มีงานวิจัยพบว่า วิตะมินอี (เกรดดีๆ) สามารถแก้ปวดข้อได้ดีกว่ายาแก้ปวดในกล่ะม NSAID เช่น แอสไพริน หรือ ไอบูโพรเฟน
ไม่ควรกินวิตะมินอี ร่วมกับแอสไพริน
ในกรณีที่กินยาลดไขมันกลุ่ม STATIN อาทิเช่น LIPITOR, ZOCOR, CRESTOR, ZIMMEX, BESTATIN และอื่นๆ ไม่ควรกินวิตะมินซีมากกว่า 1000 มิลลิกรัม และ วิตะมินอีมากกว่า 800 IU
Nutrient: Vitamin E; Daily amount:100-400 IU
Nutrient: Vitamin D; Daily amount:400 IU
Nutrient: Vitamin C; Daily amount:200 mg
Nutrient: Zinc; Daily amount:15 mg
http://www.prevention.com/health/health-concerns/arthritis-treatment-and-symptoms
http://www.arthritisresearchuk.org/arthritis-information/complementary-and-alternative-medicines/cam-report/complementary-medicines-for-rheumatoid-arthritis/vitamins-ace.aspx
ไม่ควรกินวิตะมินอี ร่วมกับแอสไพริน
ในกรณีที่กินยาลดไขมันกลุ่ม STATIN อาทิเช่น LIPITOR, ZOCOR, CRESTOR, ZIMMEX, BESTATIN และอื่นๆ ไม่ควรกินวิตะมินซีมากกว่า 1000 มิลลิกรัม และ วิตะมินอีมากกว่า 800 IU
Nutrient: Vitamin E; Daily amount:100-400 IU
Nutrient: Vitamin D; Daily amount:400 IU
Nutrient: Vitamin C; Daily amount:200 mg
Nutrient: Zinc; Daily amount:15 mg
http://www.prevention.com/health/health-concerns/arthritis-treatment-and-symptoms
http://www.arthritisresearchuk.org/arthritis-information/complementary-and-alternative-medicines/cam-report/complementary-medicines-for-rheumatoid-arthritis/vitamins-ace.aspx
1
Add a comment...
รพ.เจ้าพระยาอภัยภูเบศร จึงทำการศึกษาและต่อยอดครีมพริกให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้นลดการใช้จากวันละ 4 ครั้ง เหลือเพียงวันละ 1 ครั้ง และลดปัญหาอาการแสบร้อนผิวหนัง โดยได้ร่วมกับศูนย์นาโนเทคโนโลยีแห่งชาติ(นาโนเทค) สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ(สวทช.)ในการพัฒนาตำรับครีมพริก เพื่อให้มีอนุภาคระดับนาโนเมตร คือ เป็นขนาดเล็กจนซึมเข้าสู่ผิวหนังได้ดีกว่ารูปแบบเดิม และซึมเข้าอย่างช้าๆ ทำให้ประสิทธิภาพคงทน ยาวนานกว่าเดิม ซึ่งจะทำให้ลดจำนวนการทาจากวันละ 4 ครั้ง เหลือเพียงวันละ 1 ครั้งเท่านั้น
หมายเหตุ สำหรับคนภาคเหนือ มีผลิตภัณฑ์ที่ดีอยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นน้ำมันเมล็ดลำใย น้ำมันงาดำ ที่มีสาร ANTIOXIDANT ช่วยเรื่องปวดข้อ ปวดเข่า ปวดกล้ามเนื้อด้วยเช่นกัน
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1442381315
หมายเหตุ สำหรับคนภาคเหนือ มีผลิตภัณฑ์ที่ดีอยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นน้ำมันเมล็ดลำใย น้ำมันงาดำ ที่มีสาร ANTIOXIDANT ช่วยเรื่องปวดข้อ ปวดเข่า ปวดกล้ามเนื้อด้วยเช่นกัน
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1442381315
1
Add a comment...
ผมร่วง ให้กิน zinc sulfate 220 mg นาน 3 เดือน
แผลร้อนใน แผลผ่าตัด แผลไฟไหม้ให้กิน zinc sulfate 220-660 mg
age-related macular degeneration ให้กิน 80-200 milligrams พร้อมอาหาร นาน 2-7 ปี
เบาหวาน และ ปวดปลายประสาทจากเบาหวาน ให้กิน zinc sulfate 660 mg นานเดือนครึ่ง
ตับแข็ง ให้กิน zinc sulfate 200 mg นาน 6 เดือน
ตะคริว ให้กิน zinc sulfate 220 mg วันละ 2 ครั้งนาน 3 เดือน
ปวดข้อ rheumatoid arthritis ให้กิน zinc sulfate 200-220 milligrams วันละ 3 ครั้ง นาน 8 เดือน
ตกขาวจากเชื้อ trichomonas ให้กิน zinc sulfate 220 milligrams วันละ 2 ครั้ง นาน 2 อาทิตย์
สิว ให้กิน zinc gluconate 30-200 mg นาน 2-3 เดือน
หวัด ให้อม zinc gluconate 4.5-24 mg ทุก 1-3 ชั่วโมง นาน 3-14 วัน หรือจนกว่าหวัดจะหาย
คออักเสบ ให้กิน zinc sulfate 220 mg นาน 10 วัน หรือ zinc gluconate 15 mg และอม zinc gluconate วันละ 23 mg โดยอมครั้งแรก 4 เม็ด และอม 1 เม็ด ทุก 2 ชั่วโมง นาน 7 วัน
cystic fibrosis ให้กิน zinc gluconate 30 mg นาน 1 ปี
คนที่ฟอกไต ให้กิน zinc 50 mg ทุกวัน
เพิ่มกำลังในการออกกำลังกาย ให้กิน zinc 20 mg นาน 7 วัน
คนสูงอายุ ให้กิน zinc 12-150 mg นาน 1 เดือน
อารมณ์แปรปรวน เครียด ให้กิน zinc 7-10 mg นาน 2 เดือนครึ่ง
ห้ามกิน ZINC ร่วมกับยาที่มีผลต่อการแข็งตัวของเลือด เช่น ASPIRIN BRUFEN WARFERIN แปะก๊วย กระเทียม saw palmetto
ZINC มีผลลดน้ำตาลในเลือด ควรใช้ด้วยความระมัดระวัง ในผู้ที่ฉีดอินซูลิน หรือ กินยาลดน้ำตาล ฟ้าทะลายโจร
http://www.mayoclinic.org/drugs-supplements/zinc/dosing/hrb-20060638
http://www.webmd.com/vitamins-supplements/ingredientmono-982-zinc.aspx?activeingredientid=982&activeingredientname=zinc
แผลร้อนใน แผลผ่าตัด แผลไฟไหม้ให้กิน zinc sulfate 220-660 mg
age-related macular degeneration ให้กิน 80-200 milligrams พร้อมอาหาร นาน 2-7 ปี
เบาหวาน และ ปวดปลายประสาทจากเบาหวาน ให้กิน zinc sulfate 660 mg นานเดือนครึ่ง
ตับแข็ง ให้กิน zinc sulfate 200 mg นาน 6 เดือน
ตะคริว ให้กิน zinc sulfate 220 mg วันละ 2 ครั้งนาน 3 เดือน
ปวดข้อ rheumatoid arthritis ให้กิน zinc sulfate 200-220 milligrams วันละ 3 ครั้ง นาน 8 เดือน
ตกขาวจากเชื้อ trichomonas ให้กิน zinc sulfate 220 milligrams วันละ 2 ครั้ง นาน 2 อาทิตย์
สิว ให้กิน zinc gluconate 30-200 mg นาน 2-3 เดือน
หวัด ให้อม zinc gluconate 4.5-24 mg ทุก 1-3 ชั่วโมง นาน 3-14 วัน หรือจนกว่าหวัดจะหาย
คออักเสบ ให้กิน zinc sulfate 220 mg นาน 10 วัน หรือ zinc gluconate 15 mg และอม zinc gluconate วันละ 23 mg โดยอมครั้งแรก 4 เม็ด และอม 1 เม็ด ทุก 2 ชั่วโมง นาน 7 วัน
cystic fibrosis ให้กิน zinc gluconate 30 mg นาน 1 ปี
คนที่ฟอกไต ให้กิน zinc 50 mg ทุกวัน
เพิ่มกำลังในการออกกำลังกาย ให้กิน zinc 20 mg นาน 7 วัน
คนสูงอายุ ให้กิน zinc 12-150 mg นาน 1 เดือน
อารมณ์แปรปรวน เครียด ให้กิน zinc 7-10 mg นาน 2 เดือนครึ่ง
ห้ามกิน ZINC ร่วมกับยาที่มีผลต่อการแข็งตัวของเลือด เช่น ASPIRIN BRUFEN WARFERIN แปะก๊วย กระเทียม saw palmetto
ZINC มีผลลดน้ำตาลในเลือด ควรใช้ด้วยความระมัดระวัง ในผู้ที่ฉีดอินซูลิน หรือ กินยาลดน้ำตาล ฟ้าทะลายโจร
http://www.mayoclinic.org/drugs-supplements/zinc/dosing/hrb-20060638
http://www.webmd.com/vitamins-supplements/ingredientmono-982-zinc.aspx?activeingredientid=982&activeingredientname=zinc
1
Add a comment...
PANADOL ACTIFAST ขนาด 8 เม็ด กินได้ 1 วัน
ดูดซึมได้เร็วกว่า PANADOL สูตรปกติ 2 เท่า
ไม่ระคายเคืองกระเพาะ
บรรเท่าอาการปวดเล็กน้อยถึงปานกลาง ได้แก่ ปวดศีรษะ ปวดไมเกรน ปวดประจำเดือน ปวดกล้ามเนื้อ ปวดฟัน ปวดข้อ ลดไข้
ผู้ใหญ่และเด็กอายุมากกว่า 12 ปี กิน 1-2 เม็ด ทุก 4-6 ชั่วโมง
ห้ามกินเกินวันละ 8 เม็ด ติดต่อกันนานกว่า 5 วัน
ห้ามใช้
ผู้ป่วยโรคตับขั้นรุนแรง ผู้ป่วยโรคไตที่จำกัดปริมาณโซเดียม เด็กอายุต่ำกว่า 12 ปี
มีแล้วที่ BETTER PHARMACY
////////////////////////////////
///////////////////////////////
ถ้ากิน PANADOL ACTIFAST 2 เม็ด ควรดื่มน้ำตาม 100 ml เพื่อเพิ่มการดูดซืมยา โดยจะพบยาในกระแสเลือด หลังจากกินยาไปเพียง 10 นาที ถ้ากินยาตอนท้องว่าง ยาจะออกฤทธิ์เต็มที่ภายใน 25 นาที แต่ถ้ากินยาหลังกินข้าว จะออกฤทธิ์เต็มที่ภายใน 45 นาที โดยมีค่าครึ่งชีวิต 2-3 ชั่วโมง
https://www.medicines.org.uk/emc/medicine/21529
ดูดซึมได้เร็วกว่า PANADOL สูตรปกติ 2 เท่า
ไม่ระคายเคืองกระเพาะ
บรรเท่าอาการปวดเล็กน้อยถึงปานกลาง ได้แก่ ปวดศีรษะ ปวดไมเกรน ปวดประจำเดือน ปวดกล้ามเนื้อ ปวดฟัน ปวดข้อ ลดไข้
ผู้ใหญ่และเด็กอายุมากกว่า 12 ปี กิน 1-2 เม็ด ทุก 4-6 ชั่วโมง
ห้ามกินเกินวันละ 8 เม็ด ติดต่อกันนานกว่า 5 วัน
ห้ามใช้
ผู้ป่วยโรคตับขั้นรุนแรง ผู้ป่วยโรคไตที่จำกัดปริมาณโซเดียม เด็กอายุต่ำกว่า 12 ปี
มีแล้วที่ BETTER PHARMACY
////////////////////////////////
///////////////////////////////
ถ้ากิน PANADOL ACTIFAST 2 เม็ด ควรดื่มน้ำตาม 100 ml เพื่อเพิ่มการดูดซืมยา โดยจะพบยาในกระแสเลือด หลังจากกินยาไปเพียง 10 นาที ถ้ากินยาตอนท้องว่าง ยาจะออกฤทธิ์เต็มที่ภายใน 25 นาที แต่ถ้ากินยาหลังกินข้าว จะออกฤทธิ์เต็มที่ภายใน 45 นาที โดยมีค่าครึ่งชีวิต 2-3 ชั่วโมง
https://www.medicines.org.uk/emc/medicine/21529
2
Add a comment...
ใช้บำรุงตับ ลดอาการตับอักเสบ สร้างความสมดุลของไขมันในตับ หมอยาชาวจีนเชื่อว่า ถ้ากินลูกใต้ใบติดต่อกันหนึ่งสัปดาห์จะช่วยกำจัดพิษออกจากตับ มีผลทำให้สายตาดี บำรุงตับ รักษาอาการดีซ่าน
แก้ไข้ แก้อักเสบ แก้ปวดเมื่อย ควบคุมระดับน้ำตาล แก้ร้อนใน ขับเหงื่อ ขับปัสสาวะ แก้อาการติดเชื้อในทางเดินปัสสาวะ
ห้ามใช้ในคนท้อง เพราะลูกใต้ใบเป็นยาขับประจำเดือน
ลูกใต้ใบเป็นกลุ่มสมุนไพร ลดไข้ ซึ่งจากลักษณะตัวยาเย็น ถ้ากินติดต่อกันนานๆจะมีอาการอ่อนเพลีย ความดันโลหิตต่ำได้ค่ะ และมีสารสำคัญคือ โปรแตสเซียม ซึ่งจะช่วยขับปัสสาวะ จึงไม่ควรรับประทานติดต่อกันนานๆค่ะ รับประทานเป็นยาแก้อาการได้ค่ะ แต่ถ้าจะให้รับประทานต่อเนื่องเป็นเดือนๆ ไม่แนะนำค่ะ หรืออาจจะรับประทานสลับกับยาสมุนไพรตัวอื่นก็น่าจะดีกว่าค่ะ
http://thaiherbtherapy.com/Herbs/Herb_Phyllanthus_Niruri.html
https://www.facebook.com/abhaiherbshop/posts/508430642527098
แก้ไข้ แก้อักเสบ แก้ปวดเมื่อย ควบคุมระดับน้ำตาล แก้ร้อนใน ขับเหงื่อ ขับปัสสาวะ แก้อาการติดเชื้อในทางเดินปัสสาวะ
ห้ามใช้ในคนท้อง เพราะลูกใต้ใบเป็นยาขับประจำเดือน
ลูกใต้ใบเป็นกลุ่มสมุนไพร ลดไข้ ซึ่งจากลักษณะตัวยาเย็น ถ้ากินติดต่อกันนานๆจะมีอาการอ่อนเพลีย ความดันโลหิตต่ำได้ค่ะ และมีสารสำคัญคือ โปรแตสเซียม ซึ่งจะช่วยขับปัสสาวะ จึงไม่ควรรับประทานติดต่อกันนานๆค่ะ รับประทานเป็นยาแก้อาการได้ค่ะ แต่ถ้าจะให้รับประทานต่อเนื่องเป็นเดือนๆ ไม่แนะนำค่ะ หรืออาจจะรับประทานสลับกับยาสมุนไพรตัวอื่นก็น่าจะดีกว่าค่ะ
http://thaiherbtherapy.com/Herbs/Herb_Phyllanthus_Niruri.html
https://www.facebook.com/abhaiherbshop/posts/508430642527098
สมุนไพรลูกใต้ใบ Phyllanthus niruri รักษาไวรัสตับอักเสบบี โรคเบาหวาน ขับนิ่ว รักษานิ่วในถุงน้ำดี สามารถแก้เริม ไข้หวัดใหญ่ ไข้จับสั่น แก้ร้อนใน ปวดข้อ ปวดเอว ปวดเมื่อย บำรุงตับ แก้ฝี รักษาอาการดีซ่าน ตัวเหลือง ตาเหลือง ทำลายพิษจากเหล้า มะขามป้อมดิน หญ้าใต้ใบ หญ้าใต้ใบขาว ไฟเดือนห้า หมากไข่หลัง จูเกี๋ยเช่า
1
Add a comment...
ซีรีย์ 8 : สมุนไพรต้านมะเร็งให้พ่อ
หญ้าปักกิ่ง
ขมิ้นชัน
แม้ว่าในปัจจุบันจะมีสมุนไพรที่มีฤทธิ์ต้านมะเร็งมากมาย แต่อภัยภูเบศรได้คัดเลือกสมุนไพรมา 2 ตัว ที่มีข้อมูลสนับสนุนชัดเจน รวมถึงมีผลบำรุงสุขภาพด้านอื่นๆ โดยรวมของผู้ทานด้วย คือ หญ้าปักกิ่ง และขมิ้นชัน
หญ้าปักกิ่ง มีสารสำคัญที่ออกฤทธิ์ ชื่อ กลัยโคสฟิงโคไลปิดส์ (จี 1 บี) มีฤทธิ์ยับยั้งปานกลางต่อเซลล์มะเร็งเต้านมและลำไส้ใหญ่ มีผลปรับระบบภูมิคุ้มกัน ต้านอนุมูลอิสระ ต้านการอักเสบ มีฤทธิ์ต้านการกลายพันธุ์ของยีนที่เกิดจากสารก่อกลายพันธุ์ชนิดต่างๆ มีฤทธิ์เหนี่ยวนำเอนไซม์ (DT-diaphorase) ซึ่งมีบทบาททำลายสารพิษที่ก่อให้เกิดมะเร็ง เช่น อะฟลาทอกซิน และสามารถลดความรุนแรงของการแพร่กระจายของมะเร็งในหนูได้ จึงคาดว่าสารสกัดดังกล่าวอาจใช้ป้องกันการเกิดมะเร็งได้
นอกจากนี้ยังมีงานวิจัยพบว่าน้ำคั้นหญ้าปักกิ่งช่วยลดผลข้างเคียงในผู้ป่วยที่ได้รับการฉายแสงและเคมีบำบัด เช่น อาการคลื่นไส้ อาเจียน เบื่ออาหาร แผลในปาก ปากแห้ง อ่อนเพลีย ปวดข้อและกล้ามเนื้อ ท้องเสีย ท้องผูก ผมร่วง และอาการไข้
ขมิ้นชัน มีข้อมูลงานวิจัยรับรองว่าเห็นผลดีในการรักษา คือ ด้านการรักษาโรคกระเพาะอาหาร และข้อ เสื่อม อีกทั้งยังถูกนำมาใช้ในการป้องกันมะเร็ง และเป็นสมุนไพรทางเลือกในการรักษามะเร็ง โดยเฉพาะมะเร็งในระบบทางเดินอาหาร ซึ่งมีการศึกษาในหนูทดลอง และในเซลล์มะเร็งของมนุษย์ในหลอดทดลอง พบว่าขมิ้นชันสามารถยับยั้งการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็งได้
ติดตามซีรีย์ 9 ชุดสมุนไพรดูแลสุขภาพคุณพ่อ/ herb for health's father sereis ทางเพจ FB : สมุนไพรอภัยภูเบศรค่ะ
https://www.facebook.com/abhaiherb/photos/a.136960229702392.26552.136694259728989/782175281847547/
หญ้าปักกิ่ง
ขมิ้นชัน
แม้ว่าในปัจจุบันจะมีสมุนไพรที่มีฤทธิ์ต้านมะเร็งมากมาย แต่อภัยภูเบศรได้คัดเลือกสมุนไพรมา 2 ตัว ที่มีข้อมูลสนับสนุนชัดเจน รวมถึงมีผลบำรุงสุขภาพด้านอื่นๆ โดยรวมของผู้ทานด้วย คือ หญ้าปักกิ่ง และขมิ้นชัน
หญ้าปักกิ่ง มีสารสำคัญที่ออกฤทธิ์ ชื่อ กลัยโคสฟิงโคไลปิดส์ (จี 1 บี) มีฤทธิ์ยับยั้งปานกลางต่อเซลล์มะเร็งเต้านมและลำไส้ใหญ่ มีผลปรับระบบภูมิคุ้มกัน ต้านอนุมูลอิสระ ต้านการอักเสบ มีฤทธิ์ต้านการกลายพันธุ์ของยีนที่เกิดจากสารก่อกลายพันธุ์ชนิดต่างๆ มีฤทธิ์เหนี่ยวนำเอนไซม์ (DT-diaphorase) ซึ่งมีบทบาททำลายสารพิษที่ก่อให้เกิดมะเร็ง เช่น อะฟลาทอกซิน และสามารถลดความรุนแรงของการแพร่กระจายของมะเร็งในหนูได้ จึงคาดว่าสารสกัดดังกล่าวอาจใช้ป้องกันการเกิดมะเร็งได้
นอกจากนี้ยังมีงานวิจัยพบว่าน้ำคั้นหญ้าปักกิ่งช่วยลดผลข้างเคียงในผู้ป่วยที่ได้รับการฉายแสงและเคมีบำบัด เช่น อาการคลื่นไส้ อาเจียน เบื่ออาหาร แผลในปาก ปากแห้ง อ่อนเพลีย ปวดข้อและกล้ามเนื้อ ท้องเสีย ท้องผูก ผมร่วง และอาการไข้
ขมิ้นชัน มีข้อมูลงานวิจัยรับรองว่าเห็นผลดีในการรักษา คือ ด้านการรักษาโรคกระเพาะอาหาร และข้อ เสื่อม อีกทั้งยังถูกนำมาใช้ในการป้องกันมะเร็ง และเป็นสมุนไพรทางเลือกในการรักษามะเร็ง โดยเฉพาะมะเร็งในระบบทางเดินอาหาร ซึ่งมีการศึกษาในหนูทดลอง และในเซลล์มะเร็งของมนุษย์ในหลอดทดลอง พบว่าขมิ้นชันสามารถยับยั้งการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็งได้
ติดตามซีรีย์ 9 ชุดสมุนไพรดูแลสุขภาพคุณพ่อ/ herb for health's father sereis ทางเพจ FB : สมุนไพรอภัยภูเบศรค่ะ
https://www.facebook.com/abhaiherb/photos/a.136960229702392.26552.136694259728989/782175281847547/
1
Add a comment...
ARCOXIA เป็นยาแก้ปวดลดอักเสบที่ออกฤทธิ์เร็วภายในเวลา 24 นาที และมีฤทธิ์นาน 1 วัน จึงกินยานี้เพียงครั้งละ 1 เม็ด วันละครั้ง
ผู้ที่ห้ามใช้ยานี้คือ ผู้ป่วยโรคกระเพาะ ตับ ไต หัวใจ ความดัน หอบหืด
ผู้ที่ต้องการจะตั้งครรภ์ หญิงมีครรภ์ หญิงให้นมบุตร อายุต่ำกว่า 12 ปี
ผู้ที่ต้องใช้ยาด้วยความระมัดระวังคือ ผู้ป่วยความดัน ไขมัน เบาหวาน สูบบุหรี่ ผู้ที่กินยาคุมกำเนิด หรือ ฮอร์โมนเพศหญิงอื่นๆ
ARCOXIA 120 มิลลิกรัม ห้ามใช้เกิน 1 อาทิตย์ และควรใช้ในกรณ๊ ปวดเฉียบพลันเท่านั้น อาทิเช่น ปวดข้อเฉียบพลันจากโรคเก๊าท์ ปวดประจำเดือน ปวดอย่างเฉียบพลันหลังการผ่าตัดทางนรีเวช
ARCOXIA 90 มิลลิกรัม ใช้ในกรณีข้ออักเสบรูมาตอยด์ กระดูกสันหลังยึดติด ปวดหลังการผ่าตัดฟัน ปวดอย่างเฉียบพลันหลังการผ่าตัดฟัน
ARCOXIA 60 มิลิลกรัม ใช้ในกรณีปวดเรื้อรัง ข้อเสื่อม
ปล.ในกรณีของการปวดฟัน ยังมียาตัวอื่นให้เลือก ในราคาที่ย่อมเยาว์กว่า และออกฤทธิ์เร็ว อาทิเช่น NUROFEN ZAVANCE 200 mg หรือ 400 mg, GOFEN 400, PONSTAN 500, IBUGAN หรือแม้แต่ PANADOL ACTIFAST
ผู้ที่ห้ามใช้ยานี้คือ ผู้ป่วยโรคกระเพาะ ตับ ไต หัวใจ ความดัน หอบหืด
ผู้ที่ต้องการจะตั้งครรภ์ หญิงมีครรภ์ หญิงให้นมบุตร อายุต่ำกว่า 12 ปี
ผู้ที่ต้องใช้ยาด้วยความระมัดระวังคือ ผู้ป่วยความดัน ไขมัน เบาหวาน สูบบุหรี่ ผู้ที่กินยาคุมกำเนิด หรือ ฮอร์โมนเพศหญิงอื่นๆ
ARCOXIA 120 มิลลิกรัม ห้ามใช้เกิน 1 อาทิตย์ และควรใช้ในกรณ๊ ปวดเฉียบพลันเท่านั้น อาทิเช่น ปวดข้อเฉียบพลันจากโรคเก๊าท์ ปวดประจำเดือน ปวดอย่างเฉียบพลันหลังการผ่าตัดทางนรีเวช
ARCOXIA 90 มิลลิกรัม ใช้ในกรณีข้ออักเสบรูมาตอยด์ กระดูกสันหลังยึดติด ปวดหลังการผ่าตัดฟัน ปวดอย่างเฉียบพลันหลังการผ่าตัดฟัน
ARCOXIA 60 มิลิลกรัม ใช้ในกรณีปวดเรื้อรัง ข้อเสื่อม
ปล.ในกรณีของการปวดฟัน ยังมียาตัวอื่นให้เลือก ในราคาที่ย่อมเยาว์กว่า และออกฤทธิ์เร็ว อาทิเช่น NUROFEN ZAVANCE 200 mg หรือ 400 mg, GOFEN 400, PONSTAN 500, IBUGAN หรือแม้แต่ PANADOL ACTIFAST
1
Add a comment...
สหัสธาราเป็นยาสูตรตำรับประกอบด้วย สมุนไพร 21 ชนิด ได้แก่ โกฐพุงปลา โกฐก้านพร้าว เทียนตบุษย์ โกฐเขมา เทียนขาว โกศกักกา เทียนดำ รากจิงจ้อใหญ่ มหาหิงค์ เทียนตาตั๊กแตน เทียนแดง เนื้อลูกจันทน์ ดอกจันทน์ การบูร หัสคุณ ตองแตกว่านน้ำ ดอกดีปลี เนื้อลูกสมอไทย รากเจตมูลเพลิงแดง พริกไทยร่อน สรรพคุณของสหัสธารา คล้ายเถาวัลย์เปรียง คือแก้อาการปวดเมื่อย แต่เป็นลักษณะกล้ามเนื้ออักเสบ ขับลมในเส้นเอ็น และแก้ปวดข้อ
ยาแคปซูลสหัสธาราวันละ 1,200มิลลิกรัม เป็นเวลา 7 วัน สามารถลดอาการปวดกล้ามเนื้อบ่าหรือต้นคอได้ไม่แตกต่างกับการใช้ยาไดโคลฟีแนคขนาดวันละ 75 มิลลิกรัม โดยยาจากสมุนไพรจะมีผลข้างเคียงน้อยมาก เมื่อเทียบกับยาที่ผลิตจากเคมี ไม่ระคายเคืองต่อระบบทางเดินอาหาร
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1381227341
ยาแคปซูลสหัสธาราวันละ 1,200มิลลิกรัม เป็นเวลา 7 วัน สามารถลดอาการปวดกล้ามเนื้อบ่าหรือต้นคอได้ไม่แตกต่างกับการใช้ยาไดโคลฟีแนคขนาดวันละ 75 มิลลิกรัม โดยยาจากสมุนไพรจะมีผลข้างเคียงน้อยมาก เมื่อเทียบกับยาที่ผลิตจากเคมี ไม่ระคายเคืองต่อระบบทางเดินอาหาร
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1381227341
1
Add a comment...
แมกนีเซียม ช่วยบรรเทาอาการปวดกล้ามเนื้อ ปวดข้อ และอื่นๆ
ผู้ชายต้องการแมกนีเซียม 400-420 มิลลิกรัม
ในขณะที่ผู้หญิงต้องการแมกนีเซียม 310-320 มิลลิกรัม
ห้ามใช้แมกนีเซียม ในผุ้ป่วยโรคไต หัวใจเต้นช้ากว่าปกติ (heart block)
ห้ามกินแมกนีเซียมร่วมกับยาฆ่าเชื้อ ยาลดความดัน เบาหวาน ธัยรอยด์ ยาโรคหัวใจ
ผู้ที่มีแมกนีเซียมต่ำ ได้แก่ คนที่ดื่มเหล้ามากๆ ดื่มกาแฟ ดื่มน้ำอัดลม กินเค็ม เหงื่อออกมาก มีความเครียดสูง มีประจำเดือนนานหลายวัน
http://www.mmc.co.th/articles/42085872/แมกนีเซียม.html
http://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=maths&group=16
http://www.livestrong.com/article/272189-magnesium-for-muscle-joint-aches/
http://www.huffingtonpost.com/dr-mark-hyman/magnesium-the-most-powerf_b_425499.html
https://www.youtube.com/watch?v=HWxAw1YxC78
ผู้ชายต้องการแมกนีเซียม 400-420 มิลลิกรัม
ในขณะที่ผู้หญิงต้องการแมกนีเซียม 310-320 มิลลิกรัม
ห้ามใช้แมกนีเซียม ในผุ้ป่วยโรคไต หัวใจเต้นช้ากว่าปกติ (heart block)
ห้ามกินแมกนีเซียมร่วมกับยาฆ่าเชื้อ ยาลดความดัน เบาหวาน ธัยรอยด์ ยาโรคหัวใจ
ผู้ที่มีแมกนีเซียมต่ำ ได้แก่ คนที่ดื่มเหล้ามากๆ ดื่มกาแฟ ดื่มน้ำอัดลม กินเค็ม เหงื่อออกมาก มีความเครียดสูง มีประจำเดือนนานหลายวัน
http://www.mmc.co.th/articles/42085872/แมกนีเซียม.html
http://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=maths&group=16
http://www.livestrong.com/article/272189-magnesium-for-muscle-joint-aches/
http://www.huffingtonpost.com/dr-mark-hyman/magnesium-the-most-powerf_b_425499.html
https://www.youtube.com/watch?v=HWxAw1YxC78
1
Add a comment...
คิดสักนิดก่อนสั่งและใช้ยา (ตอนที่ 1)
คุณสมชาย อายุ 68 ปี ซึ่งโดยปกติเป็นคนไข้ความดันเลือดสูง และเบาหวาน แพทย์ผู้รักษาก็อยากช่วยผู้ป่วยให้เดินสะดวก จ่ายยาแก้ปวดข้อเข่าให้ชื่อ Celebrex (celecoxib) รุ่นที่อ้างว่าไม่กัดกระเพาะ ให้รับประทานครั้งละ 1 เม็ด เช้า-เย็น ติดต่อกัน 1 เดือน เวลาล่วงเลยไป 3 สัปดาห์ คุณสมชายเริ่มเจ็บแน่นหน้าอกถี่ๆ หลังจากใช้ยาแก้ปวดเข่าดังกล่าวติดต่อกัน ทำให้คุณสมชายต้องเข้ารับการรักษาตัวฉุกเฉินที่โรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่ง
http://elib.fda.moph.go.th/2008/default.asp?page2=subdetail&id=20981
คุณสมชาย อายุ 68 ปี ซึ่งโดยปกติเป็นคนไข้ความดันเลือดสูง และเบาหวาน แพทย์ผู้รักษาก็อยากช่วยผู้ป่วยให้เดินสะดวก จ่ายยาแก้ปวดข้อเข่าให้ชื่อ Celebrex (celecoxib) รุ่นที่อ้างว่าไม่กัดกระเพาะ ให้รับประทานครั้งละ 1 เม็ด เช้า-เย็น ติดต่อกัน 1 เดือน เวลาล่วงเลยไป 3 สัปดาห์ คุณสมชายเริ่มเจ็บแน่นหน้าอกถี่ๆ หลังจากใช้ยาแก้ปวดเข่าดังกล่าวติดต่อกัน ทำให้คุณสมชายต้องเข้ารับการรักษาตัวฉุกเฉินที่โรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่ง
http://elib.fda.moph.go.th/2008/default.asp?page2=subdetail&id=20981
1
Add a comment...
สิ่งที่ผู้ไข้ต้องปฏิบัติร่วมกับการทานยาคือการงดอาหารแสลงต่อโรค เช่นอาหารที่มีพิวรีนสูง
อันได้แก่
1.เครื่องในสัตว์ทุกชนิด
2.ปลาที่ไม่มีเกล็ด เช่น ปลาดุก ปลาไหล
3.เนื้อสัตว์ปีก เช่น เนื้อไก่ ห่าน เป็ด ร่วมถึงน้ำซุปด้วย
4. ยอดผักที่กำลังอยู่ในช่วงเจริญเติบโต ไม่ว่าจะเป็น ยอดกระถิน ยอดคะน้า ยอดผักกระเฉด ถั่วงอก ถั่วฝักยาว ชะอม หน่อไม้ สะตอ ดอกกะหล่ำ หน่อไม้ฝรั่ง
5.อาหารหมักดอง ยีสต์ ผงฟู ขนมจีนแป้งหมัก หอยดอง ผักดอง ปลาร้า
6.ไม่รับประทานอาหารมันมาก เช่น อาหารที่ทอดอมน้ำมันมาก เนื้อสัตว์ติดมัน เพราะไขมันทำให้ร่างกายขับยูริคได้น้อยลง
7. งดเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ เช่น เหล้า เบียร์ เพราะแอลกอฮอล์ทำให้ยูริคสูงขึ้น
8. สำหรับเรื่องการออกกำลังกาย ขณะที่มีอาการไม่ควรออกกำลังกาย เพราะกล้ามเนื้อทำงานมาก ก็มีสารพิวรีนมากขึ้น และมีการสร้างสาร แลคเตท ทำให้การขับยูริกลดลง ในภาวะปกติที่ไม่มีอาการกำเริบ คือสามารถควบคุมอาการของโรคได้ ก็ออกกำลังกายได้อย่างสม่ำเสมอ ไม่หนักเกินไป เช่น การเดินเร็ว ว่ายน้ำ โยคะ เป็นต้น
9.ดื่มน้ำสะอาด มากๆ วันละ 3 ลิตร เพื่อช่วยการขับถ่ายยูริค
........................................................
โรคเก๊าท์
เกิดจากภาวะที่กรดยูริคในเลือดมีปริมาณสูงเกินไป เกินกว่าที่จะสามารถอยู่ในเลือดในรูปสารละลายได้ จึงมีการตกตะกอนสะสมอยู่ตามที่ต่าง ๆ โดยเฉพาะในที่ที่มีอากาศเย็นกว่าบริเวณอื่น เช่น ตามข้อ ทำให้ข้ออักเสบ หรือ ตามศอก นิ้วติ่งหู ตาตุ่ม หลังเท้าทำให้เกิดปุ้มก้อนเกิดขึ้น
อาการของเก๊าท์ที่สำคัญคือ ข้ออักเสบ มักเกิดที่บริเวณนิ้วหัวแม่เท้า, ข้อเท้า เป็นต้น โดยข้อที่อักเสบ จะบวม แดง ร้อน และปวดมาก ชัดเจน (ถ้าข้อที่ปวด ไม่บวม แดง ร้อน หรือมีอาการไม่ชัดเจนให้สงสัยไว้ ก่อนว่าไม่ใช่เก๊าท์) โดยมากมักเป็นข้อเดียวและมีอาการอักเสบอยู่ประมาณ ๕-๗วัน อาการจะค่อย ๆ ทุเลาไปได้เอง จนหายสนิท ระหว่างที่ไม่มีอาการ จะไม่มีความผิดปกติใด ๆ ให้เห็น เมื่อข้ออักเสบขึ้นใหม่ จะมีอาการเช่นเดิมอีก อาการจะเป็นอย่างนี้ไปเรื่อย ๆ จนกระทั่งเป็นมากขึ้น อาการข้ออักเสบจะเป็นมากขึ้นหลายข้อมากขึ้น เป็นนานและรุนแรงขึ้น รวมทั้งเกิดปุ่มก้อนของยูริค สะสมมากขึ้น ผู้ป่วยระยะนี้มักมีไตวายร่วมด้วย
ผู้ไข้มาหาหมอ เป็นชายวัยกลางคนรูปร่างค่อนข้างสูงใหญ่ เป็นโรคเก๊าต์มา 5- 6 ปี มีอาการปวดที่ข้อเท้าข้าง ได้รับการรักษากับแพทย์แผนปัจจุบันอย่างต่อเนื่อง โดยทานยาลดกรดยูริคและยาลดไขมันในหลอดเลือด ตรวจระดับค่ายูริคแอซิคในเลือด อยู่ที่ 10.4mg./ml. ประวัติเพิ่มเติม บิดาเป็นโรคเก๊าท์ ไม่มีประวัติการผ่าตัด ความดันโลหิตอยู่ในเกณฑ์ปกติ ไม่มีโรคประจำตัวอื่นๆ
หมอวางแผนการรักษาโดย
1. รุเสมหะ ตะกรันของเสียในข้อออก ด้วยยาที่มีฤทธิ์ในการถ่าย
2. รุปิตตะกำเดา ความร้อนที่อยู่ในข้อ ลดการอักเสบ ลดอาการปวด
3. รุวาตะ เพิ่มการไหลเวียนของวาตะและเสมหะในข้อ
หลังจากวางยารักษา 1 เดือนต่อมาผู้ไข้มีอาการดีขึ้น อาการปวดข้อลดลง และได้ตรวจค่ากรดยูริคแอซิคในเลือดพบว่ามีค่าลดลงเหลือ 9.5mg./ml.
แต่อย่างไรก็ตามสิ่งที่ผู้ไข้ต้องปฏิบัติร่วมกับการทานยาคือการงดอาหารแสลงต่อโรค เช่นอาหารที่มีพิวรีนสูง
https://www.facebook.com/orientalmedicinecentre/photos/a.1405113756386379.1073741828.1405021809728907/1639344472963305/
อันได้แก่
1.เครื่องในสัตว์ทุกชนิด
2.ปลาที่ไม่มีเกล็ด เช่น ปลาดุก ปลาไหล
3.เนื้อสัตว์ปีก เช่น เนื้อไก่ ห่าน เป็ด ร่วมถึงน้ำซุปด้วย
4. ยอดผักที่กำลังอยู่ในช่วงเจริญเติบโต ไม่ว่าจะเป็น ยอดกระถิน ยอดคะน้า ยอดผักกระเฉด ถั่วงอก ถั่วฝักยาว ชะอม หน่อไม้ สะตอ ดอกกะหล่ำ หน่อไม้ฝรั่ง
5.อาหารหมักดอง ยีสต์ ผงฟู ขนมจีนแป้งหมัก หอยดอง ผักดอง ปลาร้า
6.ไม่รับประทานอาหารมันมาก เช่น อาหารที่ทอดอมน้ำมันมาก เนื้อสัตว์ติดมัน เพราะไขมันทำให้ร่างกายขับยูริคได้น้อยลง
7. งดเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ เช่น เหล้า เบียร์ เพราะแอลกอฮอล์ทำให้ยูริคสูงขึ้น
8. สำหรับเรื่องการออกกำลังกาย ขณะที่มีอาการไม่ควรออกกำลังกาย เพราะกล้ามเนื้อทำงานมาก ก็มีสารพิวรีนมากขึ้น และมีการสร้างสาร แลคเตท ทำให้การขับยูริกลดลง ในภาวะปกติที่ไม่มีอาการกำเริบ คือสามารถควบคุมอาการของโรคได้ ก็ออกกำลังกายได้อย่างสม่ำเสมอ ไม่หนักเกินไป เช่น การเดินเร็ว ว่ายน้ำ โยคะ เป็นต้น
9.ดื่มน้ำสะอาด มากๆ วันละ 3 ลิตร เพื่อช่วยการขับถ่ายยูริค
........................................................
โรคเก๊าท์
เกิดจากภาวะที่กรดยูริคในเลือดมีปริมาณสูงเกินไป เกินกว่าที่จะสามารถอยู่ในเลือดในรูปสารละลายได้ จึงมีการตกตะกอนสะสมอยู่ตามที่ต่าง ๆ โดยเฉพาะในที่ที่มีอากาศเย็นกว่าบริเวณอื่น เช่น ตามข้อ ทำให้ข้ออักเสบ หรือ ตามศอก นิ้วติ่งหู ตาตุ่ม หลังเท้าทำให้เกิดปุ้มก้อนเกิดขึ้น
อาการของเก๊าท์ที่สำคัญคือ ข้ออักเสบ มักเกิดที่บริเวณนิ้วหัวแม่เท้า, ข้อเท้า เป็นต้น โดยข้อที่อักเสบ จะบวม แดง ร้อน และปวดมาก ชัดเจน (ถ้าข้อที่ปวด ไม่บวม แดง ร้อน หรือมีอาการไม่ชัดเจนให้สงสัยไว้ ก่อนว่าไม่ใช่เก๊าท์) โดยมากมักเป็นข้อเดียวและมีอาการอักเสบอยู่ประมาณ ๕-๗วัน อาการจะค่อย ๆ ทุเลาไปได้เอง จนหายสนิท ระหว่างที่ไม่มีอาการ จะไม่มีความผิดปกติใด ๆ ให้เห็น เมื่อข้ออักเสบขึ้นใหม่ จะมีอาการเช่นเดิมอีก อาการจะเป็นอย่างนี้ไปเรื่อย ๆ จนกระทั่งเป็นมากขึ้น อาการข้ออักเสบจะเป็นมากขึ้นหลายข้อมากขึ้น เป็นนานและรุนแรงขึ้น รวมทั้งเกิดปุ่มก้อนของยูริค สะสมมากขึ้น ผู้ป่วยระยะนี้มักมีไตวายร่วมด้วย
ผู้ไข้มาหาหมอ เป็นชายวัยกลางคนรูปร่างค่อนข้างสูงใหญ่ เป็นโรคเก๊าต์มา 5- 6 ปี มีอาการปวดที่ข้อเท้าข้าง ได้รับการรักษากับแพทย์แผนปัจจุบันอย่างต่อเนื่อง โดยทานยาลดกรดยูริคและยาลดไขมันในหลอดเลือด ตรวจระดับค่ายูริคแอซิคในเลือด อยู่ที่ 10.4mg./ml. ประวัติเพิ่มเติม บิดาเป็นโรคเก๊าท์ ไม่มีประวัติการผ่าตัด ความดันโลหิตอยู่ในเกณฑ์ปกติ ไม่มีโรคประจำตัวอื่นๆ
หมอวางแผนการรักษาโดย
1. รุเสมหะ ตะกรันของเสียในข้อออก ด้วยยาที่มีฤทธิ์ในการถ่าย
2. รุปิตตะกำเดา ความร้อนที่อยู่ในข้อ ลดการอักเสบ ลดอาการปวด
3. รุวาตะ เพิ่มการไหลเวียนของวาตะและเสมหะในข้อ
หลังจากวางยารักษา 1 เดือนต่อมาผู้ไข้มีอาการดีขึ้น อาการปวดข้อลดลง และได้ตรวจค่ากรดยูริคแอซิคในเลือดพบว่ามีค่าลดลงเหลือ 9.5mg./ml.
แต่อย่างไรก็ตามสิ่งที่ผู้ไข้ต้องปฏิบัติร่วมกับการทานยาคือการงดอาหารแสลงต่อโรค เช่นอาหารที่มีพิวรีนสูง
https://www.facebook.com/orientalmedicinecentre/photos/a.1405113756386379.1073741828.1405021809728907/1639344472963305/
1
Add a comment...
อาการที่สำคัญของข้อเข่าเสื่อม ได้แก่ ปวดข้อ ข้อฝืด มีปุ่มกระดูกงอก มีเสียงดังกรอบแกรบเมื่อเคลื่อนไหว หรือเคลื่อนไหวได้ลดลง มักเป็นเรื้อรังและปวดมากขึ้นเมื่อใช้งานในท่างอเข่า การขึ้นลงบันได หรือลงน้ำหนักบนข้อนั้นๆ และทุเลาลงเมื่อพักการใช้งาน หากการดําเนินโรครุนแรงขึ้นอาจปวดตลอดเวลา แม้เวลากลางคืนหรือขณะพัก
การรักษาข้อเข่าเสื่อมแบบไม่ใช้ยา เริ่มแรกจะเกี่ยวกับการปรับพฤติกรรม และการลดน้ำหนัก ส่วนยาที่ใช้จะเป็นยาบรรเทาปวดตามอาการ หรือยาที่มีผลต่อกระดูกอ่อน หรือน้ำไขข้อ เช่น glucosamine
แคลเซียมไม่ได้เป็นยาที่แนะนำให้ใช้ในกรณีเพื่อรักษาหรือป้องกันภาวะข้อเข่าเสื่อม แต่แคลเซียมเป็นยาที่มีประโยชน์ ในกรณีใช้รักษาหรือป้องกันโรคกระดูกพรุน (osteoporosis) ซึ่งเป็นภาวะที่เกิดได้มากขึ้นเพื่ออายุเพิ่มสูงขึ้น และโดยเฉพาะอย่างยิ่งในหญิงวัยหมดประจำเดือน ขนาดแคลเซียมที่แนะนำให้รับประทานแต่ละวันก็จะแตกต่างกันไป โดยทั่วไปปริมาณแคลเซียมที่แนะนำในผู้ใหญ่จะเป็น 800 มิลลิกรัมต่อวัน แต่หากอายุมากกว่า 50 ปี แนะนำเป็น 1,000 มิลลิกรัมต่อวัน
http://www.pharmacy.mahidol.ac.th/dic/qa_full.php?id=3839
การรักษาข้อเข่าเสื่อมแบบไม่ใช้ยา เริ่มแรกจะเกี่ยวกับการปรับพฤติกรรม และการลดน้ำหนัก ส่วนยาที่ใช้จะเป็นยาบรรเทาปวดตามอาการ หรือยาที่มีผลต่อกระดูกอ่อน หรือน้ำไขข้อ เช่น glucosamine
แคลเซียมไม่ได้เป็นยาที่แนะนำให้ใช้ในกรณีเพื่อรักษาหรือป้องกันภาวะข้อเข่าเสื่อม แต่แคลเซียมเป็นยาที่มีประโยชน์ ในกรณีใช้รักษาหรือป้องกันโรคกระดูกพรุน (osteoporosis) ซึ่งเป็นภาวะที่เกิดได้มากขึ้นเพื่ออายุเพิ่มสูงขึ้น และโดยเฉพาะอย่างยิ่งในหญิงวัยหมดประจำเดือน ขนาดแคลเซียมที่แนะนำให้รับประทานแต่ละวันก็จะแตกต่างกันไป โดยทั่วไปปริมาณแคลเซียมที่แนะนำในผู้ใหญ่จะเป็น 800 มิลลิกรัมต่อวัน แต่หากอายุมากกว่า 50 ปี แนะนำเป็น 1,000 มิลลิกรัมต่อวัน
http://www.pharmacy.mahidol.ac.th/dic/qa_full.php?id=3839
1
Add a comment...
"การเกิดโรคข้อสะโพกเสื่อม บางคนอาจเป็นมาตั้งแต่กำเนิด หรือพัฒนาการผิดปกติ เช่น เบ้าสะโพกชันผิดปกติ จะมีปัญหาสะโพกเสื่อมก่อนเวลาเช่น ในวัย 40-50 ปี หรือผู้ที่ข้อสะโพกติดเชื้อตั้งแต่เด็กก็เกิดข้อสะโพกเสื่อมในอายุน้อยได้ นอกจากนี้ ยังมีอีกกลุ่มหนึ่งในผู้ชายพบบ่อย คือเป็นข้อสะโพกเสื่อมร่วมกับอาการกระดูกสันหลังแข็ง ที่เรียกว่าโรค Ankylosing Spondylitis หรือ AS ซึ่งจะเกิดอาการปวดข้อสะโพกในอายุที่น้อยมาก ประมาณว่า 20-30 ปี ส่วนผู้ชายไทยทั่วไป จะเริ่มพบข้อสะโพกขาดเลือดบ่อยขึ้น จากการดื่มเหล้า"
จะมีอาการบริเวณขาหนีบ อาจจะปวดร้าวลงมาหน้าตัก
หลีกเลี่ยงการยกของหนัก วิ่ง กระโดด ลดระดับการออกกำลังกาย ว่ายน้ำจะเป็นการออกกำลังกายที่ดีที่สุด การขึ้นลงบันไดบ่อยๆ การนั่งยองๆ อาจจะทำให้อาการแย่ลง
http://www.prachachat.net/news_detail.php?newsid=1425024649
จะมีอาการบริเวณขาหนีบ อาจจะปวดร้าวลงมาหน้าตัก
หลีกเลี่ยงการยกของหนัก วิ่ง กระโดด ลดระดับการออกกำลังกาย ว่ายน้ำจะเป็นการออกกำลังกายที่ดีที่สุด การขึ้นลงบันไดบ่อยๆ การนั่งยองๆ อาจจะทำให้อาการแย่ลง
http://www.prachachat.net/news_detail.php?newsid=1425024649
ข่าวไลฟ์สไตล์ต่อการใช้ชีวิตยุคใหม่ ทั้งเกร็ดสุขภาพ อาหาร กีฬา ท่องเที่ยว ศิลปวัฒนธรรม บทสัมภาษณ์คนดัง
1
Add a comment...
ประโยชน์ของน้ำมันปลา คือ ช่วยโรคหัวใจขาดเลือด ( Coronary Heart Disease ) ลดไขมันในเลือดชนิดไตรกลีเซอร์ไรด์ ( Triglyceride ) ลดความรุนแรงของโรคปวดข้อ รูมาตอยด์ ( Rhematoid Arthritis ) บำรุงสมอง เพราะเซลล์สมองมีกรดไขมันชนิดนี้มาก จึงช่วยเสริมสร้างเซลล์สมอง
ข้อควรระวัง ผู้ ป่วยที่เป็นโรคเลือดออกได้ง่ายห้ามกิน เช่น ผู้ป่วยที่ได้รับยาต้านเกร็ดเลือด หรือ แอสไพริน ผู้ที่มีเกร็ดเลือดต่ำ, มีจุดเลือดออกตามตัว, มีเส้นเลือดแตกในสมอง, เส้นเลือดแตกในจอตา จากโรคจอตาเสื่อมระยะสุดท้ายในเบาหวาน เป็นต้น
ส่วนคนที่แพ้อาหารทะเล สามารถทานน้ำมันปลาได้ และมีความปลอดภัย
http://www.smartsme.tv/breaking_detail.php?id=10713
ข้อควรระวัง ผู้ ป่วยที่เป็นโรคเลือดออกได้ง่ายห้ามกิน เช่น ผู้ป่วยที่ได้รับยาต้านเกร็ดเลือด หรือ แอสไพริน ผู้ที่มีเกร็ดเลือดต่ำ, มีจุดเลือดออกตามตัว, มีเส้นเลือดแตกในสมอง, เส้นเลือดแตกในจอตา จากโรคจอตาเสื่อมระยะสุดท้ายในเบาหวาน เป็นต้น
ส่วนคนที่แพ้อาหารทะเล สามารถทานน้ำมันปลาได้ และมีความปลอดภัย
http://www.smartsme.tv/breaking_detail.php?id=10713
1
Add a comment...
ขอยกตัวอย่างยาตีกันที่พบบ่อยและทำให้เกิดโทษหรืออันตรายต่อผู้ใช้ยา ดังนี้
๑. การใช้ยาเม็ดคุมกำเนิด ร่วมกับยาอะม็อกซีซิลลิน อาจทำให้ตั้งครรภ์ได้
๒. การใช้ยาลดไขมันในเลือด กลุ่มสแตตินกับยาอีริโทรไมซิน อาจไตวาย
๓. การใช้ยาลดน้ำตาลในเลือด ในโรคเบาหวานกับยาแก้ปวดข้อกลุ่มเอ็นเสด ทำให้ช็อกได้
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1417061271
๑. การใช้ยาเม็ดคุมกำเนิด ร่วมกับยาอะม็อกซีซิลลิน อาจทำให้ตั้งครรภ์ได้
๒. การใช้ยาลดไขมันในเลือด กลุ่มสแตตินกับยาอีริโทรไมซิน อาจไตวาย
๓. การใช้ยาลดน้ำตาลในเลือด ในโรคเบาหวานกับยาแก้ปวดข้อกลุ่มเอ็นเสด ทำให้ช็อกได้
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1417061271
1
Add a comment...
20 ตุลาคม วันกระดูกพรุนโลก "STOP AT ONE” หักครั้งเดียวก็เกินพอ
โรคกระดูกพรุน ไม่ใช่อุบัติเหตุ ป้องกันและบำรุงกระดูกไว้ .....ก่อนสายเกินไป
เพชรสังฆาต....สมุนไพรช่วยเพิ่มมวลกระดูกให้แข็งแรง
มีการศึกษาในสัตว์ทดลองพบว่าเพชรสังฆาตช่วยเสริมสร้างมวลกระดูก จากการที่มีฤทธิ์กระตุ้นเซลล์สร้างกระดูกให้เพิ่มขึ้น และเพิ่มการสร้างคอลลาเจนในเซลล์สร้างกระดูก และยังป้องกันการสูญเสียมวลกระดูกในหนูทดลองที่ถูกตัดรังไข่ เพื่อจำลองให้เกิดสภาวะเหมือนหญิงวัยทอง โดยมีผลเทียบเท่ากับยาแผนปัจจุบัน คือ raloxifene
โดยน่าจะเป็นผลจากการที่ในเพชรสังฆาตพบสารกลุ่ม ไฟโตเอสโตรเจนมาก เนื่องจากในหนูที่ได้รับเพชรสังฆาต พบการเพิ่มขึ้นของระดับเอสโตรเจน และวิตามินดีในเลือด
ข้อดีของเพชรสังฆาต เมื่อเปรียบเทียบกับการให้ฮอร์โมนเอสโตรเจนทดแทน พบว่าเพชรสังฆาต ให้ผลดีทั้งในเรื่องของความหนา ความแข็งแรง และความหนาแน่นมวลกระดูก ขณะที่เอสโตรเจน จะไม่มีผลในเรื่องความหนาแน่นของมวลกระดูก เพชรสังฆาตยังมีฤทธิ์ลดอาการปวด โดยการศึกษาหนึ่ง ทดลองให้รับประทานวันละ 3200 มิลลิกรัม เป็นเวลา 2 เดือน พบว่าให้ผลดีในการลดอาการปวดข้อ
https://www.facebook.com/abhaiherb/photos/a.136960229702392.26552.136694259728989/751629668235442/
โรคกระดูกพรุน ไม่ใช่อุบัติเหตุ ป้องกันและบำรุงกระดูกไว้ .....ก่อนสายเกินไป
เพชรสังฆาต....สมุนไพรช่วยเพิ่มมวลกระดูกให้แข็งแรง
มีการศึกษาในสัตว์ทดลองพบว่าเพชรสังฆาตช่วยเสริมสร้างมวลกระดูก จากการที่มีฤทธิ์กระตุ้นเซลล์สร้างกระดูกให้เพิ่มขึ้น และเพิ่มการสร้างคอลลาเจนในเซลล์สร้างกระดูก และยังป้องกันการสูญเสียมวลกระดูกในหนูทดลองที่ถูกตัดรังไข่ เพื่อจำลองให้เกิดสภาวะเหมือนหญิงวัยทอง โดยมีผลเทียบเท่ากับยาแผนปัจจุบัน คือ raloxifene
โดยน่าจะเป็นผลจากการที่ในเพชรสังฆาตพบสารกลุ่ม ไฟโตเอสโตรเจนมาก เนื่องจากในหนูที่ได้รับเพชรสังฆาต พบการเพิ่มขึ้นของระดับเอสโตรเจน และวิตามินดีในเลือด
ข้อดีของเพชรสังฆาต เมื่อเปรียบเทียบกับการให้ฮอร์โมนเอสโตรเจนทดแทน พบว่าเพชรสังฆาต ให้ผลดีทั้งในเรื่องของความหนา ความแข็งแรง และความหนาแน่นมวลกระดูก ขณะที่เอสโตรเจน จะไม่มีผลในเรื่องความหนาแน่นของมวลกระดูก เพชรสังฆาตยังมีฤทธิ์ลดอาการปวด โดยการศึกษาหนึ่ง ทดลองให้รับประทานวันละ 3200 มิลลิกรัม เป็นเวลา 2 เดือน พบว่าให้ผลดีในการลดอาการปวดข้อ
https://www.facebook.com/abhaiherb/photos/a.136960229702392.26552.136694259728989/751629668235442/
1
Add a comment...
แนวโน้มของการใช้ประโยชน์จากขิงทางยา
แก้หวัด
ช่วยย่อย
แก้คลื่นไส้อาเจียน
โรคหัวใจและหลอดเลือด
โรคแผลในกระเพาะอาหาร
แก้ปวดข้อ
แก้ปวดประจำเดือน
ต้านอนุมูลอิสระช่วยชะลอความชราของเซลล์
http://www.doctor.or.th/article/detail/2592
แก้หวัด
ช่วยย่อย
แก้คลื่นไส้อาเจียน
โรคหัวใจและหลอดเลือด
โรคแผลในกระเพาะอาหาร
แก้ปวดข้อ
แก้ปวดประจำเดือน
ต้านอนุมูลอิสระช่วยชะลอความชราของเซลล์
http://www.doctor.or.th/article/detail/2592
1
Add a comment...
ประโยชน์ของน้ำมันปลา
ลดระดับของไตรกลีเซอร์ไรด์ในเลือด และเพิ่มระดับของเอชดีแอลโคเลสเตอรอล ซึ่งเป็นไขมันที่ดี
ป้องกันการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือด โดยลดการเกาะตัวกันของเกล็ดเลือด ทำให้เลือดไม่เกาะตัวเป็นลิ่ม เลือดจึงไหลเวียนได้ดีขึ้น
ลดความดันโลหิต
บรรเทาอาการอักเสบ ปวด บวมของโรคปวดข้ออักเสบรูมาตอยด์
บำรุงระบบประสาทและสมอง ทำให้ความจำและความสามารถในการเรียนรู้เพิ่มมากขึ้น
ลดการอักเสบของโรคสะเก็ดเงินหรือโรคเรื้อนกวาง
http://www.thaihealth.or.th/healthcontent/article/17557
ลดระดับของไตรกลีเซอร์ไรด์ในเลือด และเพิ่มระดับของเอชดีแอลโคเลสเตอรอล ซึ่งเป็นไขมันที่ดี
ป้องกันการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือด โดยลดการเกาะตัวกันของเกล็ดเลือด ทำให้เลือดไม่เกาะตัวเป็นลิ่ม เลือดจึงไหลเวียนได้ดีขึ้น
ลดความดันโลหิต
บรรเทาอาการอักเสบ ปวด บวมของโรคปวดข้ออักเสบรูมาตอยด์
บำรุงระบบประสาทและสมอง ทำให้ความจำและความสามารถในการเรียนรู้เพิ่มมากขึ้น
ลดการอักเสบของโรคสะเก็ดเงินหรือโรคเรื้อนกวาง
http://www.thaihealth.or.th/healthcontent/article/17557
1
Add a comment...
10 ลีลาพิชิตอาการปวดข้อ เอ็นและกล้ามเนื้อ จากการทำงาน (Office syndrome)
From the album:Timeline Photos
By คลินิกกายภาพบำบัดนครเชียงใหม่
https://www.facebook.com/photo.php?fbid=197537393735430&set=a.196004967222006.1073741828.195792763909893
From the album:Timeline Photos
By คลินิกกายภาพบำบัดนครเชียงใหม่
https://www.facebook.com/photo.php?fbid=197537393735430&set=a.196004967222006.1073741828.195792763909893
1
Add a comment...
โรคไต ป้องกันได้ ไต - เส้นทางสุขภาพ -http://www.yourhealthyguide.com/article/ak-kidney-prevent.html
ยาแก้ปวดข้อ ปวดเส้น ปวดกล้ามเนื้อ ซึ่งมักจะเป็นยาในกลุ่ม “ยาเอ็นเสด (NSAIDs)” ซึ่งเป็นยาลดการอักเสบที่มีฤทธิ์แรงมาก แม้แต่ยาแก้อักเสบฆ่าเชื้อ ถ้าใช้ไม่ถูกวิธีหรือมีการแพ้ยา ก็อาจเกิดอันตรายต่อไตได้ เช่น ซัลฟาอาจตกตะกอนในไตทำให้ปัสสาวะไม่ออกได้ ผู้ที่มีการทำงานของไตบกพร่อง จะต้องลดขนาดยาแก้อักเสบลง ดังนั้นควรปรึกษาหมอก่อนทุกครั้งที่กินยากลุ่มนี้ โดยเฉพาะผู้ที่เป็นโรคไต แม้แต่ยาแก้ปวดชนิดที่เป็นแอสไพริน และพาราเซตามอล หากใช้ติดต่อกันเกิน 10 วันอาจทำให้ไตเสื่อมได้
ยาแก้ปวดข้อ ปวดเส้น ปวดกล้ามเนื้อ ซึ่งมักจะเป็นยาในกลุ่ม “ยาเอ็นเสด (NSAIDs)” ซึ่งเป็นยาลดการอักเสบที่มีฤทธิ์แรงมาก แม้แต่ยาแก้อักเสบฆ่าเชื้อ ถ้าใช้ไม่ถูกวิธีหรือมีการแพ้ยา ก็อาจเกิดอันตรายต่อไตได้ เช่น ซัลฟาอาจตกตะกอนในไตทำให้ปัสสาวะไม่ออกได้ ผู้ที่มีการทำงานของไตบกพร่อง จะต้องลดขนาดยาแก้อักเสบลง ดังนั้นควรปรึกษาหมอก่อนทุกครั้งที่กินยากลุ่มนี้ โดยเฉพาะผู้ที่เป็นโรคไต แม้แต่ยาแก้ปวดชนิดที่เป็นแอสไพริน และพาราเซตามอล หากใช้ติดต่อกันเกิน 10 วันอาจทำให้ไตเสื่อมได้
หลายคนคงคิดนะครับว่าชีวิตนี้มีกรรมที่ต้องคอยไปฟอกไต ล้างไต หรือขนาดต้องเปลี่ยนไต เพราะเมื่อไตสูญเสียประสิทธิภาพการ ทำงานไป เราก็จำเป็นต้องหาวิธีอื่นๆ มาพยุงไตให้สามารถทำหน้าที่ต่อไปได้ เพื่อต่อชีวิตของเจ้าของไตนั้น ไต มีหน้าที่อะไร ...
1
Add a comment...
ยาที่มีผลกระทบต่อโรคไตโดยตรงคือ
1.ยาแก้ปวดข้อ เช่น ข้อเสื่อม ข้ออักเสบ หรือยากลุ่ม NSAID หรือยาต้านการอักเสบ จะทำให้เลือดไปเลี้ยงไตน้อยลง ทำให้ไตเสื่อม
2.ยาไข้หวัด ลดน้ำมูก ซึ่งกินแล้วง่วง น้ำมูกแห้ง จะส่งผลให้ความดันขึ้น ทำให้ไตแย่ลง และ
3.ยาโรคความดัน ก็มีผลให้เลือดไปเลี้ยงไตน้อยลงเช่นกัน อย่างไรก็ตาม ยาโรคความดันจำเป็นต้องกิน เพราะหากไม่กินควบคุมความดัน อาการความดันสูงก็จะส่งผลต่อไตเช่นกัน คือเป็นยาที่ไม่ว่ากินหรือไม่กินก็มีผลกระทบต่อไต ดังนั้น การกินยาต่างๆ โดยเฉพาะยาความดันจะต้องอยู่ในการดูแลของแพทย์ และผู้ป่วยต้องสังเกตอาการหากกินยาแล้วเวลาลุกขึ้นเกิดอาการวิงเวียน แสดงว่าความดันต่ำ คือมีการกินยามากเกินไป ต้องลดปริมาณยาลง
ส่วนยาบำรุง อาหารเสริมต่างๆ คนเป็นโรคไตควรปรึกษาแพทย์ก่อนว่ากินได้หรือไม่
หมายเหตุ ทำไมคนสูงอายุในปัจจุบัน ถึงเป็นโรคไตกันมาก ก็เพราะในอดีตมีการใช้ยาทัมใจ บวดหาย กันอย่างพร่ำเพรื่อ รวมทั้งการใช้ยายอดฮิตอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นซัลฟา เฟนิลบิวตาโซน กาน่า เจนต้า รวมทั้งทีซี-มัยซิน หรือ กาโน่ ที่หมดอายุ จะเป็นพิษต่อไตเป็นอย่างมากและส่งผลเมื่ออายุมากขึ้น
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมที่
https://www.doctor.or.th/article/detail/5948
http://www.manager.co.th/QOL/ViewNews.aspx?NewsID=9570000028748
1.ยาแก้ปวดข้อ เช่น ข้อเสื่อม ข้ออักเสบ หรือยากลุ่ม NSAID หรือยาต้านการอักเสบ จะทำให้เลือดไปเลี้ยงไตน้อยลง ทำให้ไตเสื่อม
2.ยาไข้หวัด ลดน้ำมูก ซึ่งกินแล้วง่วง น้ำมูกแห้ง จะส่งผลให้ความดันขึ้น ทำให้ไตแย่ลง และ
3.ยาโรคความดัน ก็มีผลให้เลือดไปเลี้ยงไตน้อยลงเช่นกัน อย่างไรก็ตาม ยาโรคความดันจำเป็นต้องกิน เพราะหากไม่กินควบคุมความดัน อาการความดันสูงก็จะส่งผลต่อไตเช่นกัน คือเป็นยาที่ไม่ว่ากินหรือไม่กินก็มีผลกระทบต่อไต ดังนั้น การกินยาต่างๆ โดยเฉพาะยาความดันจะต้องอยู่ในการดูแลของแพทย์ และผู้ป่วยต้องสังเกตอาการหากกินยาแล้วเวลาลุกขึ้นเกิดอาการวิงเวียน แสดงว่าความดันต่ำ คือมีการกินยามากเกินไป ต้องลดปริมาณยาลง
ส่วนยาบำรุง อาหารเสริมต่างๆ คนเป็นโรคไตควรปรึกษาแพทย์ก่อนว่ากินได้หรือไม่
หมายเหตุ ทำไมคนสูงอายุในปัจจุบัน ถึงเป็นโรคไตกันมาก ก็เพราะในอดีตมีการใช้ยาทัมใจ บวดหาย กันอย่างพร่ำเพรื่อ รวมทั้งการใช้ยายอดฮิตอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นซัลฟา เฟนิลบิวตาโซน กาน่า เจนต้า รวมทั้งทีซี-มัยซิน หรือ กาโน่ ที่หมดอายุ จะเป็นพิษต่อไตเป็นอย่างมากและส่งผลเมื่ออายุมากขึ้น
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมที่
https://www.doctor.or.th/article/detail/5948
http://www.manager.co.th/QOL/ViewNews.aspx?NewsID=9570000028748
ยากับโรคไต เป็นที่รู้กันอยู่แล้วว่ายานั้นมีคุณค่ามหาศาล ถ้าเราใช้ให้ถูกวิธี จะใช้บำบัดโรคได้หลายชนิด โดยไม่มีโทษภัยหรือมีน้อย แต่บ้านเราการที่ประชาชนมีเสรีในการซื้อยาใช้เองได้สารพัดชนิด โดยที่ไม
1
Add a comment...
มีเสียงในหูเกิดขึ้นมาแทนที่ เป็นเสียงคล้าย ๆ เครื่องบินเจ็ท เวลาเรานั่งเครื่องบินจะได้ยินเสียงแบบนั้น นอกจากนั้นก็เป็นเสียงคล้าย ๆ จิ้งหรีดเรไรร้องอยู่ไกล ๆ เป็นแบบนี้ตลอด ๒๔ ชั่วโมง
อาการแบบนี้ทำให้เครียดจัดเลยครับ เมื่อรู้ว่ามันมีอาการแบบนี้ก็ไปหาหมอ ตรวจพบวา่าการฟังเสื่อมลงมากในหูข้างขวา หมอพยายามจัดยารักษาแบบฉุกเฉิน เป็นยาขยายหลอดเลือดฝอยในสมอง ยากระตุ้นการทำงานของสมองและประสาทการรับฟังที่เส้นเลือดฝอยที่ไปหล่อเลี้ยงมันตีบ ยาลดความดันโลหิต เนื่องจากตรวจพบว่าความดันผมอยู่ที่ ๑๘๐/๘๔ หัวใจเต้น ๘๐ ครั้ง/นาที
ผมไม่รู้มาก่อนว่าความดันสูง เนื่องจากก่อนหน้านั้นสองปีเคยวัดอยู่ที่ ๑๔๐/๗๐ ซึ่งยังอยู่ในเกณฑ์ปกติ ค่อนข้างสูง
อาการแบบนี้ทำให้เครียดจัดเลยครับ เมื่อรู้ว่ามันมีอาการแบบนี้ก็ไปหาหมอ ตรวจพบวา่าการฟังเสื่อมลงมากในหูข้างขวา หมอพยายามจัดยารักษาแบบฉุกเฉิน เป็นยาขยายหลอดเลือดฝอยในสมอง ยากระตุ้นการทำงานของสมองและประสาทการรับฟังที่เส้นเลือดฝอยที่ไปหล่อเลี้ยงมันตีบ ยาลดความดันโลหิต เนื่องจากตรวจพบว่าความดันผมอยู่ที่ ๑๘๐/๘๔ หัวใจเต้น ๘๐ ครั้ง/นาที
ผมไม่รู้มาก่อนว่าความดันสูง เนื่องจากก่อนหน้านั้นสองปีเคยวัดอยู่ที่ ๑๔๐/๗๐ ซึ่งยังอยู่ในเกณฑ์ปกติ ค่อนข้างสูง
ปั่นจักรยานหนีโรคร้าย จากอดีตผมเคยเกือบพิการเป็นอัมพฤกษ์ อัมพาต เมื่อเส้นเลือดฝอยในสมองมันตีบเนื่องจากความดันโลหิตสูงมาก ทำให้เล้นเลือดเริ่มแข็งตีบลง เมื่อเกร็ดเลือดไปอุดตันจึงทำให้หูดับ การทรงตัวเสียไปบ้าง การพื้นฟูร่างกายและจิตใจเป็นเรื่องที่ต้องจริงจังอย่างมาก หาไม่แล้วคงไม่มีวันนี้
เมื่อปี พ.ศ. ๒๕๔๓ ขณะที่ผมขับรถอยู่ก็เกิดหูดับไปทันทีทันใดแบบปิดสวิทช์ ผมตกใจมาก เพราะเสียงมันผิดไปหมด รถที่เสียงเงียบ ๆ กลับดั่งก๊อกแก๊ก ๆ ๆ ความถี่บางช่วงที่ก่อนหน้านั้นหูคนไม่ได้ยินกลับได้ยินชัดมากขึ้น เป็นกับหูข้างซ้าย แต่หูข้างขวาดับไปเลย แทบไม่ได้ยินเสียง
ผมไม่แน่ใจว่าเกิดอะไรขึ้น ลงไปเปิดฝาโปรงรถดูเครื่องยนต์ก็ปกติ เมื่อกลับขึ้นมานั่งตำแหน่งคนขับพูดกับพ่อที่นั่งข้าง ๆ ปรากฏว่าผมไม่ได้ยินเสียงพ่อผมพูดตอบมา
เหตุเกิดแถว ๆ ทางขนานใต้ทางด่วนเอกมัย-รามอินทรา ใกล้เขตวังทองหลาง ผมก็พยายามขับรถกลับบ้านบางกะปิ อาบน้ำ พบว่าน้ำฝักบัวเสียงดังเหมือนน้ำตก มอเตอร์ไซค์ที่วิ่งในซอยเสียงดังเหมือนเฮลิคอปเตอร์ แต่เป็นเสียงที่ผิดเพี้ยนไปหมด ดังมากแบบนั้นอยู่ครึ่งวันก็กลับกลายเป็นเงียบ ไม่ได้ยินเสียงอีกเลย
มีเสียงในหูเกิดขึ้นมาแทนที่ เป็นเสียงคล้าย ๆ เครื่องบินเจ็ท เวลาเรานั่งเครื่องบินจะได้ยินเสียงแบบนั้น นอกจากนั้นก็เป็นเสียงคล้าย ๆ จิ้งหรีดเรไรร้องอยู่ไกล ๆ เป็นแบบนี้ตลอด ๒๔ ชั่วโมง
อาการแบบนี้ทำให้เครียดจัดเลยครับ เมื่อรู้ว่ามันมีอาการแบบนี้ก็ไปหาหมอ ตรวจพบวา่าการฟังเสื่อมลงมากในหูข้างขวา หมอพยายามจัดยารักษาแบบฉุกเฉิน เป็นยาขยายหลอดเลือดฝอยในสมอง ยากระตุ้นการทำงานของสมองและประสาทการรับฟังที่เส้นเลือดฝอยที่ไปหล่อเลี้ยงมันตีบ ยาลดความดันโลหิต เนื่องจากตรวจพบว่าความดันผมอยู่ที่ ๑๘๐/๘๔ หัวใจเต้น ๘๐ ครั้ง/นาที
ผมไม่รู้มาก่อนว่าความดันสูง เนื่องจากก่อนหน้านั้นสองปีเคยวัดอยู่ที่ ๑๔๐/๗๐ ซึ่งยังอยู่ในเกณฑ์ปกติ ค่อนข้างสูง
ด้วยความประมาทช่วงนั้นทำงานสื่อสารมวลชน มีงานสังสรรค์มากมาย มีแอลกอฮอล์ มีอาหารที่ไม่เหมาะสมอีกด้วย
นอกจากหูผิดปกติเวลาเดินก็ผิดปกตินิดหน่อย เวลาออกไปอยู่กลางแดดสักครู่จะหูอื้อดังหึ่ง ๆ เหมือนเอาหัวไปซุกรังผึ้ง หน้ามืด ต้องนั่งลงไม่งั้นจะล้ม
ผมจึงไปพักฟื้นร่างกายที่บ้านเกิด อ.ปง จ.พะเยา หมอให้นอนนิ่ง ๆ ในช่วงฟื้นฟูสมองด้วยยาที่กินแล้วง่วงมาก ๆ กินยาแล้วหลับทั้งวัน เป็นแบบนี้อาทิตย์หนึ่งกลับไปหาหมอ ตรวจดูมันไม่ฟื้นคืนสภาพเลย
ก็รับยามา เป็นแบบนี้อยู่นานหลายเดือนจนผมคิดว่าน่าจะสู้ด้วยการออกกำลังกาย เพื่อปรับสภาพการทำงานของปอด หัวใจ กล้ามเนื้อให้เส้นเลือดฝอยโล่ง
จึงเริ่มออกกำลังการด้วยการเดิน เดินเร็วอยู่นานหลายอาทิตย์ จากการที่ละเลยทำให้ปวดข้อเข่า ข้อสะโพกเมื่อไปวิ่งจ๊อกกิ้ง วิ่งเบา ๆ ก็ไม่ได้ มันปวด ก็กลับมาเดินต่ออีกสามเดือน จนเดินได้ดีแล้ว ได้เหงื่อทุก ๆ วัน
จากนั้นก็เริ่มอ่านข้อมูลในอินเตอร์เน็ทพบว่าการปั่นจักรยานแบบแอโรบิคคือปั่นเรื่อย ๆ สม่ำเสมอนานเป็นชั่วโมง ๆ จะสามารถปรับสภาพกล้ามเนื้อ การทำงานของปอด การทำงานของหัวใจให้ดีขึ้น โล่ง และหลอดเลือดฝอยเพิ่มมากขึ้นได้
ผมก็ไปซื้อจักรยานมาฝึกปั่นบนเทรนเนอร์ โดยยึดจักรยานไว้ เป็นแท่นเสมือนขี่จักรยานเมาเทนไบค์จริง ๆ คือสามารถเพิ่มความหนืดที่ล้อหลังได้ด้วย และเมื่อเปลี่ยนสปีดเป็นแบบต่าง ๆ ตามโปรแกรมการฝึกผมก็พบว่าเป็นการออกกำลังกายที่ปลอดภัยมีประสิทธิภาพสูงมาก
ระยะแรก ๆ ปั่นแบบพัฒนากล้ามเนื้อและข้อเข่า ปั่นเรื่อย ๆ อยู่เป็นเดือน จนเข้าสู่โปรแกรมการออกกำลังเพื่อเตรียมความพร้อมไปสู่การปั่นแบบกีฬา คือต้องปรับกล้ามเนื้อ ข้อเข่า ปอด หัวใจให้สมบูรณ์เต็มที่เสียก่อน
ไม่ใช่อยู่ ๆ ซื้อจักรยานมาแล้วปั่นจ้ำสุด ๆ ไปตั้งแต่แรก ๆ การทำแบบนั้นจะได้ผลตรงข้าม คือบาดเจ็บที่ข้อเข่า กล้ามเนื้อรับไม่ไหว ปอดและหัวใจทำงานไม่ทัน การใช้ออกซิเจนไม่มีประสิทธิภาพ อาจหน้ามืดเป็นลมล้มลงตายได้ง่าย ๆ
ผมใช้เวลาเตรียมร่างกายอยู่ ๑ ปี จึงออกไปปั่นถนนครับ
ลองดูภาพ ก่อนปั่นน้ำหนักตัวผมเกินไปมาก ภาพแรกหลังจากปรับสภาพร่างกายปั่นอยู่กับที่มา ๑ ปี ก็เริ่มออกถนน ร่างกายแข็งแรงขึ้นมากแล้ว แต่ยังไม่เต็มที่ จึงปั่นต่อไปอีก ๓ ปี โดยช่วงหลัง ๆ สลับไปปั่นรถเสือหมอบด้วยครับ
เมื่อปี พ.ศ. ๒๕๔๓ ขณะที่ผมขับรถอยู่ก็เกิดหูดับไปทันทีทันใดแบบปิดสวิทช์ ผมตกใจมาก เพราะเสียงมันผิดไปหมด รถที่เสียงเงียบ ๆ กลับดั่งก๊อกแก๊ก ๆ ๆ ความถี่บางช่วงที่ก่อนหน้านั้นหูคนไม่ได้ยินกลับได้ยินชัดมากขึ้น เป็นกับหูข้างซ้าย แต่หูข้างขวาดับไปเลย แทบไม่ได้ยินเสียง
ผมไม่แน่ใจว่าเกิดอะไรขึ้น ลงไปเปิดฝาโปรงรถดูเครื่องยนต์ก็ปกติ เมื่อกลับขึ้นมานั่งตำแหน่งคนขับพูดกับพ่อที่นั่งข้าง ๆ ปรากฏว่าผมไม่ได้ยินเสียงพ่อผมพูดตอบมา
เหตุเกิดแถว ๆ ทางขนานใต้ทางด่วนเอกมัย-รามอินทรา ใกล้เขตวังทองหลาง ผมก็พยายามขับรถกลับบ้านบางกะปิ อาบน้ำ พบว่าน้ำฝักบัวเสียงดังเหมือนน้ำตก มอเตอร์ไซค์ที่วิ่งในซอยเสียงดังเหมือนเฮลิคอปเตอร์ แต่เป็นเสียงที่ผิดเพี้ยนไปหมด ดังมากแบบนั้นอยู่ครึ่งวันก็กลับกลายเป็นเงียบ ไม่ได้ยินเสียงอีกเลย
มีเสียงในหูเกิดขึ้นมาแทนที่ เป็นเสียงคล้าย ๆ เครื่องบินเจ็ท เวลาเรานั่งเครื่องบินจะได้ยินเสียงแบบนั้น นอกจากนั้นก็เป็นเสียงคล้าย ๆ จิ้งหรีดเรไรร้องอยู่ไกล ๆ เป็นแบบนี้ตลอด ๒๔ ชั่วโมง
อาการแบบนี้ทำให้เครียดจัดเลยครับ เมื่อรู้ว่ามันมีอาการแบบนี้ก็ไปหาหมอ ตรวจพบวา่าการฟังเสื่อมลงมากในหูข้างขวา หมอพยายามจัดยารักษาแบบฉุกเฉิน เป็นยาขยายหลอดเลือดฝอยในสมอง ยากระตุ้นการทำงานของสมองและประสาทการรับฟังที่เส้นเลือดฝอยที่ไปหล่อเลี้ยงมันตีบ ยาลดความดันโลหิต เนื่องจากตรวจพบว่าความดันผมอยู่ที่ ๑๘๐/๘๔ หัวใจเต้น ๘๐ ครั้ง/นาที
ผมไม่รู้มาก่อนว่าความดันสูง เนื่องจากก่อนหน้านั้นสองปีเคยวัดอยู่ที่ ๑๔๐/๗๐ ซึ่งยังอยู่ในเกณฑ์ปกติ ค่อนข้างสูง
ด้วยความประมาทช่วงนั้นทำงานสื่อสารมวลชน มีงานสังสรรค์มากมาย มีแอลกอฮอล์ มีอาหารที่ไม่เหมาะสมอีกด้วย
นอกจากหูผิดปกติเวลาเดินก็ผิดปกตินิดหน่อย เวลาออกไปอยู่กลางแดดสักครู่จะหูอื้อดังหึ่ง ๆ เหมือนเอาหัวไปซุกรังผึ้ง หน้ามืด ต้องนั่งลงไม่งั้นจะล้ม
ผมจึงไปพักฟื้นร่างกายที่บ้านเกิด อ.ปง จ.พะเยา หมอให้นอนนิ่ง ๆ ในช่วงฟื้นฟูสมองด้วยยาที่กินแล้วง่วงมาก ๆ กินยาแล้วหลับทั้งวัน เป็นแบบนี้อาทิตย์หนึ่งกลับไปหาหมอ ตรวจดูมันไม่ฟื้นคืนสภาพเลย
ก็รับยามา เป็นแบบนี้อยู่นานหลายเดือนจนผมคิดว่าน่าจะสู้ด้วยการออกกำลังกาย เพื่อปรับสภาพการทำงานของปอด หัวใจ กล้ามเนื้อให้เส้นเลือดฝอยโล่ง
จึงเริ่มออกกำลังการด้วยการเดิน เดินเร็วอยู่นานหลายอาทิตย์ จากการที่ละเลยทำให้ปวดข้อเข่า ข้อสะโพกเมื่อไปวิ่งจ๊อกกิ้ง วิ่งเบา ๆ ก็ไม่ได้ มันปวด ก็กลับมาเดินต่ออีกสามเดือน จนเดินได้ดีแล้ว ได้เหงื่อทุก ๆ วัน
จากนั้นก็เริ่มอ่านข้อมูลในอินเตอร์เน็ทพบว่าการปั่นจักรยานแบบแอโรบิคคือปั่นเรื่อย ๆ สม่ำเสมอนานเป็นชั่วโมง ๆ จะสามารถปรับสภาพกล้ามเนื้อ การทำงานของปอด การทำงานของหัวใจให้ดีขึ้น โล่ง และหลอดเลือดฝอยเพิ่มมากขึ้นได้
ผมก็ไปซื้อจักรยานมาฝึกปั่นบนเทรนเนอร์ โดยยึดจักรยานไว้ เป็นแท่นเสมือนขี่จักรยานเมาเทนไบค์จริง ๆ คือสามารถเพิ่มความหนืดที่ล้อหลังได้ด้วย และเมื่อเปลี่ยนสปีดเป็นแบบต่าง ๆ ตามโปรแกรมการฝึกผมก็พบว่าเป็นการออกกำลังกายที่ปลอดภัยมีประสิทธิภาพสูงมาก
ระยะแรก ๆ ปั่นแบบพัฒนากล้ามเนื้อและข้อเข่า ปั่นเรื่อย ๆ อยู่เป็นเดือน จนเข้าสู่โปรแกรมการออกกำลังเพื่อเตรียมความพร้อมไปสู่การปั่นแบบกีฬา คือต้องปรับกล้ามเนื้อ ข้อเข่า ปอด หัวใจให้สมบูรณ์เต็มที่เสียก่อน
ไม่ใช่อยู่ ๆ ซื้อจักรยานมาแล้วปั่นจ้ำสุด ๆ ไปตั้งแต่แรก ๆ การทำแบบนั้นจะได้ผลตรงข้าม คือบาดเจ็บที่ข้อเข่า กล้ามเนื้อรับไม่ไหว ปอดและหัวใจทำงานไม่ทัน การใช้ออกซิเจนไม่มีประสิทธิภาพ อาจหน้ามืดเป็นลมล้มลงตายได้ง่าย ๆ
ผมใช้เวลาเตรียมร่างกายอยู่ ๑ ปี จึงออกไปปั่นถนนครับ
ลองดูภาพ ก่อนปั่นน้ำหนักตัวผมเกินไปมาก ภาพแรกหลังจากปรับสภาพร่างกายปั่นอยู่กับที่มา ๑ ปี ก็เริ่มออกถนน ร่างกายแข็งแรงขึ้นมากแล้ว แต่ยังไม่เต็มที่ จึงปั่นต่อไปอีก ๓ ปี โดยช่วงหลัง ๆ สลับไปปั่นรถเสือหมอบด้วยครับ
น้ำมันปลา(Fish oil) น้ำมันปลาเป็นสารอาหารประเภทไขมัน ซึ่งประกอบด้วย กรดไขมันในกลุ่ม โอเมก้า-3 (Omega-3-polyunsaturated fatty acid) ซึ่งมีกรดไขมันหลักๆ อยู่สองตัว คือ EPA (Eicosapentaenoic Acid) และ DHA (Docosahexaenoic Acid)
จากการศึกษาพบว่าEPA(Eicosapentaenoic Acid) มีคุณสมบัติในการลดอาการอักเสบ อาการตึงแน่น และอาการข้อยึดตอนเช้า ในผู้ป่วยที่มีอาการข้อเสื่อม และข้ออักเสบรูมาตอยด์ เนื่องจาก EPA สามารถลดสารที่ก่อให้เกิดอาการอักเสบ ปวด บวมข้อ คือ Interleukin 1(IL-1) และ Tumer necrosis factor (TNF) นอกจากนั้นยังช่วยเพิ่มการสร้างสาร Prostaglandin E3 (PGE3) ซึ่งเป็นสารที่มีคุณสมบัติทำให้อาการอักเสบต่างๆ ของข้อลดลงได้
นอกจากนี้ก็ยังมีรายงานถึงผลดีสำหรับผู้ป่วยโรคข้อรูมาตอยด์ ในผลวิจัย Validation of Meta—Analysis ที่เกี่ยวกับการใช้น้ำมันปลาในคนที่เป็นโรคข้อรูมาตอยด์ จาก 10 การศึกษา พบว่าน้ำมันปลาสามารถช่วยลดอาการอาการตึงแน่น และอาการข้อยึดในตอนเช้าได้ โดยขนาดในการรับประทานน้ำมันปลา คือ วันละ 3,000-6,000 มิลลิกรัม
จากการศึกษาพบว่าEPA(Eicosapentaenoic Acid) มีคุณสมบัติในการลดอาการอักเสบ อาการตึงแน่น และอาการข้อยึดตอนเช้า ในผู้ป่วยที่มีอาการข้อเสื่อม และข้ออักเสบรูมาตอยด์ เนื่องจาก EPA สามารถลดสารที่ก่อให้เกิดอาการอักเสบ ปวด บวมข้อ คือ Interleukin 1(IL-1) และ Tumer necrosis factor (TNF) นอกจากนั้นยังช่วยเพิ่มการสร้างสาร Prostaglandin E3 (PGE3) ซึ่งเป็นสารที่มีคุณสมบัติทำให้อาการอักเสบต่างๆ ของข้อลดลงได้
นอกจากนี้ก็ยังมีรายงานถึงผลดีสำหรับผู้ป่วยโรคข้อรูมาตอยด์ ในผลวิจัย Validation of Meta—Analysis ที่เกี่ยวกับการใช้น้ำมันปลาในคนที่เป็นโรคข้อรูมาตอยด์ จาก 10 การศึกษา พบว่าน้ำมันปลาสามารถช่วยลดอาการอาการตึงแน่น และอาการข้อยึดในตอนเช้าได้ โดยขนาดในการรับประทานน้ำมันปลา คือ วันละ 3,000-6,000 มิลลิกรัม
MEGA We care : Family Health Expert : เมก้าวีแคร์ ผู้เชี่ยวชาญด้านยา ผลิตภัณฑ์ยา วิตามิน สารอาหารจากธรรมชาติ มาตรฐาน GMP Vitamins Natural food Supplements Pharmaceutical Thailand
1
Add a comment...
กลูโคซามีน (glucosamine) นำไปใช้เป็นสารตั้งต้นในการสร้างสารขนาดโมเลกุลใหญ่ เช่น โปรตีโอไกลแคน, ไกลโคโปรตีน (glycoprotein), ไกลโคสามิโนไกลแคน (glycosaminoglycan), กรดไฮยาลูโรนิก (hyaluronic acid) สารเหล่านี้เป็นส่วนประกอบในเนื้อเยื่อเกือบทุกชนิดของร่างกาย โดยจะพบได้มากที่กระดูกอ่อน (cartilage)ซึ่งจะอยู่ที่บริเวณส่วนปลายของกระดูกโดยเฉพาะที่ข้อต่อ กระดูกอ่อนนั้นประกอบด้วยเมทริกซ์ของเส้นใยคอลลาเจนที่มีโปรตีโอไกลแคนอยู่ภายใน โดยโปรตีโอไกลแคนเป็นสารโมเลกุลใหญ่ที่มีความสามารถในการดึงน้ำเข้ามาหาตัวเองได้ดี จึงทำให้กระดูกอ่อนมีความยืดหยุ่น และสามารถรองรับการเคลื่อนไหวของกระดูกข้อต่อได้ ซึ่งจัดเป็นบทบาทสำคัญของกลูโคซามีนในเรื่องการทำงานของข้อ นอกจากนี้กลูโคซามีนยังมีผลยับยั้งการทำงานของสารอักเสบได้หลายชนิด จึงมีผลลดการอักเสบของข้อด้วย
การให้ผู้ป่วยโรคข้อเข่าเสื่อมได้รับกลูโคซามีนซัลเฟตในขนาด 1,500 มิลลิกรัมต่อวัน เป็นเวลานาน 3 ปี ช่วยลดอาการปวด และช่วยลดการแคบของข้อได้ ส่วนการใช้กลูโคซามีนซัลเฟตในระยะสั้น เช่น 3-6 เดือน พบว่าผลการศึกษามีทั้งสองแบบ คือ ให้ผลดีในการรักษา และไม่เห็นความแตกต่าง
- อาการไม่พึงประสงค์ที่พบได้บ่อยจากการรับประทานกลูโคซามีน คือ คลื่นไส้ ท้องเสีย แสบท้อง ปวดท้อง ท้องอืด นอกจากนี้ยังอาจพบอาการง่วงซึม ผื่นแพ้ผิวหนัง แพ้แสง ปากคอบวม (angioedema) หรือกระตุ้นให้เกิดการจับหืดได้
- ควรระมัดระวังการแพ้ในผู้ป่วยที่มีประวัติแพ้อาหารทะเล โดยเฉพาะกุ้ง ปู เพราะกลูโคซามีนที่มีจำหน่ายสังเคราะห์มาจากเปลือกของสัตว์ดังกล่าว
- ควรระมัดระวังการใช้ในผู้ป่วยโรคเบาหวาน โดยเฉพาะถ้าไม่สามารถคุมระดับน้ำตาลในเลือดได้ตามเป้าหมายการรักษา เพราะมีรายงานในสัตว์ทดลองว่ากลูโคซามีนทำให้การหลั่งอินซูลินลดลงได้ ถึงแม้ว่าจะยังไม่พบรายงานดังกล่าวในคนก็ตาม
การให้ผู้ป่วยโรคข้อเข่าเสื่อมได้รับกลูโคซามีนซัลเฟตในขนาด 1,500 มิลลิกรัมต่อวัน เป็นเวลานาน 3 ปี ช่วยลดอาการปวด และช่วยลดการแคบของข้อได้ ส่วนการใช้กลูโคซามีนซัลเฟตในระยะสั้น เช่น 3-6 เดือน พบว่าผลการศึกษามีทั้งสองแบบ คือ ให้ผลดีในการรักษา และไม่เห็นความแตกต่าง
- อาการไม่พึงประสงค์ที่พบได้บ่อยจากการรับประทานกลูโคซามีน คือ คลื่นไส้ ท้องเสีย แสบท้อง ปวดท้อง ท้องอืด นอกจากนี้ยังอาจพบอาการง่วงซึม ผื่นแพ้ผิวหนัง แพ้แสง ปากคอบวม (angioedema) หรือกระตุ้นให้เกิดการจับหืดได้
- ควรระมัดระวังการแพ้ในผู้ป่วยที่มีประวัติแพ้อาหารทะเล โดยเฉพาะกุ้ง ปู เพราะกลูโคซามีนที่มีจำหน่ายสังเคราะห์มาจากเปลือกของสัตว์ดังกล่าว
- ควรระมัดระวังการใช้ในผู้ป่วยโรคเบาหวาน โดยเฉพาะถ้าไม่สามารถคุมระดับน้ำตาลในเลือดได้ตามเป้าหมายการรักษา เพราะมีรายงานในสัตว์ทดลองว่ากลูโคซามีนทำให้การหลั่งอินซูลินลดลงได้ ถึงแม้ว่าจะยังไม่พบรายงานดังกล่าวในคนก็ตาม
1
Add a comment...
การกินอาหารเสริมคอลลาเจนในรูป collagen hydrolysate ช่วยลดอาการปวดบริเวณข้อได้
http://www.pharmacy.mahidol.ac.th/dic/qa_full.php?id=3682
http://www.pharmacy.mahidol.ac.th/dic/qa_full.php?id=3682
1
Add a comment...
อาหารเสริมกับโรคข้อ
นพ. พงษ์ศักดิ์ วัฒนา
เป็นความเชื่อของมนุษย์เราตั้งแต่สมัยดึกดำบรรพ์ที่พยายามขวนขวายหาวิธีการลดอาการปวดของข้อต่อที่อักเสบ ตลอดจนอาการปวดทุกชนิดที่เป็นเรื้อรังและไม่ทราบสาเหตุ โดยการเลือกหรืองดอาหารบางประเภท ว่าสามารถลดอาการปวดลงได้
ในปัจจุบันนี้ได้มีการพิสูจน์ที่แน่นอนว่าอาหารที่มีกรดยูริกสูง อาทิเช่น เครื่องในสัตว์ ยอดผักบางประเภท จะทำให้มีอาการกำเริบในผู้ป่วยที่เป็นโรคเก๊าต์ได้ กรุณาเข้าใจว่าการงดอาหารเหล่านี้ก็ไม่ได้ทำให้โรคเก๊าต์หายไป ด้วยยาที่รักษาโรคเก๊าต์ในปัจจุบัน ผู้ป่วยที่เป็นโรคเก๊าต์ก็ยังคงสามารถรับประทานอาหารที่มีกรดยูริกได้ และยังคงดื่มแอลกอฮอล์ในวงสังคมได้
ในประเทศสหรัฐอเมริกา ยุโรป แม้แต่ในประเทศไทยมีการจำหน่ายอาหารเสริมกันอย่างมากมาย และมีการอวดอ้างสรรพคุณในการรักษาโรคจากอาการปวดได้ทุกชนิด เป็นธุรกิจที่ดีมาก อาหารเสริมดังกล่าวมีดังนี้
1. อาหารเสริมแคลเซี่ยม
2. วิตามินเสริม
3. น้ำมันจากปลา ( Fish Oil )
4. เกลือแร่ต่าง ๆ เช่น ธาตุเหล็ก , ธาตุสังกะสี
5. สมุนไพรชนิดต่าง ๆ
6. กระเทียม
7. น้ำผึ้ง
8. กลูโคซามีน , ดอนครอยติน ( Glueosamine และ Chondroitin )
9. น้ำผลไม้ น้ำจากลูกยอทั้งจากต่างประเทศและในประเทศ
อาหารเสริมเหล่านี้มีการพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์ว่าสามารถรักษาโรคอาการปวดข้อ หรืออาการปวดเรื้อรังน้อยมาก ในต่างประเทศกลุ่มของอาหารเสริมสามารถจะหาซื้อได้โดยไม่ต้องใช้ใบสั่งยา ผู้ป่วยที่เป็นโรคข้อซึ่งพวกเราคงทราบแล้วว่ากว่าร้อยละ90ของโรคข้อเป็นโรคที่รักษาไม่หายขาด จำเป็นต้องรับประทานยาต้านการอักเสบ (N’SAID s) เป็นระยะเวลาเป็นเดือนหรือเป็นปี ก็พยายามดิ้นรนที่จะรักษาโรคข้อให้หายขาดจากการแนะนำของเพื่อน การโฆษณาทางหนังสือพิมพ์ หรือการซื้อขายทางตรง ( Direct Sale ) เพื่อหวังว่าอาการทางโรคข้อมีโอกาสหายขาดได้ การซื้ออาหารเสริมมารับประทานกันเองทำให้ต้องสูญเสียเงินทองอย่างมหาศาลในแต่ละปี ผู้เขียนเคยพบอาหารเสริมจำนวนมากมายจากผู้ป่วยที่มารักษาที่คลินิกส่วนตัวที่นำมาให้ดู โดยที่ญาติอาจจะเป็นลูกหรือพี่น้องที่หวังดีซื้อส่งมาจากประเทศอเมริกา มาให้รับประทาน
วิตามินเสริม ในขนาดที่แนะนำจะไม่เกิดอันตรายต่อสุขภาพแต่ถ้ารับประทานวิตามินเอ หรือวิตามินดี ในขนาดที่สูงกว่าที่กำหนดไว้จะมีอันตรายต่อสุขภาพได้
อาหารเสริมที่มีไขมันต่ำ และมีใยอาหาร ผลไม้หรือผัก จะมีประโยชน์ต่อคนทุกคน
ธาตุเหล็ก ใช้ในการรักษาในโรคโลหิตจาง ซึ่งพบบ่อยในคนที่เป็นโรคข้ออักเสบรูมาตอยด์ สาเหตุการเป็นโรคโลหิตจางมีสาเหตุจากโรคข้ออักเสบรูมาตอยด์เอง หรือจากการรับประทานยาต้านอักเสบ ( N ’ SAID s ) ทำให้เกิดแผลในกระเพาะหรือจากรับประทานยาสเตียรอยด์มานาน ๆ การรับประทานธาตุเหล็กอย่างเดียวอาจจะไม่ได้ผล ควรปรึกษาแพทย์โรคข้อทุกครั้งก่อนรับประทานธาตุเหล็ก
แคลเซี่ยมเป็นอาหารเสริมยอดฮิตในปัจจุบัน ประชาชนทั่วไปเมื่อมีอาการปวดจากข้อเสื่อมหรือข้ออักเสบชนิดใดก็ตาม จะไปซื้อแคลเซี่ยมมารับประทาน ทำให้บริษัทขายนมมีการผสมระดับของแคลเซี่ยมให้สูงขึ้น เพื่อเป็นจุดขายของสินค้าของตน
แคลเซี่ยมจะมีประโยชน์
1. ในเด็กที่กำลังเจริญเติบโต
2. ผู้หญิงตั้งครรภ์ที่ต้องแบ่งแคลเซี่ยมที่แม่รับประทานไปให้ลูกในท้อง
3. ในผู้สูงอายุที่รับประทานลำบาก และระบบย่อยอาหารไม่ค่อยดี
4. ในผู้หญิงที่หมดประจำเดือน มีฮอร์โมนเอสโตรเจนต่ำลง
แคลเซี่ยมจะช่วยให้กระดูกแข็งแรงขึ้น ป้องกันโรคกระดูกโปร่งบาง ( Osteoporosis ) ซึ่งโรคนี้ปกติจะไม่ค่อยมีอาการปวด จะมีอาการปวดเมื่อกระดูกหักแล้ว ประชาชนทั่วไปเข้าใจผิด คิดว่าแคลเซี่ยมสามารถรักษาโรคข้ออักเสบได้ ( Arthritis ) บางคนดื่มนมตลอดทั้งวันเพื่อให้อาการปวดเข่าหายไป ซึ่งนอกจากจะเสียเงินแล้วยิ่งทำให้ตนเองอ้วนมากขึ้น ก็ยิ่งทำให้ข้อเข่าเสื่อมมากขึ้น
กลูโคซามีน และคอนตรอยติน
อาหารเสริมในกลุ่มนี้เป็นที่นิยมกันมาก มีกว่า 100 ชนิด ผลิตจากหลายบริษัท กลูโคซามีน สกัดมาจากกระดองปู กุ้งมังกร และเปลือกกุ้ง ส่วนคอนตรอยติน สกัดมาจากหลอดลมของวัว ควาย โดยเชื่อว่าสารทั้ง 2 ชนิดนี้จะช่วยซ่อมสร้างผิวกระดูกอ่อนที่ปลายกระดูกในข้อต่อเสื่อม ให้กลับฟื้นขึ้นมาได้ และทำให้ลดอาการปวดลง แพทย์กระดูกและข้อในประเทศสหรัฐอเมริกา ไม่เชื่อว่าอาหารเสริมกลุ่มนี้ช่วยรักษาข้อเสื่อมได้ แต่แพทย์กระดูกและข้อในทวีปยุโรปมีความเชื่อว่าช่วยรักษาได้ โดยสรุปแล้วการรักษาโรคข้อเสื่อมด้วยกลูโคซามีน และคอนดรอยตินในโรคข้อเสื่อมยังเป็นข้อถกเถียงกันอยู่ แต่มีหลักการคร่าว ๆ ดังนี้
ถ้ารับประทานยาในกลุ่มนี้แล้วไม่ได้ผลในการลดอาการปวดจากข้อเสื่อมในระยะเวลา 1 – 2 เดือน ควรหยุดยาได้แล้ว ปกติจะได้ผลในระยะเวลา 6 – 8 สัปดาห์ โดยใช้ขนาดดังนี้
กลูโคซามีน 1,500 มก. / วัน
คอนดรอยติน 1,200 มก. / วัน
1. โรคข้ออักเสบรูมาตอยด์ เป็นโรคข้ออักเสบที่พบได้บ่อย ร้อยละ 0.3-1.5 ในประชากรทั่วไป เป็นโรคข้อที่ไม่ทราบสาเหตุ และรักษาไม่หายขาด มีการอักเสบของข้อต่อทุกข้อในร่างกาย ในช่วงศตวรรษที่ผ่านมาได้มีผู้พยายามที่จะหาวิธีการรักษาโรคข้ออักเสบรูมาตอยด์ให้หายขาด การรักษาในปัจจุบันได้แต่ใช้ยากดอาหารอักเสบของข้อต่อให้นานที่สุดที่จะนานได้ การให้อาหารเสริมซึ่งผลการรักษายังไม่ได้ผลแน่นอน การให้อาหารเสริมมีหลักการในการรักษาดังนี้
ลักษณะที่ 1 เป็นการเสริมอาหารที่ช่วยลดอาการปวดลงในอาหาร
ลักษณะที่ 2 เป็นการกำจัดสารที่เชื่อว่าเป็นสาเหตุของอาการปวด หรืออาการกำเริบออกจากอาหาร
อย่างไรก็ตาม อาหารที่มีไขมันต่ำ มีใยอาหาร , ผลไม้ , ผัก จะมีประโยชน์อย่างมากในผู้ป่วยโรคข้ออักเสบรูมาตอยด์
โรคข้ออักเสบรูมาตอยด์ มักจะมีอาการของโรคโลหิตจางร่วมด้วย อาจจะมาจากยาต้านการอักเสบ ( N ’ SAID s ) ที่รับประทานนาน ๆ ทำให้เป็นโรคแผลในกระเพาะ และมีเลือดออก การรับประทานธาตุเหล็กอย่างเดียวอาจจะไม่ได้ผล
2. โรคข้อเสื่อม พบบ่อยในผู้ที่น้ำหนักตัวมาก และผู้สูงอายุ เป็นกับข้อต่อที่รับน้ำหนัก เช่น ข้อเข่า , ข้อตะโพก การลดน้ำหนักตัวด้วยการรับประทานอาหารที่ถูกวิธีร่วมกับการออกกำลังกาย ถ้าท่านมีปัญหาในการลดน้ำหนัก ปรึกษาแพทย์จะปลอดภัยที่สุด
3. โรคกระดูกพรุน , โรคกระดูกโปร่งบาง (Osteoporosis)โรคกระดูกพรุนพบบ่อยในผู้สูงอายุ โดยเฉพาะผู้หญิงหลังหมดประจำเดือนแล้ว
การรักษาโรคกระดูกโปร่งบาง หรือกระดูกพรุน โดยการออกกำลังกายสม่ำเสมอจะทำให้กระดูกแข็งแรงได้ ผู้หญิงหลังหมดประจำเดือนแล้วควรให้อาหารเสริมแคลเซี่ยม 1 กรัม / วัน , วิตามินดี 40 ยูนิต / วัน ( นมที่ปราศจากไขมันครึ่งลิตรจะมีแคลเซี่ยมสูง 700 มก. )
ถ้าท่านอยากจะลองรับประทานอาหารเสริมขอแนะนำดังนี้
1. ปรึกษาแพทย์ก่อนว่าควรจะรับประทานอาหารเสริมหรือไม่ ?
2. อย่าหยุดยาที่แพทย์สั่งให้รับประทาน
3. ควรจะให้แพทย์วินิจฉัยว่าเป็นอาการปวดจากโรคข้อเสื่อม กลูโคซามิน , คอนดรอยติน ไม่สามารถรักษาอาการปวดจากโรคเนื้องอก ( Cancer ) , กระดูกหัก หรือข้ออักเสบรูมาตอยด์ได้
4. อย่ารับประทานอาหารเสริม ถ้าท่านตั้งท้องหรือคิดว่าตั้งท้อง และไม่ควรให้เด็กรับประทาน
5. ถ้าท่านเป็นโรคเบาหวาน ถ้ารับประทานกลูโคซามิน ควรจะตรวจระดับน้ำตาลในเลือดให้บ่อยขึ้น
6. คนที่แพ้อาหารทะเล จะมีโอกาสแพ้อาหารเสริมกลูโคซามีนด้วย
7. ถ้าท่านรับประทาน แอสไพริน ในการป้องกันหลอดเลือดตีบในหัวใจ ถ้ารับประทาน คอนดรอยติน ควรจะตรวจการแข็งตัวของเลือดในร่างกาย
8. อย่าหยุดยาที่รับประทานในการรักษาโรคข้อ แม้ว่ารับประทานอาหารเสริมแล้ว ลดอาการปวดข้อได้
9. บริหารร่างกาย รักษาน้ำหนักตัวอย่าให้อ้วนเกินไป และรับประทานอาหารตามที่แพทย์สั่ง
http://www.thaiarthritis.org/article02_k.htm
นพ. พงษ์ศักดิ์ วัฒนา
เป็นความเชื่อของมนุษย์เราตั้งแต่สมัยดึกดำบรรพ์ที่พยายามขวนขวายหาวิธีการลดอาการปวดของข้อต่อที่อักเสบ ตลอดจนอาการปวดทุกชนิดที่เป็นเรื้อรังและไม่ทราบสาเหตุ โดยการเลือกหรืองดอาหารบางประเภท ว่าสามารถลดอาการปวดลงได้
ในปัจจุบันนี้ได้มีการพิสูจน์ที่แน่นอนว่าอาหารที่มีกรดยูริกสูง อาทิเช่น เครื่องในสัตว์ ยอดผักบางประเภท จะทำให้มีอาการกำเริบในผู้ป่วยที่เป็นโรคเก๊าต์ได้ กรุณาเข้าใจว่าการงดอาหารเหล่านี้ก็ไม่ได้ทำให้โรคเก๊าต์หายไป ด้วยยาที่รักษาโรคเก๊าต์ในปัจจุบัน ผู้ป่วยที่เป็นโรคเก๊าต์ก็ยังคงสามารถรับประทานอาหารที่มีกรดยูริกได้ และยังคงดื่มแอลกอฮอล์ในวงสังคมได้
ในประเทศสหรัฐอเมริกา ยุโรป แม้แต่ในประเทศไทยมีการจำหน่ายอาหารเสริมกันอย่างมากมาย และมีการอวดอ้างสรรพคุณในการรักษาโรคจากอาการปวดได้ทุกชนิด เป็นธุรกิจที่ดีมาก อาหารเสริมดังกล่าวมีดังนี้
1. อาหารเสริมแคลเซี่ยม
2. วิตามินเสริม
3. น้ำมันจากปลา ( Fish Oil )
4. เกลือแร่ต่าง ๆ เช่น ธาตุเหล็ก , ธาตุสังกะสี
5. สมุนไพรชนิดต่าง ๆ
6. กระเทียม
7. น้ำผึ้ง
8. กลูโคซามีน , ดอนครอยติน ( Glueosamine และ Chondroitin )
9. น้ำผลไม้ น้ำจากลูกยอทั้งจากต่างประเทศและในประเทศ
อาหารเสริมเหล่านี้มีการพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์ว่าสามารถรักษาโรคอาการปวดข้อ หรืออาการปวดเรื้อรังน้อยมาก ในต่างประเทศกลุ่มของอาหารเสริมสามารถจะหาซื้อได้โดยไม่ต้องใช้ใบสั่งยา ผู้ป่วยที่เป็นโรคข้อซึ่งพวกเราคงทราบแล้วว่ากว่าร้อยละ90ของโรคข้อเป็นโรคที่รักษาไม่หายขาด จำเป็นต้องรับประทานยาต้านการอักเสบ (N’SAID s) เป็นระยะเวลาเป็นเดือนหรือเป็นปี ก็พยายามดิ้นรนที่จะรักษาโรคข้อให้หายขาดจากการแนะนำของเพื่อน การโฆษณาทางหนังสือพิมพ์ หรือการซื้อขายทางตรง ( Direct Sale ) เพื่อหวังว่าอาการทางโรคข้อมีโอกาสหายขาดได้ การซื้ออาหารเสริมมารับประทานกันเองทำให้ต้องสูญเสียเงินทองอย่างมหาศาลในแต่ละปี ผู้เขียนเคยพบอาหารเสริมจำนวนมากมายจากผู้ป่วยที่มารักษาที่คลินิกส่วนตัวที่นำมาให้ดู โดยที่ญาติอาจจะเป็นลูกหรือพี่น้องที่หวังดีซื้อส่งมาจากประเทศอเมริกา มาให้รับประทาน
วิตามินเสริม ในขนาดที่แนะนำจะไม่เกิดอันตรายต่อสุขภาพแต่ถ้ารับประทานวิตามินเอ หรือวิตามินดี ในขนาดที่สูงกว่าที่กำหนดไว้จะมีอันตรายต่อสุขภาพได้
อาหารเสริมที่มีไขมันต่ำ และมีใยอาหาร ผลไม้หรือผัก จะมีประโยชน์ต่อคนทุกคน
ธาตุเหล็ก ใช้ในการรักษาในโรคโลหิตจาง ซึ่งพบบ่อยในคนที่เป็นโรคข้ออักเสบรูมาตอยด์ สาเหตุการเป็นโรคโลหิตจางมีสาเหตุจากโรคข้ออักเสบรูมาตอยด์เอง หรือจากการรับประทานยาต้านอักเสบ ( N ’ SAID s ) ทำให้เกิดแผลในกระเพาะหรือจากรับประทานยาสเตียรอยด์มานาน ๆ การรับประทานธาตุเหล็กอย่างเดียวอาจจะไม่ได้ผล ควรปรึกษาแพทย์โรคข้อทุกครั้งก่อนรับประทานธาตุเหล็ก
แคลเซี่ยมเป็นอาหารเสริมยอดฮิตในปัจจุบัน ประชาชนทั่วไปเมื่อมีอาการปวดจากข้อเสื่อมหรือข้ออักเสบชนิดใดก็ตาม จะไปซื้อแคลเซี่ยมมารับประทาน ทำให้บริษัทขายนมมีการผสมระดับของแคลเซี่ยมให้สูงขึ้น เพื่อเป็นจุดขายของสินค้าของตน
แคลเซี่ยมจะมีประโยชน์
1. ในเด็กที่กำลังเจริญเติบโต
2. ผู้หญิงตั้งครรภ์ที่ต้องแบ่งแคลเซี่ยมที่แม่รับประทานไปให้ลูกในท้อง
3. ในผู้สูงอายุที่รับประทานลำบาก และระบบย่อยอาหารไม่ค่อยดี
4. ในผู้หญิงที่หมดประจำเดือน มีฮอร์โมนเอสโตรเจนต่ำลง
แคลเซี่ยมจะช่วยให้กระดูกแข็งแรงขึ้น ป้องกันโรคกระดูกโปร่งบาง ( Osteoporosis ) ซึ่งโรคนี้ปกติจะไม่ค่อยมีอาการปวด จะมีอาการปวดเมื่อกระดูกหักแล้ว ประชาชนทั่วไปเข้าใจผิด คิดว่าแคลเซี่ยมสามารถรักษาโรคข้ออักเสบได้ ( Arthritis ) บางคนดื่มนมตลอดทั้งวันเพื่อให้อาการปวดเข่าหายไป ซึ่งนอกจากจะเสียเงินแล้วยิ่งทำให้ตนเองอ้วนมากขึ้น ก็ยิ่งทำให้ข้อเข่าเสื่อมมากขึ้น
กลูโคซามีน และคอนตรอยติน
อาหารเสริมในกลุ่มนี้เป็นที่นิยมกันมาก มีกว่า 100 ชนิด ผลิตจากหลายบริษัท กลูโคซามีน สกัดมาจากกระดองปู กุ้งมังกร และเปลือกกุ้ง ส่วนคอนตรอยติน สกัดมาจากหลอดลมของวัว ควาย โดยเชื่อว่าสารทั้ง 2 ชนิดนี้จะช่วยซ่อมสร้างผิวกระดูกอ่อนที่ปลายกระดูกในข้อต่อเสื่อม ให้กลับฟื้นขึ้นมาได้ และทำให้ลดอาการปวดลง แพทย์กระดูกและข้อในประเทศสหรัฐอเมริกา ไม่เชื่อว่าอาหารเสริมกลุ่มนี้ช่วยรักษาข้อเสื่อมได้ แต่แพทย์กระดูกและข้อในทวีปยุโรปมีความเชื่อว่าช่วยรักษาได้ โดยสรุปแล้วการรักษาโรคข้อเสื่อมด้วยกลูโคซามีน และคอนดรอยตินในโรคข้อเสื่อมยังเป็นข้อถกเถียงกันอยู่ แต่มีหลักการคร่าว ๆ ดังนี้
ถ้ารับประทานยาในกลุ่มนี้แล้วไม่ได้ผลในการลดอาการปวดจากข้อเสื่อมในระยะเวลา 1 – 2 เดือน ควรหยุดยาได้แล้ว ปกติจะได้ผลในระยะเวลา 6 – 8 สัปดาห์ โดยใช้ขนาดดังนี้
กลูโคซามีน 1,500 มก. / วัน
คอนดรอยติน 1,200 มก. / วัน
1. โรคข้ออักเสบรูมาตอยด์ เป็นโรคข้ออักเสบที่พบได้บ่อย ร้อยละ 0.3-1.5 ในประชากรทั่วไป เป็นโรคข้อที่ไม่ทราบสาเหตุ และรักษาไม่หายขาด มีการอักเสบของข้อต่อทุกข้อในร่างกาย ในช่วงศตวรรษที่ผ่านมาได้มีผู้พยายามที่จะหาวิธีการรักษาโรคข้ออักเสบรูมาตอยด์ให้หายขาด การรักษาในปัจจุบันได้แต่ใช้ยากดอาหารอักเสบของข้อต่อให้นานที่สุดที่จะนานได้ การให้อาหารเสริมซึ่งผลการรักษายังไม่ได้ผลแน่นอน การให้อาหารเสริมมีหลักการในการรักษาดังนี้
ลักษณะที่ 1 เป็นการเสริมอาหารที่ช่วยลดอาการปวดลงในอาหาร
ลักษณะที่ 2 เป็นการกำจัดสารที่เชื่อว่าเป็นสาเหตุของอาการปวด หรืออาการกำเริบออกจากอาหาร
อย่างไรก็ตาม อาหารที่มีไขมันต่ำ มีใยอาหาร , ผลไม้ , ผัก จะมีประโยชน์อย่างมากในผู้ป่วยโรคข้ออักเสบรูมาตอยด์
โรคข้ออักเสบรูมาตอยด์ มักจะมีอาการของโรคโลหิตจางร่วมด้วย อาจจะมาจากยาต้านการอักเสบ ( N ’ SAID s ) ที่รับประทานนาน ๆ ทำให้เป็นโรคแผลในกระเพาะ และมีเลือดออก การรับประทานธาตุเหล็กอย่างเดียวอาจจะไม่ได้ผล
2. โรคข้อเสื่อม พบบ่อยในผู้ที่น้ำหนักตัวมาก และผู้สูงอายุ เป็นกับข้อต่อที่รับน้ำหนัก เช่น ข้อเข่า , ข้อตะโพก การลดน้ำหนักตัวด้วยการรับประทานอาหารที่ถูกวิธีร่วมกับการออกกำลังกาย ถ้าท่านมีปัญหาในการลดน้ำหนัก ปรึกษาแพทย์จะปลอดภัยที่สุด
3. โรคกระดูกพรุน , โรคกระดูกโปร่งบาง (Osteoporosis)โรคกระดูกพรุนพบบ่อยในผู้สูงอายุ โดยเฉพาะผู้หญิงหลังหมดประจำเดือนแล้ว
การรักษาโรคกระดูกโปร่งบาง หรือกระดูกพรุน โดยการออกกำลังกายสม่ำเสมอจะทำให้กระดูกแข็งแรงได้ ผู้หญิงหลังหมดประจำเดือนแล้วควรให้อาหารเสริมแคลเซี่ยม 1 กรัม / วัน , วิตามินดี 40 ยูนิต / วัน ( นมที่ปราศจากไขมันครึ่งลิตรจะมีแคลเซี่ยมสูง 700 มก. )
ถ้าท่านอยากจะลองรับประทานอาหารเสริมขอแนะนำดังนี้
1. ปรึกษาแพทย์ก่อนว่าควรจะรับประทานอาหารเสริมหรือไม่ ?
2. อย่าหยุดยาที่แพทย์สั่งให้รับประทาน
3. ควรจะให้แพทย์วินิจฉัยว่าเป็นอาการปวดจากโรคข้อเสื่อม กลูโคซามิน , คอนดรอยติน ไม่สามารถรักษาอาการปวดจากโรคเนื้องอก ( Cancer ) , กระดูกหัก หรือข้ออักเสบรูมาตอยด์ได้
4. อย่ารับประทานอาหารเสริม ถ้าท่านตั้งท้องหรือคิดว่าตั้งท้อง และไม่ควรให้เด็กรับประทาน
5. ถ้าท่านเป็นโรคเบาหวาน ถ้ารับประทานกลูโคซามิน ควรจะตรวจระดับน้ำตาลในเลือดให้บ่อยขึ้น
6. คนที่แพ้อาหารทะเล จะมีโอกาสแพ้อาหารเสริมกลูโคซามีนด้วย
7. ถ้าท่านรับประทาน แอสไพริน ในการป้องกันหลอดเลือดตีบในหัวใจ ถ้ารับประทาน คอนดรอยติน ควรจะตรวจการแข็งตัวของเลือดในร่างกาย
8. อย่าหยุดยาที่รับประทานในการรักษาโรคข้อ แม้ว่ารับประทานอาหารเสริมแล้ว ลดอาการปวดข้อได้
9. บริหารร่างกาย รักษาน้ำหนักตัวอย่าให้อ้วนเกินไป และรับประทานอาหารตามที่แพทย์สั่ง
http://www.thaiarthritis.org/article02_k.htm
1
Add a comment...
No comments:
Post a Comment