำมันหอม
การดูแลรักษาตนเองเพื่อบรรเทาอาการ
1. หยุดสูบบุหรี่ และ ดื่มน้ำมากๆ
2. จิบยาแก้ไอ อมยาแก้เจ็บคอ
3.น้ำยากลั้วคอ
4. รับประทานยาแก้ปวด/ยาแก้แพ้
1
Add a comment...
Better Pharmacy Chiang Mai
Shared publicly - 15 Mar 2013
แฉไก่ทอด'แมคโดนัลด์'อันตราย ใช้น้ำมันทอดเสื่อมสภาพเกิน25% จวกรัฐเมินแก้ปัญหาน้ำมันทอดซ้ำ
เปิดผลสำรวจไก่ทอดร้านดังทั่วกรุงฯ พบแฟรนไชส์ดัง‘แมคโดนัลด์’ใช้น้ำมันเกือบเสื่อมสภาพ รองลงมาเป็นไก่ทอดหาดใหญ่ ตลาดปทุมฯ ไก่ทอดเจ๊กีจากซอยโปโล ไก่ทอดจีระพันธ์ ตลาดหลังการบินไทย นักวิชาการระบุถึงเป็นแบรนด์ดังก็ใช่ว่าจะปลอดภัย เตือนสารในน้ำมันเสื่อมสภาพก่อให้เกิดมะเร็ง จี้รัฐกำหนดมาตรการพูดมานานไม่มีอะไรเกิดขึ้น
http://www.tcijthai.com/TCIJ/view.php?ids=2201
เปิดผลสำรวจไก่ทอดร้านดังทั่วกรุงฯ พบแฟรนไชส์ดัง‘แมคโดนัลด์’ใช้น้ำมันเกือบเสื่อมสภาพ รองลงมาเป็นไก่ทอดหาดใหญ่ ตลาดปทุมฯ ไก่ทอดเจ๊กีจากซอยโปโล ไก่ทอดจีระพันธ์ ตลาดหลังการบินไทย นักวิชาการระบุถึงเป็นแบรนด์ดังก็ใช่ว่าจะปลอดภัย เตือนสารในน้ำมันเสื่อมสภาพก่อให้เกิดมะเร็ง จี้รัฐกำหนดมาตรการพูดมานานไม่มีอะไรเกิดขึ้น
http://www.tcijthai.com/TCIJ/view.php?ids=2201
1
Add a comment...
Better Pharmacy Chiang Mai
Shared publicly - 2 Mar 2013
น้ำมันมะพร้าวป้องกันไข้หวัดใหญ่
สายพันธุ์ใหม่ 2009 ได้อย่างไร?
โดย
ดร. ณรงค์ โฉมเฉลา
-http://www.weloveshopping.com/shop/show_article.php?shopid=203691&qid=76239
สายพันธุ์ใหม่ 2009 ได้อย่างไร?
โดย
ดร. ณรงค์ โฉมเฉลา
-http://www.weloveshopping.com/shop/show_article.php?shopid=203691&qid=76239
1
Add a comment...
Better Pharmacy Chiang Mai
Shared publicly - 2 Mar 2013
กระดานข่าว : สถาบันโภชนาการ มหาวิทยาลัยมหิดล • แสดงกระทู้ - น้ำมันมะพร้าว สุขภาพ และการนำเสนอของ Tha... -http://www.inmu.mahidol.ac.th/webboard/viewtopic.php?f=4&t=117
กระดานข่าว : สถาบันโภชนาการ มหาวิทยาลัยมหิดล. INMU Webboard : Institute of Nutrition, Mahidol University. ไปที่เนื้อหา. การค้นหาขั้นสูง · หน้าเว็บบอร์ด ‹ อาหารและโภชนาการ :: Food & Nutrition Board...
1
Add a comment...
Better Pharmacy Chiang Mai
Shared publicly - 2 Mar 2013
โรคเบาหวาน รักษาได้ - หมอนัท part2
ลักษณะของโรคเบาหวานคือ เลือดข้นหนืด และเซลล์ในร่างกายอ่อนแรง ไม่สามารถเอาน้ำตาลและอาหารในเลือดไปใช้ได้ ที่ดิ อโรคยา แนะนำวิธีการรักษาโรคเบาหวานโดย
1. ทำให้เลือดหมุนเวียน โดยการนวดเท้า, ตัว และออกกำลังกายเบาๆเช่นแกว่งแขน เดินเร็ว ทุกวัน
2. ปรับสภาพเลือดที่ข้นหนืดด้วย น้ำชีวภาพ , น้ำเอนไซม์
3. นำอาหารเข้าเซลล์โดยไม่ต้องเปลี่ยนเป็นน้ำตาล เช่น ทานน้ำมันมะพร้าว 1-2 ช้อนโต๊ะก่อนอาหาร 20 นาที หรือ ทานสาหร่ายเกลียวทอง
ลักษณะของโรคเบาหวานคือ เลือดข้นหนืด และเซลล์ในร่างกายอ่อนแรง ไม่สามารถเอาน้ำตาลและอาหารในเลือดไปใช้ได้ ที่ดิ อโรคยา แนะนำวิธีการรักษาโรคเบาหวานโดย
1. ทำให้เลือดหมุนเวียน โดยการนวดเท้า, ตัว และออกกำลังกายเบาๆเช่นแกว่งแขน เดินเร็ว ทุกวัน
2. ปรับสภาพเลือดที่ข้นหนืดด้วย น้ำชีวภาพ , น้ำเอนไซม์
3. นำอาหารเข้าเซลล์โดยไม่ต้องเปลี่ยนเป็นน้ำตาล เช่น ทานน้ำมันมะพร้าว 1-2 ช้อนโต๊ะก่อนอาหาร 20 นาที หรือ ทานสาหร่ายเกลียวทอง
1
Add a comment...
Better Pharmacy Chiang Mai
Shared publicly - 2 Mar 2013
น้ำมันมะพร้าวกับโรคเบาหวาน -
http://www.pumedin.com/index.php?lay=boardshow&ac=webboard_show&WBntype=1&No=375526
น้ำมันมะพร้าวช่วยให้ร่างกายสร้างอินซูลินและปรับเปลี่ยนให้เซลล์ตอบสนองอินซูลิน ดังนั้น น้ำมันมะพร้าวจึงแก้โรคเบาหวานทั้งสองชนิดได้ ผู้ป่วยที่มือเท้าสูญเสียความรู้สึก กลับมามีความรู้สึกได้ เมื่อเติมน้ำมันมะพร้าวในอาหารเพียงพอไม่กี่สัปดาห์
การบริโภคน้ำมันมะพร้าวจึงช่วยลดการนำน้ำตาลเข้าไปในกระแสเลือด จึงช่วยปรับระดับน้ำตาล ผู้ป่วยบางคนสามารถควบคุมและลดปริมาณน้ำตาลในเลือด โดยการเติมน้ำมันมะพร้าวในอาหาร
http://www.pumedin.com/index.php?lay=boardshow&ac=webboard_show&WBntype=1&No=375526
น้ำมันมะพร้าวช่วยให้ร่างกายสร้างอินซูลินและปรับเปลี่ยนให้เซลล์ตอบสนองอินซูลิน ดังนั้น น้ำมันมะพร้าวจึงแก้โรคเบาหวานทั้งสองชนิดได้ ผู้ป่วยที่มือเท้าสูญเสียความรู้สึก กลับมามีความรู้สึกได้ เมื่อเติมน้ำมันมะพร้าวในอาหารเพียงพอไม่กี่สัปดาห์
การบริโภคน้ำมันมะพร้าวจึงช่วยลดการนำน้ำตาลเข้าไปในกระแสเลือด จึงช่วยปรับระดับน้ำตาล ผู้ป่วยบางคนสามารถควบคุมและลดปริมาณน้ำตาลในเลือด โดยการเติมน้ำมันมะพร้าวในอาหาร
1
Add a comment...
Better Pharmacy Chiang Mai
Shared publicly - 2 Mar 2013
Bloggang.com : : kandanalike : น้ำมันมะพร้าวรักษาโรคเบาหวานหายได้ ประสบการณ์จริงจากอาจารย์ไพฑูรย์ -
http://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=kandanalikecoconutoil&month=12-2010&date=27&group=1&gblog=41
บริโภคน้ำมันมะพร้าว วันละ 3 ครั้ง ก่อนอาหาร มื้อละ 1 ช้อนโต๊ะ
http://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=kandanalikecoconutoil&month=12-2010&date=27&group=1&gblog=41
บริโภคน้ำมันมะพร้าว วันละ 3 ครั้ง ก่อนอาหาร มื้อละ 1 ช้อนโต๊ะ
น้ำมันมะพร้าวรักษาโรคเบาหวานหายได้ ประสบการณ์จริงจากอาจารย์ไพฑูรย์ น้ำมันมะพร้าว ช่วยให้โรคเบาหวานหายได้จาก ประสบการณ์ ของ อาจารย์ ไพฑูรย์ เกษสุขมาโนช ดวงตาเห็นธรรมแล้วลงมือปฏิบัติ ย่อมซาบซึ้งในรสพระธ...
1
Add a comment...
Better Pharmacy Chiang Mai
Shared publicly - 23 Feb 2013
สมุนไพรแก้ปวดประจำเดือน -
http://www.n3k.in.th/สมุนไพร/สมุนไพรแก้ปวดประจำเดือน
1. ตังกุย
2. ใบตำลึง
3. น้ำมันอีฟนิ่งพริมโรส
http://www.n3k.in.th/สมุนไพร/สมุนไพรแก้ปวดประจำเดือน
1. ตังกุย
2. ใบตำลึง
3. น้ำมันอีฟนิ่งพริมโรส
1
Add a comment...
No comments:
Post a Comment